โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

3 สิ่งที่ชีวิตพยายามบอก แต่เราต้องเจ็บก่อนถึงจะเข้าใจมัน - เพจบันทึกนึกขึ้นได้

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 15 พ.ค. 2563 เวลา 03.42 น. • เพจบันทึกนึกขึ้นได้

1. 

เราเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

ข้อนี้ไม่ได้เพิ่งรู้ แต่รู้สึกว่า หลัง ๆ พอเริ่มเข้าใจในความเป็นไปของข้อนี้แล้ว
เราก็รู้สึกว่า เราสามารถวางอารมณ์ วางความรู้สึกบางอย่างลง ได้ง่ายกว่าแต่ก่อน

ที่พูดแบบนี้เพราะว่า ผมจะรู้สึกว่า เวลาเราชอบ หรือไม่ชอบอะไร
เราจะชอบออกตัวไป ว่า เราชอบแบบนี้ อันนี้เราไม่ชอบ
อย่ามาล้ำเส้น อย่ามาแหย่
อย่ามาก้าวก่าย

พอเจอคนที่เรารู้สึกไม่ชอบ ก็เคยมีอารมณ์ว่า เราไม่ชอบคนแบบนี้เลย
ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นคนนิสัยแบบนั้น ว่าเค้าให้เพื่อนฟังเสีย ๆ หาย ๆ

บางทีเราก็เคยพิมพ์ข้อความว่าบางคนลงโซเชียลในช่วงเด็ก ๆ ที่ยังเป็นนักเลงคีย์บอร์ดกับเขาอยู่เหมือนกัน

ซึ่งกาลเวลาก็ผ่านเลยไป
นานจนลืมไปหมดแล้วว่าเคยคิด เคยทำอะไรไปบ้าง

จนวันนี้ก็มานึกขึ้นได้ว่า
บางอย่างในตัวเรา ก็กลายเป็นสิ่งที่เราเคยไม่ชอบไปแล้วเหมือนกันนะ
อาจจะเป็นตั้งแต่ตอนนั้น หรือเป็นมาตั้งนานแล้วแต่เพิ่งรู้สึกตัว
หรือเพิ่งมาเป็นเอาตอนนี้

ผมเคยเขียนในหนังสือบันทึกนึกขึ้นได้บทนึง

ประมาณว่า

อะไรที่เราเคยชอบ ตอนนี้มันก็ไม่ชอบแล้ว
อะไรที่มันเคยอิน ตอนนี้ก็ไม่อิน
ไปอินกับอะไรที่แต่ก่อนนี่ไม่เคยอินมาก่อนเลย

พอคิดได้แบบนั้นอีก
ก็รู้สึกว่า โตแล้วนะ
ถึงตอนนี้ อะไรที่เรารู้สึกว่ามันขัดใจเราในตอนนี้
หรืออะไรที่มันถูกใจเราเอามาก ๆ
ลองวางเฉยกับมัน สัมผัส ลิ้มรส รู้สึกกับมันแค่พอควร
อย่าไปด่วนตัดสินใจ อย่าไปด่วนตัดสินคน
รวมถึงอย่าเพิ่งตัดสินตัวเองว่าเราเป็นคนแบบไหน

เพราะเราเป็นคนแบบไหน ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่กับใครมากกว่า

มันน่าตลกดี เวลาเห็นคนที่เคยบอกว่าไม่ชอบอะไร หรือเกลียดอะไร
แล้วตอนนี้เค้าเป็นคนแบบนั้น
แล้วมันก็น่าตลกดี ที่สุดท้ายแล้ว คนคนนั้นมันก็คือเราเองนั่นแหละ

2.

ผมเคยไม่เข้าใจ
ว่าทำไมเราถึงต้องพยายามทำความเข้าใจคนอื่นอยู่คนเดียว

มันเป็นคำถามที่เกิดขึ้นหลายครั้งหลายสถานการณ์
ไม่ว่าจะเป็นตอนทำงาน แล้วเจอเพื่อนร่วมงาน พี่ร่วมงาน ลุงร่วมงาน น้า ป้า ที่มาร่วมงาน
มีวิธีการทำงานที่มันค่อนข้าง หาตรรกะมาลงกับการกระทำนั้นไม่ค่อยได้

