เมื่อปีที่แล้ว มีของกินอย่างหนึ่งที่เรียกว่าสร้างปรากฏการณ์ให้กับประเทศญี่ปุ่นมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่ใช่ของใหม่อะไร และที่สำคัญมันไม่ใช่ของกินที่มาจากญี่ปุ่นด้วยซ้ำ สิ่งนั้นก็คือเจ้า “ชานมไข่มุก” นั่นเอง
นอกจากจะมีร้านชานมไข่มุกในญี่ปุ่นผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ขายดิบขายดีต่อคิวกันยาวเหยียด โดยเฉพาะสาว ๆ ญี่ปุ่นที่แย่งกันซื้อ บ้างก็เอามาเพื่อถ่ายรูปลงไอจี เพื่อแสดงถึงความทันสมัย ตามกระแส ใครไม่มีรูปถ่ายกับชานมไข่มุกนี่ถือว่าเชยมาก ๆ ที่เหนือไปกว่านั้นก็คือ “ไข่มุก” หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า “ทาปิโอกะ” ก็ไม่ได้จำกัดอยู่กับเครื่องดื่มอีกต่อไป เพราะมันลงไปอยู่ในอาหารทั้งคาวทั้งหวานของญี่ปุ่น เป็นอาหารแฟชั่นที่กลายเป็นกระแสไป และฮิตมาจนปลายปี มีการคอสเพลย์แต่งตัวเป็นชาไข่มุกในงานฮัลโลวีนกันเยอะมาก ๆ ตอกย้ำความเป็นกระแสที่มาแรงที่สุดในปีที่แล้วอย่างไร้คู่แข่งของชานมไข่มุก
แต่ทว่า…พอเข้าสู่ปีนี้ กระแสของชานมไข่มุกในญี่ปุ่นก็หายเงียบไปอย่างน่าตกใจ ร้านชานมไข่มุกหลายร้านที่เพิ่งเปิดมาแค่ไม่กี่เดือนกลับยอดขายตกจนบัญชีติดลบและต้องปิดร้านหายไปทีละร้าน ส่วนร้านดัง ๆ แม้จะยังพออยู่ได้ แต่ลูกค้าก็น้อยลงไปอย่างน่าใจหาย ไม่มีการต่อคิวยาว ๆ อีกต่อไป แฟชั่นอาหารจากไข่มุกต่าง ๆ ก็หายไปเกือบหมด และแทบไม่มีใครถ่ายรูปกับชานมไข่มุกลงในโซเชียลมีเดียอีกแล้ว
จากปรากฏการณ์นี้ก็ทำให้นิตยสารแฟชั่นของญี่ปุ่น ได้เข้าไปสำรวจตลาดร่วมกับนักวิชาการด้านแฟชั่น ก่อนที่รวบรวมข้อมูลและทำการฟันธงออกมาว่า “ชานมไข่มุกในประเทศญี่ปุ่นได้ตกยุคไปเรียบร้อยแล้ว !” ส่วนสาเหตุที่ทำให้มันมาไวไปไวแบบนี้ เหตุผลไม่ได้มีอะไรยากเลยครับ สามารถแยกได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. คนเริ่มเบื่อเจ้าชานมไข่มุกแล้ว เมื่อแรก ๆ ที่มันเป็นกระแส ทุกคนก็อยากลอง อยากตามกระแส แต่พอนาน ๆ เข้าคนก็เริ่มเบื่อ
2. ชานมไข่มุกเป็นของกินที่แคลอรีสูง สวนทางกับเทรนด์รักสุขภาพ และเทรนด์อยากผอมของสาว ๆ ญี่ปุ่น
3. มีสาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ชอบดื่มชาไข่มุกจริง ๆ แต่ที่ซื้อเพียงเพราะว่าอยากตามกระแส อยากเข้ากลุ่มกับเพื่อน ๆ หรือทำให้ตัวองไม่แปลกแยกจากสังคม หรือที่เราอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการดื่มชานมไข่มุกเพื่อเข้าสังคมนั่นเอง (คนญี่ปุ่นไม่ได้ดื่มชานมไข่มุกเพราะอยากกิน แต่ดื่มเพื่อเข้าสังคม) ซึ่งจริง ๆ บางคนก็ซื้อมาแล้วไม่ดื่มด้วยซ้ำ ซื้อมาเพื่อถ่ายรูปแล้วก็โยนทิ้งเลยก็มีบ่อย ๆ
