"กัมพูชาต้องไม่เป็นภัยคุกคามไทยอีก" สัมภาษณ์พิเศษ "พล.อ.ชัยพฤกษ์"
เป้าหมายสำคัญ…กองทัพจะทำให้ 'กัมพูชา' สิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลาน
คำอ้างอิงหรือคำกล่าวของ พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ให้สัมภาษณ์ Exclusive กับทีมข่าว "ไทยพีบีเอส" โดยเฉพาะการขยายความถึงคำ ๆ นี้
การปฏิบัติการในครั้งนี้ไม่มีเจตนาที่จะรุกล้ำอธิปไตยของกัมพูชา เพียงแต่ต้องการทำให้สิ้นสภาพทางขีดความสามารถทางทหารเท่านั้น โดยหลักของการทหาร การจะรบกันมีอยู่ 2 อย่างสำคัญ คือ 1.เจตนารมณ์ หรือความตั้งใจในการรบ และ 2.ขีดความสามารถ ถ้าหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะไม่สามารถทำได้สำเร็จ ในการทำสงครามกับฝ่ายตรงข้ามได้ ฉะนั้นจะทำอย่างไรเพื่อให้ลดทอน 2 ข้อนี้ แต่หากขาดข้อใดจะไม่สามารถทำสงครามได้
"หากกัมพูชามีเจตนารมณ์ หรือผู้นำกัมพูชามีเจตนารมณ์จะต่อสู้ หรือทำสงครามกับไทย จะเกิดปัญหาแบบนี้ไปอีก แต่หากไม่มีขีดความสามารถ หรือไทยลิดรอนขีดความสามารถ กัมพูชาจะไม่สามารถมาเป็นภัยคุกคามกับไทยได้ ที่ผ่านมาไทยต้องการจะยึดคืนพื้นที่ที่ถูกยึดคืนไป ซึ่งถือเป็นวัตถุประสงค์หลัก แต่หากทำแบบเดิม ไม่แน่ใจว่ากัมพูชาจะมีแนวคิดแบบนั้นอีกอยู่หรือไม่"
พล.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า กองทัพจำเป็นจะต้องทำให้ขีดความสามารถของกัมพูชาหายไป โดยเฉพาะการลิดรอนอุปกรณ์-ยุทโธปกรณ์ และต้องทำให้สิ้นสภาพ ดังนั้นหากกัมพูชาไม่มีขีดความสามารถ สุดท้ายก็จะไม่เป็นภัยคุกคามกับไทยได้อีก ทั้งนี้หลักนิยมทางการทหารคือหัวใจหลักของวิธีการรบ โดยยุทโธปกรณ์ที่จัดซื้อจัดหามาจะต้องสอดคล้องกับวิธีการรบ หรือศึกษา
ขณะเดียวกันการสู้รบกันในช่วงนี้ ทหารคิดเพียงปกป้องอธิปไตย เพราะแนวทางของกองทัพไม่เคยที่จะคิดรุกรานใคร วันนี้เป็นเพียงการป้องกันตัวเอง เหตุความไม่เข้าใจเรื่องเขตแดนในบางจุด บางพื้นที่ ทั้ง ๆ สามารถแก้ไขได้หลายวิธี แต่กัมพูชาไม่เลือกที่จะแก้ไขอย่างตรงไปตรงมา จึงนำมาสู่เหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
การปฏิบัติการทางทหารของกองทัพ จะดำเนินการให้เร็วที่สุดที่จะทำได้ แต่จะต้องทำถึงวัตถุประสงค์ทางทหาร โดยเฉพาะการกำหนดขอบเขตการปฏิบัติการ ซึ่งต้องการให้กำลังของกัมพูชาออกจากไปพื้นที่ของไทย ต้องการให้มีการสถาปนาแนวชายแดนให้มีความปลอดภัยกับประชาชนและลูกหลานในอนาคต จึงจำเป็นจะต้องจัดระเบียบตามแนวชายแดน
ส่วนกัมพูชาใช้อาวุธหนัก โดยเฉพาะ PHL-03 จะบอกว่าไม่กังวลคงเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องเตรียมการในทุกระดับชั้นเอาไว้ ตั้งแต่ย่านความถี่ต่ำ ๆ ในการปฏิบัติการ จนถึงขีดความสามารถสูงสุดของฝ่ายตรงข้าม โดยกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศ ได้เตรียมการในการปฏิบัติการตอบโต้ ทั้งอาวุธ-แนวทางปกป้องอธิปไตยและประชาชน