เวลาเจออะไรแบบนี้ผมก็มักจะหันไปปรึกษาเจ้านาย
ถามเขาว่าทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ทำไมผมต้องทำงานกับคนแบบนี้
นี่กว่างานผมจะเสร็จ ผมต้องใช้กี่วิทยายุทธในการหลอกล่อ ให้เขาทำให้ได้ตามเป้าหมายของบริษัท
หรือแม้กระทั่ง KPI ของตัวเอง

ซึ่งแน่นอน ผมคิดว่า หลาย ๆ คนก็น่าจะมองผม แบบที่ผมมองเค้าแน่ ๆ

เจ้านายผมได้แต่บอกว่า
ลองทำความเข้าใจเค้าดู ว่าทำไมเค้าถึงแสดงออกมาแบบนั้น
อะไรคือสาเหตุ หรือปัจจัยที่แท้จริงในการมีพฤติกรรมแบบนั้นออกมา

จริงๆ เค้าอาจจะกำลังต้องการอะไรบางอย่าง
แต่วิธีการแสดงออกของเค้ามันไม่ได้ตรงกับสิ่งที่ลึก ๆ เค้าต้องการรึเปล่า

ผมก็ได้แต่คิดว่า -จริงหรอ ?
นี่เราต้องทำความเข้าใจพวกเค้าจริง ๆ หรอ

มองในสถานการณ์อื่น ถ้าจะเข้าเรื่องความสัมพันธ์บ้าง
บางทีเราก็ไม่เข้าใจการกระทำของคนที่เรารู้สึกดีด้วยเหมือนกันนะ

ว่า ทำไมเค้าถึงทำ ถึงเป็นคนแบบนี้
หลายครั้งพอมีอะไรที่เกิดขึ้นแล้วมันสร้างความเจ็บปวดในใจเราขึ้นมา
ก็ได้แต่ถามตัวเองว่า อ้าว แล้วทำไมเราต้องมานั่งทำความเข้าใจอยู่คนเดียว

ไม่เห็นมีใครเข้าใจเราบ้างเลย

แต่พอโตขึ้นมา ใช้เวลาหายใจบนโลกนี้มากวันขึ้นเรื่อย ๆ

มันก็เข้าใจในสิ่งที่เจ้านายบอกมากขึ้น
อย่างที่บอกว่า มันไม่ใช่สิ่งที่เราเพิ่งเรียนรู้
มันเป็นสิ่งที่มีคนบอกเรามาเสมอ
แต่มันใช้เวลา ใช้จังหวะ ในการที่เราจะเข้าใจด้วยตัวเอง
ซึมเข้าไปในความคิดความรู้สึกว่า
เออ มึงเปลี่ยนใครไม่ได้จริง ๆ
เราเปลี่ยนไม่ได้เลย แต่เราทำความเข้าใจเค้าได้ว่าทำไม
ซึ่งความจริงอย่างนึงที่ผมเรียนรู้ก็คือ

เราเข้าใจเค้าได้
แต่เราไม่จำเป็นที่จะต้องยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็นหรือทำ

เข้าใจว่าเขาเป็นแบบนั้น
เข้าใจว่าทำไม เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็นใครต่อใครแสดงออก
ไม่ว่าจะเป็นคนรอบตัว หรือคนในโลกออนไลน์ที่เขียน หรือพิม หรือพูดอะไรออกไป
เช่นเดียวกับที่ผมเขียนให้คุณอ่านอยู่ตอนนี้

ล้วนมีเหตุผลบางอย่าง ที่เรารู้ และไม่รู้ซ่อนอยู่ทั้งนั้น

บางทีการทำความเข้าใจคนอื่น
ก็เพื่อที่จะตอบคำถามบางอย่างในใจ ให้เราเข้าใจตัวเอง

บางทีเรามองแต่คนอื่น ว่าทำไม เขาถึงไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด
จนบางทีเราลืมหันมามองตัวเอง
ลืมถอดตัวเองออกมา แล้วไปดูในมุมของคนอื่นบ้าง

บางทีมันก็ทำให้เราใจเย็นลง
ที่จะปล่อยให้บางอย่าง หรือบางคนมันผ่านไป
แบบที่ไม่ต้องคิดอะไรกับสิ่งเกิดขึ้น

หรือถ้าเราเข้าใจใครบางคนแล้ว
เราอาจจะยอมรับได้ว่า ที่มันเป็นอยู่ตอนนี้
ก็เพราะว่าเค้าเป็นแบบนั้นตั้งแต่แรก
แต่เราเองต่างหากที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย

สรุปแล้วไม่ใช่ว่าทำไมเราถึงต้องเข้าใจคนอื่นอยู่คนเดียว
แต่มันเป็น สุดท้ายแล้วเราก็ได้เรียนรู้ว่า
บางทีเราเองที่ยังไม่เข้าใจตัวเองได้ดีพอมากกว่า

3.

