โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไม่รักต้องตาย! ยิ่งเจ็บยิ่งแค้น สุดท้าย “ความตาย” เท่านั้นคือคำตอบ!

Another View

เผยแพร่ 14 ก.พ. 2562 เวลา 01.00 น.

 ไม่รักต้องตาย!ยิ่งเจ็บยิ่งแค้น สุดท้าย “ความตาย” เท่านั้นคือคำตอบ!

สวัสดีวันวาเลนไทน์!เนื่องในโอกาสวันแห่งความรักปีนี้ใครที่ยังโสดเราขอให้พบคนดีๆแต่สำหรับใครที่มีคนรักอยู่แล้วเราขอให้คุณรักษาความรักของคุณเอาไว้ใช้อารมณ์ให้น้อยใช้เหตุผลให้มากประคับประคองกันและกันด้วยความเข้าอกเข้าใจหากต้องแยกย้ายเลิกรากันไปก็ขอให้มีสติและคิดดีต่อฝั่งตรงข้ามขอให้ปฏิบัติต่อกันอย่างมีศีลธรรมด้วยไม่อย่างนั้นเรื่องราวความรักที่คุณมีอาจะลงท้ายกลายเป็นโศกนาฏกรรมแบบ3 คู่นี้ก็เป็นได้

เชอร์รี่แอนดันแคน เสี่ยวินัย

ตำนานรักเรื่องแรกที่เราจะหยิบยกมากล่าวถึงกันในที่นี้ ไม่ได้เพียงแต่สะเทือนใจในโศกนาฏกรรมว่าความรักทำร้ายเด็กสาวไร้ทางสู้ให้ถึงตายเท่านั้น แต่ยังถือเป็นคดีตัวอย่าง เล่าลือกันว่าจับแพะครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์วงการตำรวจไทยก็ว่าได้

นางสาวเชอร์รี่แอน ดันแคน เด็กสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในเย็นวันที่ 22 กรกฎาคม 2529 สามวันต่อมา ตำรวจสภอ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพของผู้หญิงคนหนึ่งในร่องน้ำป่าชายเลน แต่แรกคาดกันว่าอาจเป็นร่างของสาวโรงงานแต่เมื่อสืบไปสืบมา พบว่าศพดังกล่าว คือร่างของน.ส.เชอร์รี่แอน ดันแคนที่หายตัวไป สภาพศพไม่มีบาดแผลภายนอก แต่เสียชีวิตเพราะขาดอากาศจากการถูกบีบคออย่างเลือดเย็น

หลังจากพบศพแล้ว นายวินัย ชัยพานิช เจ้าของธุรกิจก่อสร้างคู่รักต่างวัยที่ให้การอุปการะ น.ส.เชอร์รี่แอนอย่างลับ ๆ ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับ 1 หนำซ้ำยังมีพยานปากสำคัญเป็นสามล้อรับจ้างให้การกับตำรวจว่า เห็นนายวินัยและลูกน้องคือ นายรุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย, นายพิทักษ์ ค้าขาย, นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม และ นายธวัช กิจประยูร ประคองหญิงสาวหน้าตาดีในสภาพไร้สติ พอเข้าไปถามว่ามีอะไรก็ถูกปฏิเสธอย่างมีพิรุธ หลังจากนั้นก็มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 ทันที 

แต่ความแปลกของคดีนี้คือ เมื่อเข้าสู่กระบวนการศาลจริง ๆ นายวินัยกลับถูกปล่อยตัวทั้งที่น่าจะมีความบาดหมางกับผู้ตายมากที่สุด ผลการพิจารณาออกมาว่า หลักฐานที่มัดตัวเสี่ยวินัยและสำนวนนั้นอ่อนเกินไป แต่กับผู้ต้องสงสัยอีก 4 คนศาลชั้นต้น ตัดสินประหารชีวิตทันที