เสนาธิการทหารบก สมมุติแนวทางการรบของกัมพูชา 3 แนว โดยไทยจะสามารถทำลายลดทอนทั้ง 3 แนวได้หรือไม่ หรือจะทำลายเพียงแค่ 2 แนวทาง ที่ผ่านมาพยายามทำลายคลังอาวุธ-น้ำมัน และกระสุนปืน ถือเป็นการลิดรอนขีดความสามารถกัมพูชา ทั้งนี้หากประเมินว่ากัมพูชานำยุทโธปกรณ์ทั้งหมดที่มีมาใช้ในพื้นที่ หากลดทอนได้กัมพูชาอาจต้องไปตั้งหลักใหม่
"ถ้ากัมพูชามีระลอกในการต่อสู้และแบ่งออกเป็น 3 ระลอก นอกจากระลอกแรกที่ทำลายแล้ว ก็จะไปทำลายระลอกที่สอง เพื่อป้องกันไม่ให้มีกองหนุนหรือยุทโธปกรณ์เข้ามาเสริมได้ ตรงนี้จะเป็นการลิดรอนทางการทหารของกัมพูชาได้"
ยุทโธปกรณ์ใดที่กัมพูชานำเข้ามาในพื้นที่เพื่อปฏิบัติการทางการ กองทัพจะต้องลิดรอนขีดความสามารถในทุกกรณี
"คลังกระสุนหรือคลังอาวุธ จะเก็บไว้ไม่ไกลจากพื้นที่การรบ กองทัพมีขีดความสามารถในการทำลายได้ ประเมินสถานการณ์ตลอด เพื่อต้องการทำให้ไทยปลอดภัยกับภัยคุกคามจากกัมพูชา แต่การดำเนินการจะต้องไม่ขัดกับกฎบัตรสหประชาชาติ โดยเฉพาะสายตาของชาวโลก แต่ยืนยันว่าไทยไม่เคยมองคนกัมพูชาเป็นศัตรู"
พล.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า กัมพูชามีการเมืองภายในและดึงเอาเรื่องของความรักชาติหรือชาตินิยมของคนในชาติ เมื่อผู้นำรู้ถึงจุดอ่อนตรงนี้มาเป็นข้ออ้างทำเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ที่ผ่านมากัมพูชาปะทะกับไทย ทุกครั้งจะยุติจุดใดจุดหนึ่งและใช้วิธีการโลกล้อมไทย โดยเฉพาะการฟ้องศาลระหว่างประเทศ เพื่อให้ไทยหยุดยิง
กัมพูชาใช้อาวุธหนักยิ่งเข้ามาในไทย ต้องการทำลายขีดความสามารถทางทหารของไทยและพื้นที่ไทยยึดครองเอาไว้ แต่อาวุธของกัมพูชาใช้ปฏิบัติเฉพาะพื้นที่ ซึ่งแตกต่างจากของไทยที่มีการมาร์กจุดและมีความแม่นย้ำ แต่ของกัมพูชา อาวุธ 1 หน่วยจะกำหนดถึงเป้าหมายในการทำลายเป็นพื้นที่กี่ตารางเมตร หรือตารางวา แต่ปฏิเสธไม่ได้ถึงความตั้งใจยิงพลเรือนของไทย
"การยิงอาวุธหนักของกัมพูชา สามารถคิดคำนวนระยะทางได้ แต่ภาพปรากฏว่าการยิงอาวุธหนักสะเปะสะปะ เหตุเพราะทหารกัมพูชาขาดวินัย ขาดเรื่องการฝึก ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นเพราะทหาร หรือนโยบายของรัฐบาลในการดำเนินการ ทั้งนี้การปฏิบัติของกัมพูชาพยายามดำเนินการทั้ง 2 ส่วนคือ ยิงใส่พื้นที่การรบ และพื้นที่ที่จะได้เปรียบในแต่ละพื้นที่เท่านั้น"
เสนาธิการทหาร ระบุว่า เป้าหมายของกัมพูชาต้องการพื้นที่ที่มีเจตนารมณ์ เช่นตัวปราสาทที่ต้องการยึดครอง หรือต้องการยืนยันความเป็นเจ้าของ วิธีคิดของกัมพูชาจะต้องเข้าที่สำคัญ ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของไทย ทั้งนี้การใช้อาวุธหนักอย่าง PHL-03 กองทัพคิดไว้ 2 ส่วนคือ เรื่องขีดความสามารถทำได้หรือไม่ และการเตรียมความพร้อมเหตุล่อแหลม
อ่านข่าว
ปักธงชาติไทย! ทหารยึดเนิน 677 พื้นที่ช่องอ่านม้า จ.อุบลราชธานี ได้ 100%
"ไทย" ปฏิเสธข้อกล่าวหา "กัมพูชา" อ้างโจมตีพลเรือน ลั่นสันติภาพต้องอยู่บนความจริง