เรื่องของความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกๆที่เรามักจะได้ยินเวลาที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น ถึงขั้นที่มีคำกล่าว (ใครกล่าวก็ไม่รู้เหมือนกัน) ว่า “ถ้าทำของหายในญี่ปุ่นยังไงก็ได้คืน” หรือ “ถ้าทำกระเป๋าเงินตกไว้ ให้เดินย้อนกลับไปทางเดิม มันก็จะยังวางอยู่ที่เดิมไม่มีคนหยิบไป” ซึ่งคำกล่าวนี้มันก็เป็นจริงแค่ในบางกรณีเท่านั้นแหละนะครับ แต่อย่างไรก็ตามภาพรวมของญี่ปุ่นที่คนนอกมองเข้าไป ประเทศญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่เคารพกฎ และมีความปลอดภัยสูงอยู่ดี
แต่ทว่า กลับมีของอย่างหนึ่งในญี่ปุ่นที่ถูกขโมยบ่อยมากๆ เรียกว่าขโมยกันจนร้านค้าเริ่มทนไม่ไหว ต้องออกมาใช้มาตรการในการจัดการหัวขโมยกันเลยทีเดียว สิ่งนั้นไม่ใช่ของราคาแพงอย่างทอง หรือเพชร แต่มันกลับเป็น “หนังสือการ์ตูน” หรือที่ญี่ปุ่นเขาเรียกว่า “มังงะ” นั่นเองครับ
แม้ว่าวงการหนังสือในบ้านเราจะค่อนข้างซบเซาเพราะปัจจุบันนี้คนนิยมอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิคหรืออ่านทางออนไลน์มากกว่า ทำให้ยอดขายหนังสือนั้นตกลง ร้านหนังสือหลายร้านต้องปิดกิจการไป โดยเฉพาะร้านที่ขายหนังสือการ์ตูนเป็นหลัก แต่ที่ญี่ปุ่น หนังสือการ์ตูนแบบเป็นเล่มๆก็ยังได้รับความนิยมมากอยู่ดีครับ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันสามารถจับต้องได้ ได้ฟิลลิ่ง ได้อรรถรสในการอ่านมากกว่า แถมยังเป็นของสะสมเอาไว้วางโชว์ได้ เป็นความสุขทางใจที่ได้จับหนังสือเล่มโปรดมากกว่านั่งอ่านในจอแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์
และสาเหตุที่มักจะมีการขโมยหนังสือการ์ตูนกันอยู่เป็นประจำ เขาบอกว่าส่วนใหญ่หัวขโมยมักจะเป็นกลุ่มเด็กวัยมัธยมครับ ซึ่งคนที่ขโมยเนี่ย ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีเงินซื้อนะ บางคนก็มีเงินซื้อ บ้านก็มีฐานะดีนั่นแหละ แต่ที่มาขโมยเพราะว่ารู้สึกอยากลองของ อยากขโมยมากกว่าซื้อ รู้สึกว่าการขโมยมันเท่ ทำให้อาดรีนาลีนหลั่ง รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขกับการขโมย หรือบางคนก็ทำไปเพื่อประชดพ่อแม่ที่ไม่สนใจ ก็ทำการขโมยของเพื่อเรียกร้องความสนใจ รวมถึงบางคนก็ถูกบังคับให้ขโมยทั้งๆที่ไม่เต็มใจก็มี เพราะในญี่ปุ่นเองมีการกลั่นแกล้งในโรงเรียนอยู่เยอะ และบางกลุ่มนั้นถือว่าการขโมยของ (โดยเฉพาะหนังสือการ์ตูน) นั้นเป็นขั้นตอนปฏิบัติเพื่อการรับเข้ากลุ่มเหมือนการทเสอบความกล้าอะไรประมาณนั้น ถ้าสามารถขโมยหนังสือได้ ก็จะรับเข้ากลุ่มและไม่โดนรังแก (แต่บางทีถึงยอมทำตามแล้วก็ยังโดนรังแกอยู่ดีอะนะ) ทำให้บางคนแม้จะไม่อยากขโมย แต่ก็กลับถูกคนอื่นบังคับให้ขโมย ทำให้สถิติการขโมยหนังสือการ์ตูนนั้นเพิ่มสูงขึ้น
และจำนวนการขโมยมันมาอยู่ในระดับที่สูงมากจนร้านค้าเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปก็ตอนที่หนังสือการ์ตูนเรื่อง Kimetsu no Yaiba หรือ “ดาบพิฆาตอสูร” ออกวางขายนี่แหละครับ การ์ตูนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น เรียกว่าสร้างปรากฏการณ์ในวงการการ์ตูนญี่ปุ่นเลยทีเดียว พอการ์ตูนเรื่องนี้ออก คนก็จะมาซื้อกันเกลี้ยงแผงไปแทบทุกครั้ง ต้องมีการพิมพ์ใหม่พิมพ์แล้วพิมพ์อีกเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการซื้อ
และในเมื่อมันดังขนาดนี้ ไม่ใช่แค่คนที่อยากจะซื้ออย่างเดียวเท่านั้นที่แย่งกัน คนที่จ้องจะขโมยก็อยากจะขโมยเช่นกัน ซึ่งก็มีการเปิดเผยของทางร้านหนังสือออกมาว่าหนังสือการ์ตูนเรื่อง “ดาบพิฆาตอสูร” นั้นถูกขโมยแทบทุกวัน วันละหลายเล่ม จนร้านเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป แม้จะมีการติดกล้องวงจรปิดไว้จับขโมย แต่พอถูกขโมยไปทุกๆวัน จะให้ไปแจ้งความทุกวันไล่จับทุกวันมันก็ไม่ไหว ไม่ต้องทำมาหากินอย่างอื่นกันพอดี
