โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รักกันแทบตาย! พอ “ไม่รัก” ต้อง “ฆ่า” ?

TheHippoThai.com

เผยแพร่ 07 ส.ค. 2561 เวลา 05.00 น.

รักกันแทบตาย! พอ “ไม่รัก” ต้อง “ฆ่า” ?

เมื่อรักทำร้าย! จากคดีสะเทือนขวัญ เมื่อ "เสี่ยอ้วน" หึงโหดสั่งซุ่มยิงฝั่ง "น้องสปาย" ดับหน้าพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์จังหวัดชลบุรีเมื่อวันที่29 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ นับเป็นอีกหนึ่งในหลายร้อยคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นมาจากคำว่า "รัก"  วันนี้เราขอพาคุณย้อนไปอ่านทั้ง 5 คดีพิษรักแรงหึงที่สะเทือนขวัญคนไทยและยังเป็นที่กล่าวถึงอยู่ตลอดเปิดปมความขัดแย้งว่าเพราะอะไรความรักจึงจบลงด้วยการทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม

เครดิตภาพ: https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1255269
เครดิตภาพ: https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1255269

1. เสี่ยอ้วน-น้องสปาย: เปย์หลักล้านไม่ได้ใจ สุดท้ายสั่งฆ่า

คู่กรณีในคดีนี้คือ เสี่ยอ้วน นายปัญญา ยิ่งดัง นักธุรกิจเจ้าของสถานบันเทิงย่านป่าตอง และสาวสวยดีกรีนางงามธิดาแพรวา น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือน้องสปาย ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเมื่อ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา น้องสปาย-น้องฟอส เพื่อนชายมาเที่ยวฉลองวันเกิดที่พัทยากับเพื่อนรวม 4 คนก่อนจะพบคนร้ายขับรถเก๋งสีขาวไม่ทราบทะเบียน ซุ่มยิงเสียชีวิตคาลานจอดรถ ฝั่งตรงข้ามหน้าพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ จากนั้นตำรวจภาค 2 ได้ระดมทีมสืบสวนไล่ล่าแก๊งโดยสอบปากคำผู้ใกล้ชิดแล้วตั้งปมชู้สาวไว้ก่อน เพราะมีเสี่ยภูเก็ตที่มาติดพันน้องสปาย ทราบชื่อภายหลังว่า เสี่ยอ้วน นายปัญญา ยิ่งดัง ซึ่งเป็นเจ้าของสถานบันเทิงโดยมีเหตุจากความหึงหวง

นายธรรมรัตน์ สุวรรณโพธิศรี หรือ โจ้ สปอตไลท์ ผู้ก่อตั้งเพจ Spotlight Phuket เพื่อนสนิทของเสี่ยอ้วนเผยถึงต้นตอว่า น้องสปายเคยทำงานเป็นโคโยตี้ที่ร้านของเสี่ยอ้วนมาก่อน เคยส่งเสียดูแลเป็นอย่างดีถึงขั้นหมดเงินไป 4 ล้านบาท ในขณะอดีตพนักงานร้านของเสี่ยอ้วนก็ยืนยันอีกเสียงว่า ทั้งร้านทราบดีว่าทั้งคู่คบหากันจริง แถมทางบ้านของฝ่ายหญิงก็รับรู้ ส่วนเพื่อนชายคนสนิทคือน้องฟอสนั้นแม้จะมีอาการตุ้งติ้งแต่ก็มีใจให้น้องสปายและคบหากันจริง ก่อนที่จะหนีมาอยู่ด้วยกันที่จังหวัดนครปฐมซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นเหตุให้เสี่ยอ้วนไม่พอใจถึงขั้นคิดก่อเหตุนั่นเอง

เครดิตภาพ: https://www.springnews.co.th/view/294420
เครดิตภาพ: https://www.springnews.co.th/view/294420

2. วุธ-น้องเมย์ : ทุบหัวดับคามือ นอนกับศพ ก่อนชำแหละ 14 ชิ้น

เรียกได้ว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญประจำเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อมีผู้พบศพหญิงสาวผมแดงถูกฆ่าหั่นศพ แยกชิ้นส่วนรวม 14 ชิ้น ยัดใส่กระสอบปุ๋ยโยนทิ้งอยู่ในป่าซอยสามวา ตรงข้ามโรงงานที่นอนดาริ่ง แขวงบางชัน เขตคลองสามวา  ทราบชื่อภายหลังว่าเป็น นางสาวลักษณา กำลังเก่ง หรือเมย์ อายุ 24 ปี  พนักงานบัญชี บริษัทแห่งหนึ่ง และผู้ก่อเหตุคือ นายธนกฤต ประกอบ หรือ วุธ อายุ 36 ปี ช่างเทคนิคตัดสติกเกอร์ ซึ่งเคยทำงานโรงงานแล่ไก่มาก่อน 

