อ่านข่าวช่วงนี้ มักจะปรากฏคำว่า 'ถุงยางอนามัย' เป็นคีย์เวิร์ดอยู่ในหลาย ๆ กรณี อย่างเคสของซากถุงยางอนามัยใช้แล้วที่ดาราชายท่านหนึ่งพบในห้องน้ำสาธารณะหรือเคสที่หวิดบ้านแตกเพราะภรรยาไปเจอวัตถุหน้าตาคล้ายถุงยางในรถของสามี'เรื่องใกล้ใกล้ตัว' ประจำสัปดาห์นี้ก็เลยคว้าเอาเรื่องของเจ้าถุงยางที่เป็นของใช้ไม่ไกลจากตัวพวกเรามาเล่าสู่กันอ่านซะเลย
ที่มาที่ไป ผู้คิดค้นคือใคร และทำไมจากคุณสมบัติอันแสนดีที่ช่วยให้มนุษย์คุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ ถุงยางถึงได้กลายเป็นไอเทมที่ต้องห้าม มีความหมายในเชิงลบไปซะงั้น มาหาคำตอบไปพร้อมกันกับบทความนี้!
ถุงยางยุคบุกเบิกที่ไม่ได้ทำจากยาง!
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับถุงยางอนามัยปรากฏตั้งแต่ปีค.ศ.1564 มีทฤษฎีคุมกำเนิดจากนักกายวิภาคศาสตร์ชาวอิตาเลียน กาเบรียล ฟัลโลปิโอ (Gabriele Fallopio) ที่แนะนำการใช้ถุงยางระหว่างการทำกิจกรรมของคู่รัก แต่ในขณะนั้นด้วยความที่เทคโนโลยียังมีอยู่อย่างจำกัด ถุงยางในยุคเริ่มต้นเลยทำจากชิ้นส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ อย่างเช่น กระเพาะ เยื่อกระดูก ลำไส้ หรือหนังของสัตว์มาทำ
ในฝั่งประเทศเอเชีย ก็มีการริเริ่มใช้ถุงยางประมาณในช่วงศตวรรษที่ 15-16 โดยจากบันทึกเผยว่าในประเทศจีนมีการใช้ลำไส้ของแกะและเยื่อกระดาษจากไหมมาทำ ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น มีการหยิบเอากระดองเต่า หรือแม้กระทั่งเขาสัตว์มาใช้ ซึ่งวิวัฒนาการของการผลิตถุงยางมีการปรับเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ไปเรื่อย ๆ ทั้งถุงยางที่เย็บขึ้นจากผ้าลินิน หรือถุงยางแบบที่ต้องทำให้เปียกก่อนใช้งาน แต่ด้วยต้นทุนในการผลิตที่ค่อนข้างสูง การใช้ถุงยางจึงถูกจำกัดอยู่ในวงสังคมชั้นสูงเพียงเท่านั้น และหน้าที่ของมันหลัก ๆ ก็คือการป้องกันโรคซิฟิลิสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ในขณะนั้นร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต
ซากถุงยางอนามัยแรกของโลกกับอายุมากกว่า 375 ปี
ถ้าไม่ใช่แค่การบันทึกแต่ถ้าพูดถึงถุงยางจากสมัยประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้เป็นชิ้น ซากถุงยางแรกของโลกพบที่ห้องน้ำในปราสาทของเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ซึ่งจากการตรวจสอบอายุ ถุงยางชิ้นนี้เป็นซากจากปีค.ศ. 1646 และเป็นถุงยางที่ทำจากเนื้อลินิน
ถึงกระนั้น หนทางสู่การพัฒนาสูตรการผลิตถุงยางจนกลายมาเป็น 'คอนดอม' ในรูปแบบปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้นจนถึงในปีค.ศ. 1839 ที่ ชาร์ลส์ เนลสัน กู๊ดเยียร์ ผู้คิดค้นและก่อตั้งบริษัทยางล้อรถยนต์ Goodyear ที่นำเอาน้ำยางพาราที่เหลือจากการผลิตล้อรถมาลองขึ้นรูปเป็นถุงยางอนามัยจนสำเร็จ