ทางร้านหนังสือหลายๆร้านในญี่ปุ่นเขาก็เลยตัดสินใจใช้มาตรการ “เก็บหนังสือการ์ตูนเรื่องดาบพิฆาตอสูร” ออกจากชั้นวางหนังสือไปเลย กลายเป็นชั้นวางว่างๆแล้วติดป้ายไว้ว่าถ้าอยากซื้อหนังสือเรื่องนี้ให้มาบอกกับพนักงานขายที่เคาเตอร์คิดเงิน และพนักงานจะเป็นคนหยิบให้ เพื่อป้องกันการขโมยของ ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผลลัพท์ที่ดีพอสมควร จึงมีร้านหนังสือที่ใช้มาตรการนี้เพิ่มมากขึ้น กลายเป็นปรากฏการณ์แปลกๆที่จะพบได้ในร้านหนังสือในญี่ปุ่นหลายร้านตอนนี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น การขโมยหนังสือการ์ตูนเคยเป็นข่าวใหญ่ในญี่ปุ่นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2012 ครับ เมื่อหนุ่มชาวญี่ปุ่น 3 คนได้ทำการขโมยหนังสือการ์ตูนจำนวนถึง 98 เล่ม !! จากร้านเช่าหนังสือแห่งหนึ่งในจังหวัดมิยางิ ซึ่งหลังจากที่เขาทำการขโมยของแล้วทางร้านก็แจ้งตำรวจให้ตามจับทันที เจ้าหัวขโมยทั้งสามคนแทนที่จะมอบตัว ก็เกิดบ้าเลือดอะไรไม่รู้พี่แกเล่นขับรถซึ่งหลบหนีตำรวจไปทั่วเมือง เรียกว่าป่วนชาวบ้านเขาไปทั่วเพราะทั้งฝ่าไฟแดง วิ่งสวนเลนส์ แถมขับด้วยความเร็วสูง ตำรวจจึงต้องยกระดับการจับกุมขึ้น จากเดิมแค่ตามจับหัวขโมยหนังสือการ์ตูนธรรมดาๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ละ ตำรวจเลยได้ยกระดับกลายเป็นการจับกลุ่มโจรป่วนเมืองไปโดยปริยาย เพราะเขากังวลว่ามันอาจจะเกิดอุบัติเหตุใหญ่ขึ้นกับคนอื่นที่ใช้ถนนได้ ซึ่งสุดท้ายตำรวจก็ต้องเรียกรถตำรวจมากว่า 20 คันในการไล่ล่าและล้อมจับ รวมถึงเฮลิคอปเตอร์อีกหลายลำ เรียกว่าต้องปิดทั้งเมืองเพื่อไล่ล่าพวกแก และคุณตำรวจก็สามารถจับ “โจรขโมยการ์ตูน” 3 คนนี้ได้ในที่สุด หลังไล่ล่าอยู่นานเกือบชั่วโมง นับเป็นคดีใหญ่ที่เกิดขึ้นจากการขโมยการ์ตูนโดยแท้จริง
ปกติเราอาจจะรู้สึกว่าอาชญากรรมอย่างเช่นการขโมยของนั้นจะเกิดกับคนที่มีปัญหาทางด้านการเงิน เพราะความยากจนเป็นเหตุ แต่สุดท้ายแล้วแม้แต่คนที่ฐานะดี ในประเทศที่เคารพกฎเกณฑ์หรือมีความปลอดภัยสูงขนาดไหน แต่ก็มีอาชญากรรมที่เกิดจากเหตุผลต่างๆกันออกไปเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จงอย่าประมาทเป็นดีที่สุดครับ
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook :Eak SummerSnow
Youtube : Eak SummerSnow
อ้างอิง
- crunchyroll
- ASAHI SHIMBUN
ความเห็น 9
ผมคิดว่าไม่ว่าบ้านเมืองจะมีกฏกติกาหรือว่าจะมีกฏระเบียบให้ดีสักเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าว่าคนเรานั้นไม่มีจิตสำนึกที่ดีให้กับสังคมแล้วอะไรก็ย่อมสามารถที่จะเกิดขึ้นมาได้เสมอเหมือนกันนะครับ.
18 ม.ค. 2563 เวลา 01.40 น.
Gaï 9899🥂✨
ข่วยสะกิดคนเขียนคำสาปฟาโรห์ มาเขียนให้จบที ....กูรอเป็นชาติละ 😞🙄
18 ม.ค. 2563 เวลา 11.01 น.
Joo
คนก็คือคนค่ะ มีทั้งดีและไม่ดีไม่ว่าจะเขื้อชาติใดหรืออาศัยอยู่ที่ไหน ไปเหมาว่าคนกลุ่มนั้นๆ จะดีไปหมดไม่ดีไปหมดก็ไม่ถุก ทุกคนต้องมีจิตสำนึกจิตใจที่ดีถึงจะเป็นมนุษย์ที่เจริญทางจิตใจไม่ใช่แต่ทางกายทางวัตถุอย่างเดียว
18 ม.ค. 2563 เวลา 04.56 น.
AomiiZ YK
เอาบทความนี้ไปเขียนต่อเป็นมังงะได้เลย
18 ม.ค. 2563 เวลา 13.37 น.
ธวัชชัย JB.Dan
ชีวิตให้การสปอล์ย คนมาก ๆ ไม่มีความกลัว ไม่ต้องหลาบจำ
คนมันก็อยากลองของ
25 ม.ค. 2563 เวลา 08.54 น.
ดูทั้งหมด