เจ้าตัวสารภาพว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายขอกลับไปทำใบขับขี่ที่ต่างจังหวัด แต่เมื่อกลับมาผู้ตายบอกกับตนว่าจะขอกลับไปเลี้ยงลูกที่เกิดกับสามีเก่า ซึ่งตอนแรกตนให้ไป แต่สุดท้ายหึงหวงจนทำใจไม่ได้ ใช้ฆ้อนทุบศีรษะผู้ตายจนแน่นิ่งก่อนจะนอนกอดศพน้องเมย์ตลอดทั้งคืน ก่อนจะชำแหละศพแล้วยัดถุงปุ๋ยนับไปทิ้งยังจุดที่พบศพตามที่เป็นข่าว แต่สิ่งที่ฮือฮาเป็นอย่างมากในคดีนี้อีกอย่างหนึ่ง คือ ผู้ต้องหาใช้วิธีแกล้งตีเนียนไม่รู้เรื่อง ทั้งทำทีเป็นซื้อข้าวไปฝากแฟนทั้งที่แฟนสาวเสียชีวิตไปแล้ว ทั้งยังแชร์ข่าวของน้องเมย์ในหน้าเฟสของตัวเอง พร้อมกับแสดงความเห็นทำนองว่า คนสมัยนี้ใจคอโหดเหี้ยมทั้งที่ตนเป็นผู้ก่อเหตุ 

เครดิตภาพ: http://www.amarintv.com/news-update/news-1987/67559/
เครดิตภาพ: http://www.amarintv.com/news-update/news-1987/67559/

3. นายพลกฤต-น้องพลอย : 3 ปีที่ลูกสาวถูกทหารอุ้มหายแม่เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายก

คดีสะเทือนใจคดีนี้ถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียลเมื่อช่วงวันแม่ปีที่แล้ว นางพัชรี ปั้นทอง แม่ของ น.ส.พลอยรินทร์ หรือ น้องพลอย ผลิผล อายุ 28 ปี ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีเรื่องความล่าช้าของกระบวนการยุติธรรม เข้าร้องเรียนให้ช่วยติดตามคดีที่ลูกสาวถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อุ้มหาย  นางพัชรีเล่าว่าก่อนหายตัวไปเมื่อเย็นวันที่ 21 พ.ค. 2557 ลูกสาวยังส่งข้อความมาหาเธอทางไลน์ว่าให้เตรียมอาหารให้ แต่ผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงก็ไม่กลับบ้านจึงเข้าแจ้งความ แต่คดีก็ไม่คืบหน้าเลยเป็นเวลาตลอด 3 ปี โดยนางพัชรีเองเชื่อว่าเป็นฝีมือของนายพลกฤต อดีตแฟนของลูกสาว ที่น้องพลอยเองเคยจับได้ว่า ฝ่ายชายมีครอบครัวอยู่แล้วจึงตีตัวออกห่าง ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ฝ่ายชายไม่พอใจ 

ในที่สุดความจริงก็คลี่คลายเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2560 ตำรวจนำกำลังเข้าปิดล้อมค่ายสุรธรรมพิทักษ์เพื่อจับกุม นายพลกฤต วิเศษ อดีตแฟนของพลอยซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดี เจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้พาตัวน้องพลอยไปจริง โดยก่อนจะที่ลงมือตนมีปากเสียงกับน้องพลอยแล้วบันดาลโทสะพลั้งมือบีบคอน้องจนเสียชีวิต ก่อนจะนำศพไปนั่งยางเผาในพื้นที่อำเภอแก่งคอย จ.สระบุรี ทั้งนี้เหตุที่ทะเลาะวิวาทจนลงมือเพราะความหึงหวงหลังจากที่น้องพลอยขอแยกทางเนื่องจากจับได้ว่าต้นมีครอบครัวแล้ว ที่น่าสลดใจไปกว่านั้นภรรยาคนก่อนของนายพลกฤต ก็ให้ที่พักพิงสามีหลังจากรับรู้ว่ากระทำความผิดมาโดยตลอด ซึ่งท้ายที่สุดตำรวจก็เอาผิดภรรยาเก่าฐานช่วยหลบหนีการจับกุมและให้ที่พักพิงสิบเอกพลกฤตผู้เป็นสามีและพ่อของลูกเช่นกัน   

