ถ้าพูดถึงอาหารญี่ปุ่นสุดอันตรายจะนึกถึงอะไรครับ !
ปลาปักเป้า ที่มีพิษรุนแรงกินเข้าไปแล้วตายได้ ?
ปลาดิบ ที่อาจมีพยาธิอยู่ ?
หรืออาจจะเป็นอึ่งอ่าง คางคก งูพิษ ก็อตซิลล่า…นั่นมันไม่ใช่อาหารญี่ปุ่นแล้วว้อยยยยยย !
ไม่ว่าจะเป็นปลาปักเป้า ปลาดิบหรือก็อตซิลล่า ก็อยากจะบอกว่าผิดทั้งหมดครับ !
อาหารญี่ปุ่นที่อันตรายที่สุดเป็นของกินที่น่ารักกว่านั้นมาก เพราะมันคือขนมหวานที่ทุกบ้านต้องรู้จัก นั่นก็คือ “ขนมโมจิ” นั่นเอง
อ๊ะ ๆ ขนมโมจิที่ว่านี่ไม่ใช่ขนมโมจิแบบในบ้านเรานะ ขนมโมจิสารพัดแม่ที่วางขายในบ้านเรานั้น มันจะออกแนวคล้าย ๆ ขนมเปี๊ยะมากกว่า
อันนี้ไปเรียกโมจิคนญี่ปุ่นจะงงว่ามันโมจิตรงไหน เพราะขนมโมจิของญี่ปุ่นเขาคือขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว มาตำ ๆ เป็นแป้งเหนียว ๆ ที่ยาว ๆ ยืด ๆ และเป็นพื้นฐานของขนมญี่ปุ่นอีกหลายอย่าง เช่น ดังโงะ หรือขนมของฝากทั่วไปที่เวลาเราไปเที่ยวแล้วชอบซื้อกลับมากัน ขนมที่มันเหนียว ๆ ยืด ๆ มีไส้เป็นถั่ว ๆ นั่นคือมีพื้นฐานมาจากโมจิทั้งหมดครับ
เจ้าขนมโมจินี่เป็นขนมที่คนญี่ปุ่นนิยมทานกันมาก โดยเฉพาะในช่วงวันสิ้นปีและวันปีใหม่ เขาจะเอามาใส่เป็นซุปเรียกว่า โอโซนิ ทานกัน ด้วยความที่มันยืด ๆ ยาว ๆ คนญี่ปุ่นเขาก็เลยกินเอาเคล็ดว่ามันจะทำให้ชีวิตของเรานั้นยืดยาวเหมือนกับโมจินั่นเอง
แต่สิ่งที่มันย้อนแย้งก็คือ ไอ้เจ้าขนมที่คนนิยมกินกันเอาเคล็ดว่าจะทำให้อายุยืนนี้ กลับเป็นสิ่งที่เป็นสาเหตุให้คนญี่ปุ่นนั้นเสียชีวิตจากมันมากที่สุด !
ด้วยความที่ขนมโมจิมันเหนียวหนืดมาก ทำให้กลืนได้ลำบาก ยิ่งโมจิที่รับประทานกันในวันสิ้นปีนั้น มักจะเป็นโมจิที่มีชิ้นใหญ่และมีความเหนียวเป็นพิเศษ และยิ่งอยู่ในซุปร้อน ๆ มันก็จะเพิ่มความเหนียวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุที่อาจจะเคี้ยวไม่ละเอียด หรือซดซุปเพลินแล้วมันไหลลงคอไปติดอยู่ในหลอดลม หลอดอาหาร จนหายใจไม่ออกและเสียชีวิตในที่สุด
ในช่วงปีใหม่ของทุกปีก็จะมีรายงานการเสียชีวิตของผู้สูงอายุจำนวนราว ๆ 5-10 คน และผู้ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอีกหลายร้อยคนเพราะขนมโมจิติดคอ ซึ่งถ้ารวมจำนวนผู้คนที่เสียชีวิตจากขนมโมจิติดคอนั้นก็น่าจะเกิน 100 คนเลยทีเดียว
แต่แม้จะมีผู้เสียชีวิตกับมันทุกปี การกินขนมโมจิในช่วงวันสิ้นปีก็ยังคงเป็นวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่เขายังคงปฏิบัติสืบต่อกันมาครับ สิ่งที่ทำได้ก็คือการพยายามให้ความรู้ กับประชาชนถึงวิธีการทานอย่างปลอดภัย เช่นให้ตัดออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ลูกหลานคอยดูแลผู้สูงอายุขณะทานโมจิ และเรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเวลาที่เกิดมีอาหารติดคอด้วย
แต่แม้จะรณรงค์กันอย่างไร แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจากขนมโมจิก็ยังคงมีอยู่ในทุก ๆ ปี แม้ว่าจะเป็นจำนวนที่น้อยนิด ถ้าเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมด หรือเทียบไม่ได้กับจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกิดจากอุบัติเหตุในช่วงสิ้นปี หรืออุบัติเหตุที่เกิดจากการเมาแล้วขับในบ้านเรา
แต่มันก็ยังเป็นเรื่องน่าเศร้าที่อาหารแห่งความเชื่อว่าจะทำให้อายุยืนนั้นกลับเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้คนในทุก ๆ ปีเช่นกัน
ติดตามบทความใหม่ ๆ จากเพจ Eak SummerSnow ได้ทุกวันเสาร์บน LINE TODAY
ความเห็น 52
บรรเทิง ไทยลี่
โมจิบ้านเราน่าจะเรียกขนมเปี๊ยมากกว่าขนมไทยโบราณชนิดนึงที่คล้ายโมจี คือขนมแดกงาใช้ข้าวเหนียวโขลกผสมงาจนเหนียว แล้วมาเอาปั้นเป็นก้อนอร่อยดี
29 ก.ย 2562 เวลา 23.48 น.
bolt nut
เปลี่ยนเป็นครกดีมั้ยครับ
29 ก.ย 2562 เวลา 12.16 น.
Thirasak Limchun
หน้ากินคับ
29 ก.ย 2562 เวลา 03.31 น.
Nut
เมื่อก่อนเพราะไม่เคยกินโมจิของจริง พอได้ยินที่นครสวรรค์มีขายเลยได้ลองกิน ยังคิดเลยว่าโมจิมันเป็นแบบนี้เองหรอ แต่พอได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นได้กินของจริง ถึงได้รู้ว่าคนละเรื่องกันเลย ของเขาขนาดร้านแผงลอยข้างทางที่ส่วนใหญ่ใช้ของถูกคุณภาพดรอปลงมาหน่อย ยังเหนียวนุ่มกว่าของบ้านเราเยอะเลย ของไทยไม่ควรเรียกโมจิด้วยซํา
29 ก.ย 2562 เวลา 01.09 น.
OA
ข่าวแม่งเขียน กูก็นึกว่าอะไรพิสดาร แดกอะไรก็ติดคอตายได้ทั้งนั้น หากแดกไม่ดี หริอรีบแดก แดกปีโป้ยังตายเยอะแยะ
29 ก.ย 2562 เวลา 01.02 น.
ดูทั้งหมด