สุดท้ายหลังจากเวลาผ่านไปหลายปี ความแปลกที่ว่าก็แดงออกมาเป็นคดีพลิก จำเลยที่ขณะนั้นต่างก็เผชิญชะตากรรมแสนสาหัสในเรือนจำลาดยาว ไม่ว่าจะ ติดโรคร้ายจนถึงแก่ชีวิตหรือพิการช่วยตัวเองไม่ได้ล้วนเป็นแพะทั้งสิ้น  นายวินัยและญาติของผู้ต้องหารวมตัวกันเข้าพบ อธิบดีกรมตำรวจเพื่อขอความเป็นธรรมทำให้มีการ รื้อการสืบสวนใหม่ทั้งหมด ปรากฎว่า  คนขับรถสามล้อ เป็นพยานเท็จที่ได้รับการว่าจ้างจากตำรวจ สภอ.เมืองสมุทรปราการ มาในราคา 500 บาทเท่านั้น

เชอร์รี่แอน ดันแคน ถูกฆ่าเพราะความหึงหวงจริง ๆ แต่ไม่ใช่ความหึงหวงของเสี่ยวินัย กลับเป็นความหึงหวงของภรรยาเสี่ยที่ชื่อว่า กุ้ง สุวิบูลย์ พัฒน์พานิช 

นายวินัยเองมีนางสาวกุ้งอยู่ก่อนแล้ว แต่พื้นฐานเป็นเสือผู้หญิง พอพบเชอร์รี่แอนที่มีรูปเป็นทรัพย์สวยและสาวเกินวัยก็เข้าหาจนสำเร็จและแอบเลี้ยงเธอเอาไว้ ที่น่าตกใจกว่านั้น คือความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นไปโดยความยินยอมของคุณแม่ของเธอเองด้วยจุดประสงค์ที่จะป้องกันลูกสาวคนสวยจากพ่อแท้ ๆ ที่มักเมาแล้วไปแสดงพฤติกรรมชู้สาวกับลูก

การตายของเชอร์รี่แอนเกิดขึ้นเพราะภรรยาของเสี่ยเป็นผู้จ้างวานให้ลูกน้อง ซึ่งผู้ตายคุ้นหน้าอยู่บ้างแล้ว อ้างชื่อเสี่ยวินัยและหลอกขับรถพาเธอไปที่บางปูก่อนจะบีบคอเธอจนหมดสติและนำร่างไปทิ้งไว้ที่ร่องน้ำจนเธอจมน้ำ

ต่อมาคนร้ายตัวจริงก็ได้รับกรรม ศาลชั้นต้นจึงตัดสินประหารชีวิต ทั้งนางสาวสุวิบูลย์ พัฒน์พานิช รวมทั้งนายสมพงษ์ บุญญฤทธิ์ และนายสมัคร ธูปบูชาการ ปิดคดีสะเทือนใจที่ทำร้ายทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิตและแพะที่ถูกจับมาหลายสิบปีลงได้ในที่สุด

 นวลฉวี - นายแพทย์อธิป 

ในช่วงชีวิตของเราอาจได้ยินเรื่องคนในชุดกาวน์ที่สังหารคู่รักของตัวเองให้ได้รู้สึกสยองกันอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ผู้เขียนขอรับประกันว่าไม่มีเรื่องไหนหดหู่จนข้ามขั้นจากสยองจนกลายเป็นขนลุกได้เท่าเรื่องนี้อีกแล้ว

ตำนานความรักครั้งนี้ถูกเปิดโปงสู่สาธารณะ ในเช้าวันที่ 12 กันยายน 2502 ใกล้สะพานนนทบุรี คนขับเรือรับจ้างพบศพหญิงสาวนิรนามลอยกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมระหว่างจังหวัดนนทบุรีกับจังหวัดปทุมธานี สภาพศพถูกมัดมือด้วยสายไฟ เสื้อผ้าไม่มีร่องรอยฉีกขาด เมื่อถูกส่งไปชันสูตรพบว่า ร่างดังกล่าวเสียชีวิตจากพิษบาดแผล 3 แผล ทะลุชายโครงขวาและด้านหลังซ้าย เจ้าตัวมีเบาะแสเพียงนาฬิกากับแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายเท่านั้น