เครดิตภาพ: https://www.thairath.co.th/content/958717
เครดิตภาพ: https://www.thairath.co.th/content/958717

4. เสริม สาครราษฎร์- เจนจิรา: เขย่าวงการเสื้อกาวน์หมอฆ่าแฟนสาวหั่นศพทิ้งชักโครก

"มีครั้งหนึ่งที่เรานัดกันไปไหนสักแห่งแต่ปรากฏว่าเขาไม่ยอมมาตามนัด ผมเลยจะโทรไปฝากข้อความทางเพจเจอร์ของเขา แต่ก่อนจะฝากข้อความผมก็เช็คข้อความของเขาก่อนว่าฝากอะไรถึงเราหรือเปล่าเพราะเราใช้เพจร่วมกัน โดยที่ผมเองก็มีรหัสผ่าน พอเข้าไปเช็คก็เจอข้อความที่ถูกส่งมาจากรุ่นพี่คนนั้น เป็นคำพูดโรแมนติคมากที่หยิบมาจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่งแต่ผมจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร และในข้อความนั้นเขาก็นัดไปดูหนังกัน เราเลยรู้ว่าที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เองถึงไม่ว่างและไม่มาตามนัด" ประโยคเหล่านี้คือคำให้การของเสริม สาครราษฎร์ อดีตนักศึกษาแพทย์อนาคตไกลที่สุดท้ายต้องมาใช้โทษติดคุกตลอดชีวิต เพราะสังหารแฟนสาวเพื่อนร่วมคณะ เจนจิรา พลอยองุ่นศรี ซึ่งเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสาร Hi-Class ในช่วงที่กำลังจะพ้นโทษแล้ว เมื่อถูกถามที่สาเหตุของความหึงหวง ทำไมถึงตัดสินใจฆ่าในเมื่อบอกว่ารักมาก 

       ตั้งแต่ต้นทั้งสองคนคบหากันโดยอยู่ในความรับรู้ของผู้ใหญ่ มาเริ่มมีปัญหากระทบกระทั่งกันบ่อยในระยะหลังๆ จากสาเหตุหึงหวงที่ได้กล่าวไปข้างต้น จนวันที่ 26 มกราคม 2541 เสริมนัดเจอกับแฟนสาวที่คอนโดที่พักอยู่ก่อนจะมีปากเสียงกัน ผู้ต้องหาบันดาลโทสะใช้อาวุธปืน .38 ยิงเข้าที่ขมับซ้ายทะลุขวาจนเจนจิราเสียชีวิตทันที จากนั้นจึงลงมือชำแหละศพทิ้งลงชักโครกบางส่วน ส่วนที่เหลือนำใส่ถุงดำทิ้งลงบ่อเกรอะ แล้วนำกระดูกไปทิ้งที่สะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง  ก่อนที่จะถูกจับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ศาลได้พิพากษาให้นายเสริมต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ระหว่างที่ถูกจองจำนั้นนายเสริมซึ่งเป็นนักโทษชั้นดีได้รับการพระราชทานอภัยโทษ 4 ครั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 เป็นต้นมา กระทั่งในปี พ.ศ.2554 ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษอีก 1 ใน 3 จึงเหลือโทษจำคุก 8 ปี และได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในวัย 35 ปี 4 เดือน 

เครดิตภาพ: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9590000126140
เครดิตภาพ: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9590000126140