เรามักจะยอมรับ ความรักที่เราคิดว่าเหมาะกับเรา
เรามักจะอยู่ หรือกับสิ่งที่เราคิดว่าเราเหมาะกับสิ่งนั้น

ซึ่งมองดี ๆ มันเป็นเรื่องดีนะ
แต่ผมคิดดูอีกที บางทีมันเป็นหลุมที่ผมตกอยู่กับมันมานานพอสมควร

ผมเคยมองหาความรักที่ผมต้องการ
คนที่เราคิดว่าแบบนี้แหละที่เราอยากใช้ชีวิตทุกๆ วันด้วย
พอมีใครสักคนเข้ามา ทำให้เรารู้สึกว่า ใช่มาก
นีแหละคือทุกข้อที่เราต้องการ

จนพอมันเริ่มไปด้วยกันไม่ได้ หรือมีอะไรที่มันไม่ชอบมาพากล
เราก็ยังคิดไปเองอีกว่า
ก็มันคือความรักที่เราต้องการแหละ เค้ายังเป็นสิ่งที่ควรค่ากับเรา

จริง ๆ บางทีเพราะเราคิดว่าเราเหมาะกับอะไร เราถึงได้อยู่กับสิ่งนั้น
มันถึงทำให้เราได้มาเจอสิ่งนี้

แต่คำว่าเหมาะ มันไม่ได้บอกกับเราว่า มันดีหรือไม่ดี

เหมือนคนที่บ่นเรื่องงานทุกวัน แต่ไม่เคยลาออก ไม่เคยหางานใหม่
เพราะเค้ารู้ว่า จริงๆ เค้าไม่ได้มีความสามารถที่จะออกไปจากที่นี่
ออกไปก็ไม่มีใครรับ

ซึ่งถ้าเรายังมองเรื่องของความรักในมุมแบบนี้
มันไม่มีใครข้างนอกที่ต้องการเราหรอก
แค่ตั้งคำถามแบบนี้ มันก็แย่แล้ว

บางอย่างที่มันให้หัวใจฟูฟ่องในวันนี้
ก็ไม่ได้หมายความว่ามันดีกับเราต่อไปในอนาคต

ผมเรียนรู้จากใครคนหนึ่งว่า
คนที่ทำให้รู้สึกดี อาจไม่ใช่คนที่ทำให้ชีวิตเราเดินไปในทางที่ดี

บางทีอาจจะต้องเลือกความรักที่คิดว่าเราควรค่า
ในแบบที่มองไปให้ไกลกว่าที่ความรักดาดๆ
ที่มีแค่แช็ท เซ็ก และการให้คนนอกอิจฉา

ผมถามตัวว่าจริงๆ แล้วเราต้องการอะไร
เราควรค่ากับใคร ควรค่ากับการมีใครมั้ย
หรือควรมีความสุขกับตัวเอง

ถ้าเราตอบคำถามและเข้าใจตัวเองแล้ว
เราจะรู้ตัวเองว่า สิ่งที่เราเจออยู่ตอนนี้
ที่ที่อยู่ตรงนี้ เหมาะกับเรามั้ย

คนที่อยู่ข้างๆ ความรักที่มี เป็นสิ่งที่เราคู่ควรจริงๆ รึเปล่า

ผมได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นมาอีกว่า

สักวัน คนที่เรารัก จะทำให้เราเจ็บปวด
สักวัน เราจะอกหัก เราจะอยากตาย เราจะรู้สึกเหมือนอยู่ไม่ได้

แต่สุดท้าย

เราก็จะอยู่ต่อไปได้อยู่ดี

ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก เพจบันทึกนึกขึ้นได้ ได้บน LINE TODAY ทุกวันศุกร์

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0