ทำไมต้องมีโลกสองใบ! นักวิทยาศาสตร์เผย ชายเจ้าชู้กว่าหญิงแท้จริงเพราะพันธุกรรม!!
อ่านข่าวแล้วอย่ามัวไปซ้ำเติมเขา! ขอให้ย้อนมามองที่ตัวเราเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบ้าง ลองพักโลกทั้ง 2 ใบแล้วถอยออกมาไกล ๆ มามองบนโลกแห่งความจริงกันดูว่า ไอ้การนอกใจไปคบหญิงถึงสองคนนี่เอาจริง ๆ ก็ทำยากคนหาเช้ากินค่ำนี่ลำพังจะทำมาหากินให้พออยู่ได้ไปวัน ๆ ก็เหนื่อยยากเหลือเกินแล้ว คนมีเงินก็ต้องทำต้องหาแทบไม่มีเวลานอน การจะต้องไปดูแลเอาใจผู้หญิงเกิน 1 คนก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากใช่ย่อย
แต่ทำไมผู้ชาย ๆ หลาย ๆ คน ในสังคมของเราถึงเลือกที่จะนอกใจแฟนไปมีคนอื่นอีก ทั้งที่ผลลัพธ์ก็ไม่ใช่แค่ทะเลาะกันบ้านแตก บางกรณีถึงขั้นเสียการเสียงาน บางกรณีต้องฆ่าต้องแกงกัน
วันนี้เราจะไปหาคำตอบกัน
เก่า ๆ มันเป็นสนิมใหม่ ๆหน้าตาจุ๋มจิ๋ม
โบราณว่าไว้ไม่เกินไปหรอกคุณเอ๋ย แฟนเก่าที่เราเห็นหน้าซ้ำซากทุกวันนั้น จากที่เคยหลงรักหัวปักหัวปำก็ยอมจะมีวันเบื่อกันได้ เพราะหมดความท้าทายไปนานแล้ว เท่านั้นไม่พอ ผู้หญิงเองจากที่เคยสนุก เข้าใจ ไม่คิดอะไรมาก พอได้ลงเรือลำเดียวกันกับฝ่ายชายหรือลองขยับขยายกลายเป็นภรรยาหรือแม่คนขึ้นมา ความชิล ความง่ายนั้นจะหายไป กลายเป็นความคาดหวัง การตาม การจุกจิก ซึ่งฝ่ายชายบางคนก็รับไม่ค่อยจะได้
ที่นี้พอรับไม่ได้แล้วทำยังไงล่ะ หาใหม่น่ะสิ
ลองนึกดูดี ๆ บางทีแฟนใหม่หรือชู้ก็ไม่ได้ดูดีกว่าคนที่มาก่อนมากนัก แต่สิ่งนึงที่จะน้อยกว่าแน่ ๆ คือความคาดหวังเพราะยังใหม่ อนาคตของเขากับฝ่ายชายไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่สำคัญหากเขาต้องการจะเป็นที่หนึ่งคือจะแย่งฝ่ายชายไปแล้วล่ะก็ เขาจะยิ่งใจเย็นดูเข้าอกเข้าใจ ฝ่ายชายอยู่ใกล้ก็สบายใจไปอีก ยิ่งแวบไปหา หาโอกาสไปเจอมากขึ้น พอบ้านใหญ่เริ่มระแวงมีปัญหาทีนี้ก็เข้าทาง ฝ่ายชายสบโอกาสก็เตลิดไปได้ทันที
รายได้ทำร้ายรัก?