แต่แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายวงนี้ก็ได้กลายมาเป็นหลักฐานที่บอกตัวผู้ตายว่าเป็น นางพยาบาลสาวชื่อว่า นวลฉวี เพชรรุ่ง เพราะคำว่า “รามเดชะ” ที่สลักตรงหลังแหวน เป็นนามสกุลเก่าของนายแพทย์อธิปสามีตามกฎหมายของเธอเอง

นอกจากท่าทีของนายแพทย์อธิปที่ดูไม่ไยดีกับการมารับศพของภรรยาเท่าที่ควรแล้ว ตำรวจยังสังเกตว่าเจ้าตัวมีแผลจากการต่อสู้ตามแขนนำมาสู่การจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัยทันที

ย้อนไปราว 1 ปีก่อนเกิดเหตุ ทั้งคู่พบกันเป็นครั้งแรกเมื่อนวลฉวีสำเร็จการศึกษาที่ศิริราชพยาบาลหมาด ๆ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่โรงพยาบาลยาสูบ เธอเดินทางไปเที่ยวลำปางกับเพื่อนจนได้พบกับนายแพทย์อธิปที่ทำงานอยู่ที่นั่น ถูกตาต้องใจกันจนเกินเลย ความรักของทั้งคู่สุกงอมขึ้นเรื่อย ๆ จนนายแพทย์อธิปกลับมาประจำที่กรุงเทพ แต่ก็มีอันต้องเปลี่ยนไปเพราะ 2 ปัจจัย คือภาระที่มากขึ้น ฝ่ายชายได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมนี ต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาลศิริราชพร้อมเรียนภาษาเยอรมันเพิ่ม ทำให้เวลาเจอกันน้อยลง แถมการต้องไปต่างประเทศก็ทำให้ฝ่ายหญิงหวั่นใจ แต่อีกประการคือความเจ้าชู้ของนายแพทย์เองที่มีสาวอื่นเข้ามาติดพัน กลายเป็นความหวาดระแวงจนนวลฉวีต้องขอจดทะเบียนสมรสเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นการจดทะเบียนซ้อนเพราะฝ่ายชายแอบคบหากับผู้หญิงอีกคนอยู่ก่อนแล้ว และจดทะเบียนด้วยกันในเวลาต่อมา 

ปัจจัยอย่างหลังนี่เองที่ทำให้นวลฉวีทุกข์ใจและติดตามนายแพทย์หนุ่มไปทุกที่ เรื่องราวแย่ลงเรื่อย ๆ จนฝ่ายชายลงไม้ลงมือหนักชนิดที่นวลฉวีบันทึกในไดอารี่ของเธอว่า “ถูกต่อยเข้าที่ใบหน้า ลำคอ จนตาพร่าเลือดออกจมูก 4 ชั่วโมงถึงหยุด”  ลงท้ายด้วยการที่นายแพทย์อธิปวางแผนฆ่าเธออย่างเลือดเย็น

นายแพทย์อธิปจ้างนักเลง 3 คน มาเพื่อฆ่าข่มขืนนวลฉวีในบ้านร้างแล้วเอาศพไปทิ้งน้ำเพื่อจัดฉากให้เรื่องราวดูไม่เหมือนการจ้างฆ่า แต่ไม่รู้ว่าด้วยแรงอาฆาตหรือเพราะผลกรรมสุดท้ายนายแพทย์หนุ่มก็ถูกจับกุมไปลงโทษตามกฎหมาย 

จากบันทึกคำสารภาพของผู้ต้องหา1 ใน 3 คนระบุว่านายแพทย์คนนี้เลือดเย็นถึงขนาดเป็นฝ่ายโปะยาสลบภรรยาด้วยตัวเอง ก่อนจะทิ้งร่างของเธอไว้ให้ผู้ต้องหาคนอื่นจัดการ แล้วไปนั่งรอที่รถเพื่อขนศพไปทิ้งอีกด้วย

