ไขก๊อก! “เลือกตั้ง62” คนไทยสนใจ“การเมือง” เป็นประวัติการณ์!
ย้อนเวลากลับไปประมาณ 40 ปีที่แล้ว จะมีคำว่า ‘สายลมแสงแดด’ ที่ใช้เรียกแทนกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษาส่วนใหญ่ในช่วงเวลานั้น ที่ไม่สนใจเหตุบ้าน การเมือง ความเป็นไปของสังคม ใช้ชีวิตอย่างเรียบช้าราวกับปล่อยให้สายลมและแสงแดดพัดผ่านและเคลือบผิวกายไปเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน
กระทั่งเกิดเหตุการณ์ในช่วง 6 และ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่ดูเหมือนแสงแดดจะกลับมาแผดเผาเมื่อมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งลุกฮือขึ้นมาเดินขบวนประท้วงการกลับเข้าประเทศของ “จอมพลถนอมกิตติขจร” อดีตนายกรัฐมนตรี จนเรื่องราวบานปลายกลายเป็นการ ‘สลายการชุมนุม’ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่หลายคนพยายามทำให้เลือนหายไปจากความทรงจำ
หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าสายลมที่เริ่มโหมกระหน่ำค่อย ๆ เบาบางลง นักศึกษาและวัยรุ่นส่วนใหญ่กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ และยุคของ ‘สายลมแสงแดด’ ก็เข้าปกคลุมประเทศไทยอีกครั้ง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไป หรือเหตุบ้านการเมืองจะมีสถานการณ์ที่ ‘ไม่ปกติ’ เกิดขึ้นมากเท่าไหร่ก็ตาม
ถึงแม้ว่าจะมีช่วงหลัง ๆ ที่เราพอได้จะได้เห็นตัวอย่างจาก ไผ่ ดาวดิน, รังสิมันต์ โรม หรือแม้กระทั่ง เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ฯลฯ และเหล่านักศึกษาอีกหลายคนจะออกมาแสดงความคิดเห็น หรือเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ในเรื่องสังคม การเมืองและเรื่องต่าง ๆ ให้เห็นมากขึ้น แต่ถ้าดูโดยภาพรวมทั้งหมด วัยรุ่น, นักศึกษา และกลุ่มคนส่วนใหญ่อีกมากกว่า 90% ก็ยังปล่อยให้ความสบาย ๆ ของบรรยากาศสายลมแสงแดดผ่านไป ถึงแม้จะมีประเด็นที่พอให้ชื่นใจได้อยู่บ้าง
อย่างการแชร์ภาพ มีมและประเด็นใหญ่ ๆ เช่น“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะทุ่มโพเดี้ยมใส่ใคร, "พลเอกประวิทย์ วงสุวรรณ" เอานาฬิกามาจากไหน รวมทั้งการทวงถามความยุติธรรมให้กับแคมเปญ ‘เสือดำต้องไม่ตายฟรี’ ฯลฯ แต่นอกเหนือจากนั้นเราก็แทบไม่เห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ นอกจากการใช้พื้นที่ในโซเชียลมีเดียในการอัพเดตเรื่องราวในชีวิตประจำวัน, ไลฟ์สไตล์สุดเก๋ และปัญหาชีวิตรักส่วนตัว มากกว่าเรื่องราวความเป็นไปในสังคมเท่าไหร่นัก
กระทั่งเหตุการณ์ในเช้าวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เมื่อทุกคนทราบข่าวที่พรรคไทยรักษาชาติ เสนอชื่อ "ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล" เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงหนึ่งเดียวของพรรค หลังจากนั้นเพียงแค่ไม่กี่นาที ภาพไลฟ์ไสตล์เก๋ ๆ บนโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ก็เปลี่ยนเป็นการแชร์ข่าวพร้อมกับแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวจนเต็มหน้าฟีดไปหมด แม้ว่า ความลึกและความร้อนแรงในการวิพากษ์วิจารณ์อาจจะไม่ได้มีระดับความเข้มข้นเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้หลายคนเข้าไปอ่านข่าว สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ ‘ปรากฎการณ์’ นี้ได้มากขึ้นแล้ว
เท่านั้นยังไม่พอ ในขณะที่ทุกคนกำลังติดตามข่าวกันด้วยความตื่นเต้น ก็มีข่าวออกมาว่าจะมี ‘แถลงการณ์’ สำคัญจากสำนักพระราชวังในช่วง 22.00 น. ก็ทำให้ทุกคนที่แทบจะไม่ได้เปิดโทรทัศน์มานานมากแล้ว ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์ (หรือไม่ก็ไลฟ์ของช่องต่าง ๆ) เพื่อรอฟังแถลงการณ์ดังกล่าว ที่ถึงแม้เวลาจะล่าช้ากว่ากำหนดเดิม แต่ทุกคนก็ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดไม่ยอมไปไหน
