*Gotokuji Temple (วัดแมวกวัก) – Tokyo *
ไม่รู้ว่าด้วยอิทธิฤทธิ์แมวกวักนับพันตัวของวัดนี้รึเปล่าที่นำพาผมมายืนจ้องมองมันอยู่ที่นี่
วัดที่ผมคาดว่ามีตุ๊กตาแมวกวักมากกว่าจำนวนพระในวัดอย่างแน่นอน มองไปทางไหนก็มีตุ๊กตาแมวหูแดง ใส่ปลอกคอสีแดงสดห้อยกระดิ่งสีทองวางเรียงรายไม่ไล่ระดับความสูงต่ำ อารมณ์เหมือนอยากวางตรงไหนก็ปล่อยไว้ตรงนั้นแหละ แต่พอถอยออกมามองห่าง ๆ แล้วก็สวยดีเหมือนกัน
ถ้าหาข้อมูลมาก่อนก็จะรู้ว่าวัดนี้เด่นในเรื่องของการสร้างความโชคดีและเจริญรุ่งเรือง แต่ระหว่างที่เดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ นั้น ในใจผมไม่ได้คิดถึงว่าความโชคดีจะติดตามผมเมื่อเดินออกไปจากที่นี่มั้ย ความยุบยับของน้องแมวต่างหากที่ฉุกใจผมให้คิดต่อไปว่า อยู่กันเยอะขนาดนี้ น่าจะสนุก ไม่น่าเหงากันหรอกมั้ง
ตลกดี ถ้าจะมานั่งมโนว่า ตุ๊กตาแมวจะเหงารึเปล่า แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนที่ตอนเด็ก ๆ มักเอาตุ๊กตาสัตว์ป่า บ้านเรือนมาทำเป็นหมู่บ้าน แล้วชอบคิดไปเองว่าเมื่อตอนที่เราหลับ พวกมันจะมีชีวิต และออกมาโลดแล่นในเมืองที่ผมจัดแจงเอาไว้ บางทีก็แกล้งทำเป็นหันหลัง แล้วหันมาไว ๆ แบบที่พวกมันน่าจะตั้งตัวไม่ทัน แล้วเผลอขยับตัวออกมา
นี่น่าจะเป็นผลจากการดูทอยสตอรี่มากเกินไป
ถ้าไม่นับไปที่จำนวนของแมวกวัก แต่นับที่จำนวนของคนที่อยู่รอบ ๆ ตัว การที่มีคนอยู่รายล้อม พร้อมจะพูดคุยและปฏิสัมพันธ์ ถ้าเหมารวมว่าทฤษฏีแมวกวักที่อยู่รวมกันแล้วจะไม่เหงานั้นถูกต้อง เราก็น่าจะไม่เหงาเหมือนกันใช่มั้ย ?
หรือจริง ๆ แล้วจำนวนของคนที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้สามารถทำให้ขนาดของความเหงาของเราลดลงไปได้เลย ?
ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนผมมั้ย แต่หลายครั้งที่แม้จะมีคนมากมาย แต่ข้างในเราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันอบอุ่น หรือมีความเข้าใจอะไรในตัวเอง
ความเหงา จึงไม่น่าจะขึ้นอยู่กับจำนวนของคนที่อยู่ข้าง ๆ แต่น่าจะขึ้นอยู่กับว่า ตอนที่เรายืนอยู่ตรงนั้น เรารู้สึกแปลกแยก และแตกต่าง จนไม่สามารถหลอมรวมไปกับพวกเขาได้มากกว่า
แมวไม่เหงาหรอกที่วางเรียงรายกันอยู่เต็มวัด แต่ทำไมเราถึงเหงาจับจิตเมื่อมีใครหลายคนรอบกาย หรือจริงๆ แล้วเราไม่ได้ต้องการใครมากมายมารายล้อม เราแค่ต้องการใครสักคน คนที่อาจยืนอยู่ในนั้น สักคนเดียวที่เข้าใจ ว่าแท้จริงข้างในเราต้องการอะไรกันแน่ ?
ฟังดูเป็นคนเห็นแก่ตัวนะ ที่ต้องพยายามตามหาใครมาบอก มาเติมสิ่งที่รู้สึกไปเองว่ามันว่าง มันกลวง ผมแอบไม่ชอบตัวเองเหมือนกันที่บางครั้งก็ใช้เหตุผลแบบที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้มาบอกว่าเราเหงา ทั้งๆ ที่บางครั้งมันไม่ใช่ความเหงา แต่มันคือการไม่เข้าใจข้างในของตัวเอง
*เหงาอาจเป็นเพียงบรรยากาศที่เราสร้างขึ้น ในวันที่เราสับสน และไม่ยอมรับความจริงอะไรบางอย่าง *
ถ้าว่ากันตามตรง ต่อให้มีคนมากมายที่เข้าใจ หรือไม่มีใครสักคนมารับฟัง ถ้าข้างในเรารู้ว่าต้องการอะไร แล้วสามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนั้นได้ ความว่างเปล่าที่เกิดขึ้น เราอาจไม่ต้องการแมวสักตัว หรือใครสักคนมาเติมเต็มก็ได้นะ
ถ่ายรูปจนจุใจ ผมก็เดินออกจากวัด ว่าแล้วขณะที่ผมเดินออกไป ก็แอบหันหลังมาแบบไวๆ แบบที่คิดไปเองอีกแล้วว่า มันน่าจะมีตุ๊กตาแมวกวักสักตัวที่แอบขยับ แล้วหยุดอยู่กับที่ไม่ทัน
แบบนี้ไม่เรียกว่าเหงา จะเรียกว่าอะไร ?
ติดตามบทความของ เพจบันทึกนึกขึ้นได้ บน LINE TODAY ทุกวันศุกร์
ความเห็น 6
ตัวลาย
อยากขอโทษคนที่ผมเข้าใจเค้าผิดอยากบอกเค้าที่คิดแบบนั้นเพราะรักมากไม่อยากเสียเค้าไปแม้ตอนนี้เค้าไม่ได้อยู่ไกล้ๆแต่ยังคงอยู่ในใจเสมอ
11 ต.ค. 2562 เวลา 06.46 น.
ตั้วเป้าหมายในชีวิตให้สูงๆ เข้าไว้เลี้ยงแมวคือหน้าที่.
04 ต.ค. 2562 เวลา 23.23 น.
🌷Hello_wiky🌷
อยู่ในกลุ่มคนเยอะๆเหงาเพราะไม่มีใครรู้จักและสนใจเรา ยิ่งเหงากว่า ใช่เลย ขอแค่หันมามองและยิ้มใ้กันบ้าง
04 ต.ค. 2562 เวลา 15.17 น.
ॐ♾Mee♾ॐ
การที่เราเข้าใจตัวเองได้ นี่มันไม่ง่ายน๊ะ อารมบางอย่างสลัดทิ้งยากมาก
04 ต.ค. 2562 เวลา 08.39 น.
Kingkong
กลับไปหาครอบครัวบ้าง ความรักมีหลายด้าน
04 ต.ค. 2562 เวลา 08.24 น.
ดูทั้งหมด