 ปราโนต-สมชาย 

ไม่ใช่แค่เพียงคู่รักชายหญิง คู่รักต่างวัย หรือรักสามเส้าเท่านั้นที่นำมาสู่โศกนาฏกรรมได้ คู่รักเพศเดียวกันที่แม้จะมีใจให้กันทั้งคู่ก็อาจจะพบจุดจบที่สะเทือนใจไม่แพ้กันเลย
ตำนานรักเรื่องสุดท้าย นางเอกของเราคือสาวประเภทสองที่ชื่อ ปราโนตวิเศษแพทย์ ซึ่งเกิดในครอบครัวมีฐานะและเป็นลูกชายคนสุดท้องในบ้านที่มีแต่พี่สาว เธอได้รับการดูแลอย่างดีและรักในการแสดง เข้ามาเรียนโขนสังกัดกรมนาฏศิลป์ แต่สภาพสังคมในขณะนั้น ไม่ยอมรับพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ เธอจึงแอบหนีออกไปแสดงโขนกับบุคคลภายนอกและเริ่มคบหากับเพื่อนต่างโรงเรียนที่มีลักษณะเดียวกัน จนสุดท้ายก็ออกจากโรงเรียนและร่วมกลุ่มกับเพื่อนรับแสดงโขนตามงานการกุศล โดยบทที่สร้างชื่อของเธอ คือ บทสีดาที่กลายมาเป็นชื่อเล่นของเธอด้วย
นอกจากฝีไม้ลายมือในการแสดง ในด้านรูปร่างหน้าตาของปราโนตเรียกได้ว่าสะสวยกว่าสาวประเภทสองคนอื่นหรือแม้แต่ผู้หญิงแท้ ๆ เธอเป็นเจ้าของฉายา นางงาม50 มงกุฎ  สวยชนิดที่ลงเวทีไหนเป็นต้องชนะทุกเวที จนมีกะเทยร่วมรุ่นถึงกับข่มขู่กองประกวดว่าหากเธอลงแข่งคนอื่นก็จะไม่ยอมลงด้วย แต่ก็นั่นล่ะ บางทีความงามก็อาจไม่มีส่วนช่วยเลยในเรื่องของความรัก
รักแรกของปราโนตเกิดกับชายหนุ่มชื่อ สมบูรณ์ ที่อยู่กินกันนานถึง 8 ปีแต่สุดท้ายผู้ชาย ไปคบกับผู้หญิงอื่น หลังจากนั้น 2-3 ปี ปราโนต ก็พบกับความรักสุดท้ายชายหนุ่มรูปหล่อ สุภาพที่ชื่อ สมชายแก้วจินดาหรือชีพทำให้เธอตกหลุมรักอย่างจังจนปลงใจอยู่กินกันที่บ้านพักย่านซอยสวนพลู แต่แล้วแผลเก่าของปราโนตก็ไม่ได้หายไป ความหวาดระแวง หึงหวงว่าฝ่ายชายจะเปลี่ยนกลับไปคบผู้หญิงแท้รบกวนจิตใจของเธอ จนนำไปสู่การพาชีพไปสาบานที่วัดพระแก้วและศาลหลักเมือง  ใจความประมาณว่า หากไม่ซื่อสัตย์ต่อกันแล้วก็ให้ตายทั้งคู่ ใครตายไปอีกคนจะต้องตายตาม