4. สื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะรายการทีวีของญี่ปุ่นชอบนำเสนอในเชิงลบต่อชานมไข่มุกเป็นประจำ ทั้งเรื่องขยะที่เกิดขึ้นจากชานมไข่มุกที่กลายเป็นปัญหาในสังคมญี่ปุ่น บ้างก็นำเอาภาพของคนที่ชอบดื่มชานมไข่มุกมาทำล้อเลียนให้ดูตลก ทำให้ภาพลักษณ์การดื่มชานมไข่มุกนั้นไม่ได้เป็นเรื่องเท่ ๆ อีกต่อไป
สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ชานมไข่มุกจากไปอย่างรวดเร็วก็คือ “การเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาว” ของประเทศญี่ปุ่นครับ แน่นอนว่าพออากาศหนาวๆ คนก็อยากจะดื่มอะไรอุ่น ๆ มากกว่าชานมไข่มุกเย็น ๆ และการไปต่อแถวยาว ๆ ในอากาศหนาว ๆ เพื่อซื้อของกินเย็น ๆ ยิ่งเป็นสิ่งที่ดูแปลกประหลาด ทำให้ความนิยมของชานมไข่มุกนั้นลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ
โดยเขาบอกว่ายอดขายของชานมไข่มุกเริ่มตกลงตั้งแต่เดือนมิถุนายนในปีที่แล้ว และร้านต่าง ๆ ก็เริ่มทยอยปิดตัวในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พอเข้าสู่ปีใหม่ ชานมไข่มุกก็ได้กลายเป็นสิ่งที่สุดเชยในญี่ปุ่นไปโดยปริยาย คือก็ยังมีร้านที่ขายชานมไข่มุกเหลืออยู่ แต่เราจะไม่ได้เห็นภาพคนเดินดูดชานมไข่มุกเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว และจะไม่มีสาว ๆ คนไหนถ่ายรูปกับชานมไข่มุกลงในไอจีอีก เพราะถ้าใครทำแบบนั้นก็จะถูกเพื่อน ๆ ล้อว่าเธอนี่มันช่างเชยสุด ๆ
แต่แฟชั่นทุกอย่างมันก็มีวัฏจักรของมันครับ นักวิชาการเขาวิเคราะห์ว่าถึงแม้จะกลับมาเป็นหน้าร้อนอีกทีในปีนี้ แต่ชานมไข่มุกก็ไม่อาจจะกลับมาเป็นกระแสได้อีกแล้วเพราะมันได้ตายไปแล้ว และกว่าที่มันจะหมุนเวียนกลับมาเป็นกระแสได้ใหม่ก็อาจจะต้องรอถึง 5 ปีเลยทีเดียว กระแสนี้จึงจะวนมาอีกครั้ง
ถ้าลองเทียบกันดูกับในบ้านเรา จริง ๆ แล้วชานมไข่มุกเคยเป็นกระแสในไทยเมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่จะหายเงียบไป แล้วก็กลับมาบูมอีกในปีที่แล้ว ซึ่งก็เรียกว่ากลายเป็นกระแสดังไม่แพ้ญี่ปุ่นเลยทีเดียว ญี่ปุ่นมีการเอาไข่มุกไปใส่ในอาหารคาวหวาน ไทยก็ไม่ยอมแพ้ มีการเอาไปผัดกะเพรา เอาไปใส่ต้มยำเป็นอาหารแฟชั่นเช่นกัน แล้วก็มีร้านชานมไข่มุกเปิดใหม่จำนวนมาก ทั้งร้านดังราคาแก้วละร้อยกว่าบาท ไปจนถึงแก้วละสิบกว่าบาทตามตลาดนัด
