โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

หนูก็เครียดเป็นนะ! สังเกต 8 สัญญาณ 'ความเครียดในเด็ก' ก่อนสาย

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 15 ก.ย 2564 เวลา 18.12 น. • AJ.

 'อายุเท่านี้เอง เครียดอะไรนักหนา'

หากคุณเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เคยพูดคำนี้ อาจต้องหยุดอ่านและพิจารณาเหตุการณ์รอบตัวสักเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค 'โควิด-19' ที่บังคับให้เด็กวัยรุ่นต้องรับภาระที่ผู้ใหญ่หลายคนยากจะจินตนาการ

ผู้ใหญ่วัยเราไม่เคยเรียนออนไลน์วันละหลายๆ ชั่วโมง เราไม่เคยอัดคลิปส่งครูเป็นการบ้าน เราไม่เคยนั่งเรียนในบ้านที่เต็มไปด้วยสิ่งรบกวนมากมาย เราไม่เคยต้องเดินหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตหลายกิโลฯ เพื่อเข้าห้องเรียนให้ทันเวลา

และหาก 'อายุ' ไม่ใช่ปัจจัยของความเครียด ข่าวคราวการทำร้ายตัวเองหรือการฆ่าตัวตายในเด็กและเยาวชนคงไม่เกิดในระดับที่ถี่ขึ้นอย่างน่าเป็นห่วงเช่นทุกวันนี้

'โรคเครียดในเด็ก' ปัญหาจริงจังที่ผู้ใหญ่ต้องจริงใจ

สถิติจากกรมสุขภาพจิต เผยในปี 2562 ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่มีการบันทึก แบบแยกอายุ ระบุว่ามีเยาวชนอายุ 10 - 19 ปีฆ่าตัวตายถึง 111 คน ส่วนอัตราฆ่าตัวตายปี 2563 หลังจากมีการระบาดของโควิด 19 ก็มีมากถึง 7.37 เปอร์เซ็นต์ต่อประชากร 1 แสนคน ซึ่งกราฟยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา

ภาพจากกรมสุขภาพจิต
ภาพจากกรมสุขภาพจิต

ความเครียดในเด็ก ไม่ได้เกิดจากเรื่องผลสอบและเกรดเท่านั้น ตั้งแต่มีการระบาด เด็กเป็นแสนคนทั่วโลกต้องสูญเสียครอบครัวจากโรค (แค่ในสหรัฐอเมริกาก็มีมากกว่า 40,000 คนแล้ว) ยังไม่รวมปัญหาการเงินของครอบครัว และทรัพยากรที่เด็กยากไร้เข้าถึงไม่ได้ อาทิ อินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์สำหรับการเรียน

ทั้งยังมีปัญหาจากการเรียนออนไลน์ที่สร้างความปวดหัวแก่นักเรียนไทย จนถึงกับเคยมีการสไตรค์ #ไม่เรียนออนไลน์แล้วอิ_ส จากกลุ่ม 'นักเรียนเลว' เรียกร้องให้รัฐและกระทรวงศึกษาฯ ปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้เข้าถึงผู้เรียนทุกคน และจัดช่องทางช่วยเหลือให้นักเรียนที่ได้มีความเครียดจากเรียนออนไลน์อีกด้วย

ตลอด 5 วันแห่งการต่อสู้ที่ผ่านมา มียอดรวมของนักเรียนไทยผู้กล้าที่ร่วมกันผลักดันข้อเรียกร้องโดยการเช็คขาดผ่านเว็บไซต์…

Posted by นักเรียนเลว on Friday, September 10, 2021

ฟังทางนี้! ถ้า 'เด็ก' มีอาการเหล่านี้ ผู้ใหญ่ต้องช่วยเหลือด่วน

  • เด็กมีอารมณ์แปรปรวน และขึ้นสุดลงสุดบ่อยๆ เช่นอาละวาด หรือร้องไห้ ทะเลาะกับเพื่อนและครอบครัว
  • มีพฤติกรรมเปลี่ยน เช่น ไม่พูดไม่จากับคนในครอบครัว หากเด็กเป็นคนเข้าสังคมปกติแต่เริ่มเก็บตัวเงียบ ไม่แชต ไม่โทรหาใคร ก็นับว่าเข้าข่ายอาการน่าเป็นห่วง
  • ไม่สนใจงานอดิเรกที่เคยมี อาจเป็นอะไรก็ได้ เช่น นักร้องที่ชอบ หรือกิจกรรมที่เคยชอบทำ อย่างการเล่นเกม เป็นต้น
  • มีปัญหาเรื่องการนอน อาจนอนไม่หลับ ตื่นง่าย หรือนอนตลอดเวลาก็ได้
  • เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน เช่น หิวตลอดเวลา หรือไม่กินอะไรเลยก็มี
  • มีปัญหากับการจดจ่อ การใช้สมาธิ หรือความทรงจำและเริ่มไม่สนใจการเรียน บางรายอาจตัดสินใจดร็อปเรียนไปเลย
  • มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อการดื่มแอลกอฮอล์หรือเสพยา
  • เริ่มคิด หรือพูดเรื่องการฆ่าตัวตาย ซึ่งไม่ควรมองข้ามสัญญาณเล็กๆ น้อยๆ เช่น คำพูดคำจาอย่าง 'โลกแตกได้ยัง' หรือ 'หนูอยากตาย' ที่ฟังดูเป็นคำพูดตลกร้าย แต่ก็อาจแฝงไปด้วยภาวะเฉื่อยชา หรือ 'Passive Death Wish' ได้ ( อ่าน : Passive Death Wish ความรู้สึกอยากตายที่ไม่อยากฆ่าตัวตาย )

หากเด็กๆ หรือวัยรุ่นใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้มากกว่า 5 ข้อและเป็นติดด่อกันมากกว่า 2 สัปดาห์ ผู้ใหญ่ควรพาไปพบจิตแพทย์ หรือกุมารแพทย์ (ในกรณีเด็กเล็ก) ทันที

'ดูแลกันและกัน' ก็สร้างความหวังได้เยอะแล้ว!

ในโลกที่เต็มไปด้วยปัจจัยชวนซึมอย่างทุกวันนี้ ผู้ปกครองอาจต้องรับบทหนักในการ 'รับฟัง' และเทคแคร์สุขภาพจิตเด็กๆ ในบ้าน ผู้ใหญ่ควรเป็นผู้ควบคุมอารมณ์และบรรยากาศในบ้านไม่ให้ตึงเครียดเกินไป อย่าดูถูก 'ความเครียด' ของเด็ก หรือมองเป็นเรื่องเล็กน้อยและ 'ไม่จริง' คอยย้ำเตือนให้เด็กๆ รู้ว่ามีอนาคตที่สดใสรอพวกเขาอยู่ อาจสร้างกิจกรรมกลุ่มที่ทำร่วมกันได้โดยไม่เสี่ยงติดเชื้อ ที่สำคัญคือต้องดูแลรักษาจิตใจตัวเองให้แข็งแกร่ง ทำหน้าที่เป็นผู้ใหญ่แบบที่ 'ตัวเองในสมัยเด็ก' ต้องการ เท่านี้ก็น่าจะถนอมหัวใจของเด็กๆ ให้พวกเขาได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และไม่บอบช้ำระหว่างทางได้แล้ว :)

สายด่วนสุขภาพจิต : 1323

ข้อมูลอ้างอิง

กรมสุขภาพจิต

healthychildren.org

webmd.com

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0