สุดท้ายแล้วคำสาบานก็ไม่อาจทำให้ปราโนตวางใจได้ ทั้งคู่ยังคงทะเลาะกันอีกหลายครั้งจนต้องแยกกันอยู่ ซ้ำร้ายพอแยกกันอยู่เธอก็ยิ่งหวาดระแวงและระแคะระคายว่าชีพจะมีผู้หญิงอื่นมาติดพัน จึงตัดสินใจดื่มยาพิษฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง
จนเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2510 เธอก็ทำสำเร็จ ปราโนตเสียชีวิตจากการพยายามฆ่าตัวตายอยู่ในบ้านเพียงลำพัง  ขณะที่ชีพคนรักตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองตามเธอไปด้วยการกินยาฆ่าแมลงในเที่ยงวันที่ 15 พฤษภาคม เหลือไว้เพียงจดหมายสั่งเสียพร้อมเงินที่ได้จากการจำนำทรัพย์สินทั้งหมดที่ซื้อร่วมกับปราโนต ในจดหมายระบุว่า ให้เอาเงินก้อนนี้ไปดูแลแม่ ส่วนร่างของเขาเองให้นำไปทำศพและฝังในโลงคู่กับปราโนตที่วัดหัวลำโพง  กลายเป็นตำนานโลงศพคู่  ปิดท้ายเรื่องรักสุดช้ำของเราในวันนี้

ผู้เขียนเองหวังว่า 3 เรื่องจริงที่น่าเศร้านี้จะไม่ได้ให้แค่ความหดหู่สะเทือนใจเพียงอย่างเดียว แต่อยากจะให้เป็นอุทาหรณ์ที่สอนผู้อ่านเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นคนสวยหยาดฟ้ามาดินอย่างเชอร์รี่แอน นางงามสาวประเภทสอง 50 มงกุฎอย่างปราโนต มหาเศรษฐีอย่างเสียวินัย หรือแม้แต่บุคคลที่มีความรู้ความสามารถมากอย่าง นายแพทย์อธิปก็ล้วนตัดสินใจผิดพลาดเพราะความเสน่หาได้ทั้งสิ้น

หากไร้สติแล้ว ความรักคือของอันตรายไม่ว่าจะกับใครหรือในเวลาไหนก็ตาม 

ขอบคุณข้อมูล

https://hilight.kapook.com/view/99540

https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/5568.htmlเชอรี่ แอน

https://news.mthai.com/news-clips/389564.html

https://www.sanook.com/horoscope/107509/

https://www.thairath.co.th/content/462183

ภาพประกอบ

www.thairath.co.th 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 14

  • รุ่งทิวา
    👏👏👏👏👏ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ
    13 ก.พ. 2562 เวลา 20.24 น.
  • ความรัก ไม่ว่าจะเกิดกับใคร เป้นสิ่งสวยงามเสมอ หากเกิดเรื่องเลวร้าย อย่าได้โทษ ให้โทษคน ไม่เขาก็เราที่ที่ขาดไปหรือมากเกิน ผม50 ได้แฟนเด็ก23 (ไม่ได้แต่ง) อยู่มาวันหนึ่งแฟนบอกลาออกงานเก่าไปเป็นครูที่ไฝ่ฝันต่างจังหวัด 2-3เดือนแรกยังกลับมาหาทุกอาทิตย์4-5เดือนเริ่มเหลือเดือนละครั้ง6-8หายเงียบ 9 ไลน์มาบอกว่าวันนี้จะแต่งงานแล้ว อึ้งไป2วัน คิดแล้วคิคอีก สรุปกับตัวเองว่าเราอาจจะขาดไปสำหรับเขา เขาไปได้ดีกับคนใหม่ที่อาจเติมเต็มให้ได้มากว่าเรา ไม่โกรธไม่แค้น เพราะชีวิตเราต้องดำเนินต่อไป มีพ่อ-แม่ต้องดูแล
    14 ก.พ. 2562 เวลา 03.41 น.
  • ความรัก คือ ดาบสองคม
    14 ก.พ. 2562 เวลา 01.52 น.
  • ขอคิดดีนะ แต่คิดกับกันนะถัาเด็ก รุ่นนี้อ่านเจอรองคิดดูต้องมีทำตามนะ
    14 ก.พ. 2562 เวลา 01.47 น.
  • Tassapon K D Yakorn
    รักมากแค้นมากเคยคิดว่าจะตายแทนได้แต่วันนี้ควรตายไปพร้อมๆกัน
    17 ก.พ. 2562 เวลา 15.59 น.
ดูทั้งหมด