แม้ตอนนี้กระแสชานมไข่มุกในบ้านเราจะไม่แรงเหมือนช่วงก่อน แต่มันก็ยังคงขายได้เรื่อย ๆ เพราะสิ่งที่บ้านเราแตกต่างจากญี่ปุ่นก็คือเรื่องของสภาพอากาศ ที่บ้านเรามีแต่ฤดูร้อน ร้อนมาก และร้อนที่สุด ก็ทำให้คนรู้สึกอยากดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ มากกว่า และชานมไข่มุกในไทยก็มีให้เลือกค่อนข้างเยอะ มีทั้งถูกทั้งแพง ต่างจากของญี่ปุ่นที่ราคาค่อนไปทางสูงแทบทั้งหมด ทำให้เราไม่ต้องคิดมากถ้าหากจะซื้อชานมไข่มุกซักแก้ว
ดังนั้นถึงแม้ว่าชานมไข่มุกจะเชยและตกยุคไปแล้วสำหรับคนญี่ปุ่น แต่ในไทย ชานมไข่มุกก็ยังน่าจะยังพอเบียดตัวอยู่ในตลาดได้ แม้จะไม่ได้เป็นกระแสเหมือนเดิมแล้วก็ตาม
ข่าวอ้างอิง: Weekly magazine SPA !, soranews24 , headlines.yahoo.co.jp
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook :Eak SummerSnow
Youtube : Eak SummerSnow
ความเห็น 18
สงสัยว่าเขาคงจะหันมาให้ความสำคัญกับในเรื่องของกินที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพกันที่มากขึ้นหรือปล่าวเลยทำให้ยอดขายลดลง.
08 ก.พ. 2563 เวลา 07.36 น.
LONGLOY
มันฮิตในไทยมาเป็นสิบๆปีเเล้วนิจำได้ขายกันให้พรึบตอนเด็กๆ. เเล้วก็หายไปเลย. เพิ่งจะมาวื้อหวาตอนนี้.
เเต่เฉยๆ ไปนานละ. ไม่เห็มีอะไรเลย.
08 ก.พ. 2563 เวลา 13.02 น.
Patcher
พึ่งกลับมาจากญี่ปุ่น1 ก.พ. 2520 มันก็ไม่แย่หรือสุดเชย อย่างที่เขียนข่าวเลยนะครับ เข้าร้านกาแฟก็มีให้เห็นแทบทุกร้าน คนญี่ปุ่นก็ยังมีซื้อกินอยู่เลย ?? รึผมตาฝาดเห็นคนพูดญี่ปุ่นเป็นคนญี่ปุ่นอะครับ (ขำๆนะ) แต่เครื่องดื่มทุกชนิดของเค้าไม่หวานอยู่แล้วครับ คนไปญี่ปุ่นบ่อยรู้ดีสุด
08 ก.พ. 2563 เวลา 05.21 น.
☆*MiSa*☆🦩🦩
ชานมญี่ปุ่นราคาแพงเท่าอาหาร1จานรสชาติไม่อร่อย
ลองมาหลายร้านเลิกซื้อเลย
08 ก.พ. 2563 เวลา 02.37 น.
🍀🐈⬛🍀Ahh!🔥😌🔥ฉัน😡🔥2:49🔥
อาหารแฟชั่น แม่งเมื่อสมัยก่อน 10 กว่าปีก่อนนู้นก็เคยมาอยู่พักนึง แล้วก็เลิกฮิตไป ไม่นานมานี้ก็กลับมาอีกเพราะศิลปินดังแม่งไปแดก เลยบ้าตามกระแสกันไป ถึงขั้นแก้วละ 200 กว่าบาท มึงบ้าไปแล้ว
กูถามจริงที่แดกๆกันนี้ เพราะตามดาราศิลปินเกาหลีใช่ไหม เห็นเขาแดกเลยแดกตาม
08 ก.พ. 2563 เวลา 10.37 น.
ดูทั้งหมด