ไทยเป็นชาติ “กสิกรรม” แต่ทำไม“กระดูกสันหลังของชาติ” ยังยากจน!?
“กสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม”
เราคงได้ยินเพลงนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ หลาย ๆ คนก็อาจจะเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่เป็นเกษตรกรหรือปศุสัตว์ และคำกล่าวพวกนี้ก็ไม่ได้เกินเลยความเป็นจริง ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศ “ผู้ผลิต” ทางการเกษตรขนาดใหญ่ของโลกและมีการส่งออกสินค้าทางเกษตรจำนวนมากอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี ไม่ว่าจะเป็นข้าว ยางพารา อ้อย และถั่วเหลือง
แต่ทำไม อาชีพที่ใคร ๆ ก็กล่าวว่าเป็น “กระดูกสันหลังของชาติ” กลับกลายเป็นอาชีพที่ลำบากยากจนที่สุด?
ภาพของเกษตรกรที่ออกมาร้องไห้ อดอาหาร ประท้วงเรื่องราคาค่าข้าว ภาพของลูกหลานชาวนาตาดำ ๆ ที่ต้องมาออกรายการร้องเพลงสู้ชีวิตเพื่อ “ปลดหนี้” ให้กับครอบครัวที่เป็นเกษตรกรนั้นกลับเป็นภาพที่เราเห็นได้บ่อยไม่แพ้กันตลอดชีวิตที่ผ่านมา
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ในเมื่ออาชีพเกษตรกรรมสำคัญที่สุด ก็ควรจะให้ค่าตอบแทนสูงสุดไม่ใช่หรือ? เขาทั้งหลายต้องเผชิญกับปัญหาอะไรบ้างที่ขัดขวางไม่ให้พวกเขาได้อยู่ดีกินดี?
1.) ปัญหาผลผลิตไม่แน่นอน
ตั้งแต่ในอดีตมา ผลผลิตทางการเกษตรก็เป็นสิ่งที่ต้องขึ้นกับธรรมชาติและฤดูกาลมากอยู่แล้ว ยิ่งในยุคปัจจุบันที่โลกต้องเผชิญกับภาวะโลกร้อน โรคระบาด ศัตรูพืชชนิดใหม่ ๆ ก็ยิ่งสามารถสร้างความเสียหายให้กับผลผลิต และเมื่อจำนวนการผลิตไม่แน่นอน กำลังในการขายก็ย่อมน้อยลง และอาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องภาระหนี้สินได้ เพราะต้นทุนในการเพาะปลูกสูง และให้ผลตอบแทนน้อย
2.) ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง
เกษตรกรรายย่อยหลายรายไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง บ้างก็รับจ้างทำนา บ้างก็ต้องทำกินบนที่ดินของนายทุน บ้างเคยมีที่ก็ต้องเอาไปจำนองเพราะปัญหาต้นทุนการเพาะปลูก บ้างก็ต้องเช่าที่ดินในการทำการเกษตรแล้วก็เป็นหนี้ วนเวียนไปอยู่อย่างนั้น เพราะไม่มีที่ดินสินทรัพย์เป็นของตัวเอง
3.) พ่อค้าคนกลางกดราคา
เกษตรกรส่วนใหญ่ยังขายผลิตภัณฑ์การเกษตรของตัวเองกับพ่อค้าคนกลางซึ่งรับซื้อจำนวนมากในราคาถูก ๆ เพื่อนำไปขายเก็งกำไรเพิ่มในราคาที่สูงขึ้น หลาย ๆ ครั้งพวกเขาไม่รู้ราคาตลาดและถูกกดราคา ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยพ่อค้าและไม่กล้ามีปากมีเสียงเพราะกลัวว่าคราวต่อไปจะไม่มีใครมาซื้อผลิตผลของพวกเขาอีก เกษตรกรหลายครัวเรือนจึงยอมรับเงินน้อย ๆ ดีกว่าไม่ได้รับเงินเลย
4.) ไม่รู้วิธีการเพิ่มมูลค่า
