“สิ่งศักดิ์สิทธิ์” คืออะไร! ทำไมถึงมีอิทธิพลกับชีวิตของคน?
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คืออะไร? มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับความเชื่อและความศรัทธาในพลังอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นคืออะไร แต่ทุกคนก็เชื่อว่า “สิ่งนั้น”เป็นสิ่งที่มีอำนาจสามารถให้คุณและให้โทษได้ โดยไม่มีใครสามารถหยุดยั้งพลังอำนาจและคำสั่งที่เด็ดขาดนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่มียศมีตำแหน่งใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่สามารถที่จะมีพลังอำนาจเหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่นี้ได้
มนุษย์ทุกคนมีความเชื่อและความศรัทธา สืบทอดมาจากพ่อแม่และบรรพบุรุษของเรา ตามแต่ละเผ่าที่สืบเชื้อสายต่อกันมา แต่ละกลุ่มแต่ละเผ่าพันธุ์ก็มักจะมีความเชื่อว่าสิ่งที่ตนศรัทธานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นผู้ที่มีพลังอำนาจ จากความเชื่อเหล่านี้ทำให้มนุษย์ตกหลุมพรางสู่ความมืดมน โง่เขลาและงมงาย จนกระทั่งสติปัญญาที่มีอยู่นั้นไม่สามารถที่จะใช้พิจารณาเพื่อให้เกิดความถูกต้องได้
เมื่อความเชื่อแบบโง่เขลาและงมงายได้ครอบงำความเป็นไปในการดำเนินวิธีชีวิตนั้น ทำให้เกิดความยโส โอหัง เกิดความโลภ ความอยากได้ อยากมีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่น ดังนั้นสังคมจึงเกิดผู้ที่ควบคุมความเชื่อและผู้ที่จะต้องยอมรับความเชื่อ
ผู้ที่ควบคุมความเชื่อก็คือผู้ที่บอกว่าตนเองใกล้ชิดกับเทพเจ้าหรือเป็นตัวแทนของเทพที่มีอำนาจ บางคนถึงขั้นเป็นร่างหุ่นให้เจ้าต่าง ๆ ได้เข้ามาสิงสู่ ที่มักจะเรียกว่า ร่างทรง หมอผี หมอดู นักบวช บุคคลเหล่านี้แอบอ้างเพื่อให้เกิดการเชื่อฟัง และเพื่อเป็นแนวทางในการแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่รู้จบ รุ่นแล้ว รุ่นเล่า สืบทอดต่อ ๆ กันมา
ส่วนผู้ที่จะต้องยอมรับที่จะเชื่อฟังคือ คนธรรมดา ๆ ชาวบ้าน แม่ค้า นักเรียน นักศึกษา มนุษย์ทุกชนชั้นที่เป็นผู้ถูกกระทำ และพร้อมที่จะเป็นผู้กระทำตามในสิ่งที่เชื่อ เพื่อผลประโยชน์ในความเชื่อของตนเอง และสิ่งที่คิดว่าจะได้เมื่อทำตาม
ความเชื่อของมนุษย์ส่วนใหญ่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีผลต่อวิถีชีวิตของเราทั้งให้คุณและให้โทษ แล้วเราไม่สามารถหาสาเหตุมาอธิบายมันได้ จึงเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความกลัว สำหรับบริบทของสังคมไทยในทุกภาคส่วน มีความเชื่อที่หลากหลาย อันเป็นที่มาของความเชื่อและพิธีกรรมตามประเพณี มีธรรมเนียมและรูปแบบการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
ความเชื่อที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มของความเชื่อได้ดังนี้
1. ความเชื่อทางพระพุทธศาสนา
เนื่องจากคนไทยนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่บรรพบุรุษ ความเชื่อจึงมุ่งเน้นพระรัตนตรัย หลักธรรมคำสอน เช่น ความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ความเชื่อเรื่องตายแล้วเกิดใหม่ สัตว์ทั้งหลายย่อมเวียนว่ายตายเกิดตามผลแห่งกรรมของตน หรือความเชื่อเรื่องนรก สวรรค์ เป็นต้น
2. ความเชื่อที่เกี่ยวกับวิทยาคม