ถุงยาง = ผู้ร้าย
ถึงแม้ว่าถุงยางจะมีประโยชน์ที่ช่วยป้องกันโรคและยับยั้งการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ก็จริง แต่ภาพลักษณ์ของการใช้ถุงยางยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับในสังคมมากนักในช่วงเริ่มแรก เหตุผลหลัก ๆ คือในแง่ของศาสนาที่ไม่เห็นด้วยกับการคุมกำเนิดโดยใช้เครื่องมือแต่ส่งเสริมให้คู่สามีภรรยาวางแผนครอบครัวอย่างเป็นธรรมชาติ หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือมีสัมพันธ์ด้วยหน้าที่ที่จะผลิตทายาทเท่านั้น มิใช่ด้วยตัณหา ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลใหญ่ ๆ ก็คือการที่ถุงยางกลายเป็นเครื่องหมายของบุคคลที่มักมากในกาม เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ และหลายต่อหลายครั้งถูกเชื่อมโยงกับซ่องโสเภณี มันจึงถูกแปะป้ายไว้ว่าเป็นผู้ร้ายและเป็นของที่คนไม่อยากที่จะพูดถึงมากนัก
ยุคเฟื่องฟูของถุงยาง
การยอมรับเกิดขึ้นเมื่อถุงยางเป็นหนึ่งในฮีโร่ที่ช่วยเซฟมวลมนุษย์เอาไว้ระหว่างช่วงการระบาดของโรคเอดส์ในปี 1980 มีแคมเปญที่รณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และเป็นยุคแรกที่มีการโฆษณาผลิตภัณฑ์ถุงยางอย่างจริงจัง มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เข้ามาช่วยเพิ่มลูกเล่น ทั้งแต่งรส แต่งกลิ่น เพิ่มสัมผัส รวมไปถึงการออกแบบแพ็กเกจจิ้งที่ดูน่าสนใจ น่าใช้งานมากขึ้น
ถึงจะยังมีความเขิน ๆ ที่จะต้องพูดถึงเรื่องนี้หรือเวลาที่หยิบเอาไปวางไว้บนเคาท์เตอร์แคชเชียร์ตอนจ่ายเงินบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันถุงยางอนามัยได้กลายเป็นไอเทมที่อยู่คู่กับสังคมมนุษย์ทั่วโลกไปซะแล้ว และทำยอดขายได้มากถึงปีละ 5 พันล้านชิ้น แล้วคุณล่ะ คิดเห็นอย่างไรกับถุงยางอนามัย เป็นฮีโร่หรือเป็นผู้ร้าย มาแชร์ความคิดเห็นกันได้ในช่องคอมเมนต์ใต้บทความนี้เลย!
อ้างอิง
ความเห็น 24
สมเกียรติ
BEST
ทำไมไม่เอ่ยถึงคุณมีชัย วีระไวทยะ
06 ต.ค. 2564 เวลา 11.33 น.
Kulavir P. Pipat
BEST
ทุกอย่างมีสองด้านเหมือนเหรียญ เลือกใช้ให้ดีก็มีประโยชน์
06 ต.ค. 2564 เวลา 05.22 น.
Suchard Decharin
หลังปี 1970 ไทยมีแล้ว
มีชัย สีรุ้ง เพื่อคุมกำเนิดประชากรไทย ตามคำแนะนำของฝรั่งชาติตะวันตก ลดการเพิ่มของประชากรไทย
มีชัย เดินทางไปโปรโมทในสถานศึกษาต่างๆ ในประเทศ
จำได้แค่นี้แหละครับ
06 ต.ค. 2564 เวลา 05.27 น.
iRon Man 88
ขอบคุณที่ให้ความรู้ของ ลูกโป่ง สวรรค์ ครับ
😇😇😇
06 ต.ค. 2564 เวลา 03.52 น.
POJ
แนะนำซื้อแบบกล่องใหญ่100ชิ้นครับ ประหยัดได้เยอะ
07 ต.ค. 2564 เวลา 04.36 น.
ดูทั้งหมด