เมื่อผลผลิตไม่ได้ถูกซื้อขายโดยตัวเกษตรกรเองแล้วเกิดการผลิตเกินจำนวนที่พ่อค้าคนกลางต้องการต่อรองซื้อขึ้นมาก็จะเกิดผลผลิตเฟ้อ ซึ่งในบางครั้งเกษตรกรไม่ได้รู้วิธีในการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า และทำให้เกิดปัญหาผลผลิตทิ้งเสียและต้องเสียผลผลิตตรงนั้นไปโดยเปล่าประโยชน์
การแก้ไขปัญหาการเกษตร เป็น “โจทย์” หลักของแทบจะทุก ๆ รัฐบาล แต่ก็แทบไม่เคยมีรัฐบาลไหนเลยที่จะแก้ปัญหาให้เห็นผลได้จริงและยั่งยืน ดังนั้น การที่ภาคการเกษตรจะเข้มแข็งขึ้นมาได้นั้นขึ้นอยู่กับเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคเองที่อาจเริ่มสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มาจากเกษตรกรโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางหรือนายทุนบริษัทใหญ่ เกษตรกรเองที่อาจต้องเริ่มศึกษาวิธีการขาย การแปรรูปผลิตภัณฑ์ ภาครัฐเองที่จะต้องมีนโยบายในการส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้ผ่าน ๆ ไป
ยิ่งช่วงนี้ใกล้หาเสียงแล้ว เรามารอดูนโยบายดี ๆ กันดีกว่า ว่าพรรคไหนให้ความสำคัญกับเกษตรกรและพรรคไหนจะทำได้จริงบ้าง และเมื่อไหร่ ที่เกษตรกรชาวไทยจะได้มั่งมีศรีสุขสมกับฐานะและคุณค่าของอาชีพพวกเขาซึ่งเป็นดั่งกระดูกสันหลังที่แท้จริงของประเทศไทยเราสักที
ภาพประกอบ
https://www.matichonweekly.com/column/article_14486
http://farmkaset.blogspot.com/2015/07/blog-post_73.html
https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/38298
ความเห็น 126
oah
BEST
คนรวยคือพ่อค้าคนกลาง เจ้าของโรงสี ไง
02 มี.ค. 2562 เวลา 01.18 น.
Phoovanai Punsod
BEST
กลุ่มนายทุนและกลุ่มบริหารประเทศที่ไม่อยากให้คนจนลืมตาอ้าปากได้ทำให้มีแต่รวยล้นฟ้าเอาไปไม่ได้สักบาทกับคนยากจนที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน
02 มี.ค. 2562 เวลา 02.09 น.
Boy
เพราะไม่ให้ความสำคัญกับวินัยและความรับผิดชอบ และความซื่อสัตย์สุจริต เน้นแต่การพัฒนาเศรษฐกิจของคนรวย ไม่เน้นสร้างคน จึงเจริญเศรษฐกิจแบบตัวเงินตัวทองเต็มประเทศ แต่หาที่เป็นคนไม่ค่อยเจอ
02 มี.ค. 2562 เวลา 02.09 น.
คนผลิตไม่มีสิทธิ์กำหนดราคา คนที่กำหนดราคาคือนักการเมืองที่ชาวนาเลือกเป็น สส.นั่นละ
02 มี.ค. 2562 เวลา 01.26 น.
@mnatton
ชาวนาดูมีความสำคัญขึ้นมาทันทีเมื่อจะมีการเลือกตั้ง หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกลืม ช่วยพวกเขาในเรื่องราคาผลผลิตก็เป็นนโยบายที่ไม่ได้ยั่งยืนอะไร ไม่ต่างจากการเอาปลาไปให้พวกเขาโดยไม่สอนวิธีตกปลา รัฐและ จนท.รัฐ ควรให้ความช่วยเหลือพวกเขาในเรื่องปัจจัยการผลิต ชลประทาน ไม่ใช้นโยบายแทรกแซงราคาที่เป็นกลไกของตลาดจนทำให้พวกเขาต้องผลิตมากๆ โดยไม่สนใจคุณภาพ ส่งเสริมการสหกรณ์ให้พวกเขารวมกลุ่มกันเพื่อให้มีอำนาจต่อรอง คุ้มครองภูมิปัญญาพวกเขา จะออกกฎหมายก็ต้องออกคุุ้มครองสิทธิที่พวกเขามีอยู่ก่อน ไม่ให้คนอื่นเอาเปรียบ
02 มี.ค. 2562 เวลา 02.23 น.
ดูทั้งหมด