อ่านแล้วงงไปใหญ่ อะไรกัน! ทุกความสำคัญมันต้องใช้เงินไม่ใช่เรอะ ทำไมรายได้ทำร้ายความรักได้ล่ะ มีงานวิจัยมาบอกว่าได้นะจ๊ะและปัญหามันจะรุนแรงขึ้นเมื่อฝ่ายหญิงได้รายได้มากกว่าด้วย มหาวิทยาลัยคอนเนคติคัตเผยว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในความสัมพันธ์ที่ต้องพึ่งพารายได้จากคู่ของตน จะมีโอกาสนอกใจมากกว่าคนที่เป็นคนหารายได้หลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายหาเงินได้มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งสองคนรวมกันหรือฝ่ายนั้นหาเงินอยู่คนเดียว
ที่ร้ายกว่านั้นคือ หากฝ่ายหญิงใช้เงินฝ่ายชาย อันนี้โอกาสนอกใจไม่มากเท่าไหร่คืออยู่ที่ 5% แต่ถ้าเมื่อไหร่กลับกันเป็นฝ่ายชายใช้เงินฝ่ายหญิงแล้วละก็เปอร์เซ็นการนอกใจจะพุ่งขึ้นเป็น 15% ทันที
อะไรกัน (ฟะ) เงินก็พึ่งเรา ยังจะสวมเขาให้อีก
ทั้งนี้ทีมนักวิจัยให้ความเห็นว่า เพราะในหลาย ๆ สังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ การที่ผู้ชายไม่สามารถเป็นกำลังหลักหารายได้มาเลี้ยงครอบครัวได้จะทำให้ผู้ชายรู้สึกไร้ค่า นำมาซึ่งการนอกใจเพราะหวังว่าจะเติมเต็มความเป็นชายได้
พันธุกรรมกำหนด!!
ข้อนี้ผู้เขียนออกตัวก่อนว่า ไม่ได้ช่วยหาข้ออ้างให้ฝ่ายชายแต่อย่างใด เพียงแต่ทฤษฎีเขาว่ากันแบบนั้นจริง ๆ ซึ่งจะต้องขอแบ่งออกเป็น 2 ประเด็นดังนี้คือ 1 สมองของมนุษย์เพศชายถูกออกแบบมาให้มองหาการผสมพันธุ์ให้ได้มากที่สุด
ใช่คุณอ่านไม่ผิดหรอก สมองของเพศชายเป็นแบบนั้นจริง ๆ
เพราะตั้งแต่ยุคหินเพศชายและหญิงต่างก็มีหน้าที่สืบสานเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ต่างกันตรงที่ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ผู้ชายลงทุนน้อยมากในการมีลูก 1 คน ขณะที่ฝ่ายหญิงทุ่มทุนมากทั้ง 9 เดือนที่ท้อง ทั้งความเจ็บในวันคลอด ทั้งตลอดเวลาที่ต้องดูแลทารก ฝ่ายหญิงจึงต้องเลือกแล้วเลือกอีก ส่วนนี้ฝ่ายชายที่ไม่มีอะไรจะเสียกลับถูกธรรมชาติกำหนดมาให้มองหาความเป็นไปได้ที่จะมีลูกให้มากที่สุด จีบไว้ก่อน เพราะหากไม่คว้าไว้ เขาจะพลาดโอกาสสืบพันธุ์ได้
เหตุผลที่ 2 คือ การรับฮอร์โมน มีงานวิจัยรับรองว่าคนที่เจ้าชู้จะมีพันธุกรรมที่ควบคุมการรับฮอร์โมนออกซิโทซิน (oxytocin) และ ฮอร์โมนวาโซเพรซิน (vasopressin) มากกว่าคนทั่วไป ซึ่งฮอร์โมนที่ว่าจะมีผลต่อความไว้ใจและความสัมพันธ์ทางเพศ
และแน่นอนว่า เพศชายมียีนหรือพันธุกรรมทั้ง 2 แบบนี้เยอะกว่าผู้หญิง แหมะ ไม่เรียกเจ้าชู้เพราะสมองสั่ง แล้วจะเรียกอะไร
ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงจะมีสาเหตุมากมายที่ผู้ชายจะนอกใจและบางอย่างก็ต้องยอมรับว่าเหนือการควบคุม แต่ก็ยังมีผู้ชายจำนวนมากที่รักและซื่อสัตย์กับภรรยาได้ สุดท้ายแล้วคุณจะทำร้ายคนที่คบกันมาหรือไม่ เป็นหน้าที่ของคุณเองที่ต้องยกความรักในหัวใจกับจิตสำนึกที่มากพอขึ้นมาข่มใจไม่ให้ทำชั่วกับคนที่รักคุณ หากคุณได้ตัดสินใจทำร้ายไปแล้ว ไม่ว่าข้ออ้างสวยหรูแค่ไหน ก็เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ทั้งสิ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.womenshealthmag.com/relationships/a19932020/will-they-cheat-again/
http://www.cleothailand.com/love/whymencheat.html