เป็นความเชื่อเรื่องลึกลับที่เหนือธรรมชาติ ไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็น 2 เรื่องคือ ความเชื่อเรื่องเวทมนต์คาถา เป็นจำพวกตัวอักษรหรืออักขระที่ผูกขาดเป็นข้อความ ถือว่ามีอำนาจลึกลับแฝงเร้นอยู่ เช่น คาถาอาคมนำไปบริกรรม เสกเป่าหรือสวด เชื่อว่าจะเกิดความศักดิ์สิทธิ์หรือเกิดความขลัง ส่วนอีกเรื่องก็คือความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง เป็นความเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดตามธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เชื่อว่าสามารถป้องกันอันตราย ฟันแทงไม่เข้า เช่น เหล็กไหล เขี้ยวเสือ เป็นต้น
3.ความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ความเชื่อประเภทนี้น่าจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมาแต่อดีต ส่วนมากจะพบเห็นได้จากพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง พระเครื่อง รูปเหมือนพระสงฆ์ที่เคารพเลื่อมใส ร่วมไปถึงศาลปู่ตา ศาลหลักเมือง ศาลเจ้าพ่อ ศาลเจ้าแม่ ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในสังคมไทย
4. ความเชื่อเรื่องผีสางเทวดา
สิ่งลึกลับที่มองไม่เห็นตัวตน ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์และพลังอำนาจเหนือมนุษย์ สามารถให้คุณหรือให้โทษก็ได้ ทางวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้แน่ชัดว่ามีจริงหรือไม่
5. ความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์
วิชาที่ว่าด้วยการพยากรณ์ โดยอาศัยดาราศาสตร์เป็นหลัก ความเชื่อเช่นนี้ปรากฏแพร่หลายในทุกชนชั้นของสังคมไทย จนกระทั่งมีการเรียนการสอนสืบทอดอย่างเป็นทางการ และยึดถือเป็นอาชีพ
ความเชื่อและสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน ความเชื่อและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เปรียบเสมือนกำลังใจในการใช้ชีวิตอยู่ของคนไทย เพราะคนไทยแต่โบราณมาจะมีการเข้าวัดทำบุญ มีการบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตามต้นไม้ที่มีอายุยืนยาว มีการสร้างศาลพระภูมิหน้าบ้าน เพื่อให้ผีบ้านผีเรือนช่วยปกปักษ์รักษาบ้าน และยังมีการเชื่อเรื่องผีในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้เกิดความรู้สึกกลัวไปต่าง ๆ นา ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาจจะเป็นที่จิตของเราเองก็ที่นึกไปเอง จินตนาการไปเอง แต่ก็จะมีคนบางประเภทที่หลงเชื่องมงาย เสียเงินเสียทองไปมากมายให้กับเรื่องพวกนี้ จนบางครั้งอาจนำพาภัยเข้าสู่ตัวเอง ในความเป็นจริงแล้วความเชื่อเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด แต่ควรพิจารณาถึงสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ มองให้ลึกถึงความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เราดำเนินชีวิตไปอย่างระมัดระวังก็จริงอยู่ แต่ก็ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่ถูกต้องด้วย
อ้างอิง
http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=20&chap=1&page=t20-1-infodetail02.html
ความเห็น 21
ขอไม่เคยได้ผลสักอย่างเลิกศรัทธาแล้ว
03 มี.ค. 2562 เวลา 02.35 น.
Arm Depp
ความสบายใจเป็นสิ่งที่สำคัญ
แต่บางคนเชื่อและงมงาย จนเสียเงิน เสียงาน เสียอนาคต เสียตัว
มันคือค่านิยมที่ผิดถ้าผูกติดมากจนเกินไป
03 มี.ค. 2562 เวลา 02.05 น.
Tum
ยังอยู่อีกหรือนี่บุญกุศลที่เราทำเท่านั้นที่ทำให้เรามีความสูขทำดีแล้วก็จะดีบุญก็นำพาไปในสิ่งดีดีมันก็มีเท่านี้
03 มี.ค. 2562 เวลา 02.09 น.
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คือ.ความเชื่องัยแล้วไม่ต่อล้อต่อเถียงเราดว้ยพูดดว้ยแล้วทำให้เราสบายใจงัย🙇🙇🙏🙏🙏
03 มี.ค. 2562 เวลา 01.55 น.
Supote
เกิดเพราะสื่อ
04 มี.ค. 2562 เวลา 04.13 น.
ดูทั้งหมด