“หน้าตัวเมีย” เมื่อไหร่จะเลิกใช้เป็นคำด่า! เป็นผู้หญิงมันผิดตรงไหน?
“หน้าตัวเมีย” เป็นหนึ่งในคำด่าทอที่แสดงออกถึงการเหยียดและไม่เท่าเทียมทางเพศมากที่สุดที่ยังคงหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน เป็นคำด่าที่มักใช้ในสถานการณ์ที่จะบ่งชี้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนอ่อนแอ ไม่กล้าสู้ หรือขี้ขลาด นี่คือคำด่าที่เหมารวมนิสัยของเพศหญิงในมุมมองของเพศชายหรือไม่?
เกิดเป็นคำถามว่าแล้วเป็นผู้หญิงมันผิดตรงไหน?
ต้นกำเนิดของ “หน้าตัวเมีย” แท้จริงเกิดจากการเปรียบเปรยกับสัตว์เพศเมียที่มักไม่ใช่ “ตัวต่อสู้” ของเผ่าพันธุ์ อย่างการชนไก่ ปลากัด หรือวัว ก็จะใช้แต่เพศผู้เท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปความเข้าใจในความหมายก็กระเดียดมาทางมนุษย์เพศหญิงเสียเป็นหลัก
ประกอบกับบริบททางสังคมในสมัยก่อนที่ชายเป็นใหญ่ มีภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นำ เป็นช้างเท้าหน้า ต้องเป็นผู้กล้าในทุกสถานการณ์ ความขี้ขลาดตาขาวจึงตกไปอยู่กับเพศหญิงที่มีภาพลักษณ์เหมารวมว่าต้องอ่อนแอและได้รับการปกป้อง ซึ่งชุดความคิดแบบนี้ยังคงหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน
แต่ในยุค 2019 “หน้าตัวเมีย” ยังเป็นคำที่เหมาะสมหรือไม่? เพราะเพศหญิงไม่ใช่ผู้ถูกกระทำอีกต่อไป เราเห็นผู้หญิงมากมายที่ขยับขึ้นมาเป็นผู้นำของสังคม เป็นแนวหน้า เป็นผู้เรียกร้องเป็นหัวหอกให้กับครอบครัวก็มีถม กลับกันว่าฝ่ายเพศชายสายสงบก็มีให้เห็นเยอะขึ้นเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศกำลังเฟื่องฟูคำว่า "หน้าตัวเมีย” ก็ควรจะสาปสูญไปเสีย
นั่นเพราะทุกเพศต่างก็มีความเข้มแข็งเป็นของตัวเอง แม้แต่สัตว์เพศเมียที่เมื่อใครมายุ่มย่ามกับพื้นที่ส่วนตัวก็สามารถลุกขึ้นมาดุร้ายได้เหมือนกัน คำว่า “หน้าตัวเมีย” จึงเป็นคำด่าที่สุดจะเหยียดและดูถูกความสามารถของฝ่ายหญิงในโลกทั้งสิ้น
เกิดเป็นผู้หญิงไม่ใช่สิ่งที่ผิด คนที่ผิดคือคนที่เอาผู้หญิงมาเป็นเครื่องมือในการเปรียบเปรยถึงความอ่อนแอต่างหาก!