และเมื่อถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร" มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศ มีใจความสำคัญว่า
บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกฉบับรวมทั้งฉบับปัจจุบัน มีหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์เป็นการเฉพาะ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่รองรับสถานะพิเศษของสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่เหนือการเมืองและทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิด กล่าวหา หรือฟ้องร้อง พระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้
ซึ่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญดังกล่าวย่อมครอบคลุมถึงพระราชินี พระรัชทายาทและพระบรมราชวงศ์ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ ดังที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจร่วมกับพระองค์หรือแทนพระองค์อยู่เป็นนิจ
ดังนั้นพระราชินี พระรัชทายาท และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ จึงอยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วย และไม่สามารถดำรงตำแหน่งใด ๆ ในทางการเมืองได้ เพราะจะเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เป็นอันชัดเจนว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางเมืองใด ๆ ได้ ความสนใจของชาวสายลมแสงแดด (รวมทั้งทุกคนในประเทศไทย) ที่กำลังคุกรุ่น ก็ปะทุความสนใจขึ้นเป็นประวัติการณ์ ชนิดที่ว่า ในช่วงเวลานั้น หากใครโพสต์สเตตัสเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง จะต้องถูกมองด้วยสายตาแปลก ๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีบทสรุปหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยในครั้งนี้ที่แน่ชัดออกมา แต่อย่างน้อยปรากฏการณ์ที่หลายคนถึงกับใช้คำว่า ‘สนุก’ ที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยติดตามข่าวสารการเมืองมา ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทำให้เรื่อง ‘การเมือง’ ที่เป็นเหมือนเส้นขนานกับชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่ในประเทศ ได้ขยับเข้าใกล้และบรรจบจนกลายเป็นเรื่องเดียวกันในที่สุด
การปลูกฝังความคิดในการติดตามข่าวสารการเมืองอย่างใกล้ชิดมากขึ้นในครั้งนี้ จะนำไปสู่การศึกษาข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ เหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นต่อไป และจะกลายเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะยกระดับและพัฒนาประเทศของเราให้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้ในอนาคต
อ้างอิง
https://www.thaipost.net/main/detail/28600
ความเห็น 20
Phat
ความสนใจที่ไม่ใช้ปัญญามันคงไปไม่ถึงไหนคงจะวนอยู่ในอ่างเหมือนน้ำวนอีกนาน มีความเชื่อแบบนี้มานานและไม่เคยผิดพลาดคราวนี้ก็คงไม่พลาด
13 ก.พ. 2562 เวลา 03.56 น.
พร
อย่าไปคาดหวังอะรัยมากมายจากการที่จะไปเลือกตั้งเราก็แค่ไปทำหน้าทีของพบเมืองที่ดีเลือกคนที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองส่วนเรื่องการเป็นอยู่การทำมาหากินเราก็ต้องพึ่งหนึ่งสมองสองมือเรานี่แหละเหมือนเดิมคิดรัยมาก
12 ก.พ. 2562 เวลา 16.03 น.
ธนพล
การ เมืองเป็นเรื่องที่ใส่ใจ
แต่
ไม่สนใจเผด็จการ มารครองเมือง
เพราะมีแต่เรื่อง กับเรื่อง
12 ก.พ. 2562 เวลา 14.39 น.
เพราะคนไทยทนมานานแล้ว และจะไม่ยอมทนอีกต่อไป
12 ก.พ. 2562 เวลา 14.17 น.
เก่ง..มาจากไหนก็แพ้.
ถ้าพิจารณาไตร่ตรองดูดีๆ เผด็จการไม่มีอะไรดีเลย นอกจากพวกได้ปะโยดถึงเลวมันก็ว่าดี ไล่มันหรือพูดมึงยังทำไม่ได้เลย เลือกตั้งก็ไล่มันไปซะ
12 ก.พ. 2562 เวลา 13.59 น.
ดูทั้งหมด