5. หมอนิ่ม-เอ็กซ์ จักรกฤษณ์: จากหึงหวงทำร้ายร่างกายจนอีกฝ่ายจ้างวานฆ่า

นับเป็นความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ต่อวงการกีฬาไทย เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 56 “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม” นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ประเภทปืนสั้นอัดลมยิงช้า แชมป์เหรียญเงินซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์และเป็นนักแม่นปืนไทยคนแรกที่คว้าอันดับ 8 โอลิมปิกปี 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ถูกคนร้ายลอบยิง 6 นัด ขณะขับรถเพื่อไปทานมื้อค่ำกับลูกๆ และภรรยาจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่สนใจในสังคมอย่างมาก มีการสันนิษฐานกันไปต่าง ๆนานา ถึงสาเหตุการตายของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ เพราะผู้ตายมีความขัดแย้งกับหลายบุคคลในหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น วงการยาเสพติดที่เจ้าตัวเคยถูกแจ้งข้อหาเสพยาไอซ์  วงการพระเครื่องที่มีข่าวลือว่านำพระที่ไม่เข้าตำราไปขายให้กับนักเลงพระในราคาแพง หรือวงการค้าของเถื่อนที่เจ้าตัวเคยทำธุรกิจร่วมกับเพื่อน แต่หนึ่งในสาเหตุที่ตำรวจไม่ได้ตัดทิ้งไป คือความขัดแย้งกับบุคคลใกล้ตัวเช่น ภรรยา เพราะก่อนที่เจ้าตัวจะถูกลอบยิงเสียชีวิตเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ เพิ่งเข้าแจ้งความกับ พงส.สน.บางชัน ให้ดำเนินคดีกับ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ และธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนสุขาภิบาล 3 ในข้อหาลักทรัพย์ เพราะหมอนิ่มได้เข้าไปเปิดเซฟในช่วงที่เจ้าตัวอยู่ในเรือนจำและนำทรัพย์สินออกไปเป็นมูลค่ารวม 60 ล้านบาท ทั้งพระเครื่อง ทองรูปพรรณ ทองแท่งและเครื่องเพชร 

 หลังจากเป็นกระแสยาวนานราวครึ่งปีว่าสาเหตุที่แท้จริงเป็นเรื่องไหนกันแน่และใครคือคนร้าย เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2559 ศาลพิพากษาให้หมอนิ่มมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไต่ตรองไว้ก่อน รับโทษประหารชีวิตสถานเดียว โดยเหตุจูงใจที่ทำให้อดีตภรรยากระทำความผิดคือ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พาผู้หญิงเข้ามานอนที่บ้าน ซ้ำยังเคยทำร้ายร่างกายหมอนิ่มต่อหน้าผู้หญิงอื่นจนกระทั่งเจ้าตัวสูญเสียลูกคนที่สามในครรภ์ ทั้งนี้โศกนาฎกรรมตำนานรักนักแม่นปืนกว่า 7 ปีจะจบลงอย่างไรยังต้องมาติดตามกันต่อ เพราะหลังจากมีการเลื่อนอ่านอุทธรณ์มาแล้วถึง 3 ครั้ง

โดยศาลกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีจ้างวานฆ่า “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม” ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

 5 คดีสะเทือนขวัญนี้คงเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ความหึงหวง คือชนวนที่เผาทำลายทุกอย่าง หากรักแล้วคิดแต่จะครอบครองคิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเองยอมมีแต่จะทำให้เกิดความทุกข์ ในขณะที่ความไม่ซื่อสัตย์ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำลายทุกความสัมพันธ์ ลามไปถึงทำลายชีวิตของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่เสมอ เราขอยกเหตุการณ์เหล่านี้เป็นอุทาหรณ์ว่า สำหรับชีวิตคู่แล้วการซื่อสัตย์ต่อกันและหันหน้าเข้าหากันเมื่อเกิดปัญหาคือทางออกที่ดีที่สุด หากไม่สามารถเดินร่วมกันได้ ก็ขอให้แยกจากกันด้วยดี ไม่ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาเพราะสุดท้ายแล้วจะสูญเสียกันทุกฝ่ายอย่างทุกคดีที่กล่าวมาข้างต้น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 59

  • yui
    ไม่ใช่เพราะรักคนอื่นหรอก แต่เป็นเพราะรักตัวเองมากกว่า มีเมียแล้วเค้าขอเลิกก็มาฆ่า เอาผญ.มานอน ทำร้ายจนแท้งลูก ตบตีประจำ ผัวแบบนี้กูจะเก็บไว้ทำไม ตายโหงไปน่ะดีแล้ว
    07 ส.ค. 2561 เวลา 05.10 น.
  • ฆ่าคนตายติดคุกจริงๆแค่แปดปี กฎหมายไทย แล้วคนที่ตายไปแล้วมีหล่ะ แม้แต่จะมีชีวิตต่อก็ยังไม่มี
    07 ส.ค. 2561 เวลา 03.19 น.
  • ถึงจะตัดสินประหาร แต่ที่ใหญ่กว่าคำตัดสินคือราชฑัน นี่ละคือผู้ปล่อยออกจากคุก
    07 ส.ค. 2561 เวลา 04.13 น.
  • WiTHX
    รักเปลี่ยนเป็นแค้น เพราะความโกรธ ทุรนทุรายหมายทำลายให้สิ้น เหมือนพระแม่กาลี
    07 ส.ค. 2561 เวลา 05.06 น.
  • ความรักทำให้คนตาบอด
    07 ส.ค. 2561 เวลา 03.18 น.
ดูทั้งหมด