ประชาชนหนาว! “เอกชน” แห่ปลดพนักงานสังเวย“เศรษฐกิจดี”
หลังจากที่รัฐบาลออกมาประกาศกร้าวว่าปีนี้คนจนจะหมดประเทศ ก็ถึงช่วงเวลาวัดผลอย่างช่วงสิ้นปีนี้ว่า คนจนจะหมดประเทศจริงไหม ? แล้วผลก็กลับออกมาเป็นอย่างที่นักวิชาการ ศิลปินและนักเขียนซีไรต์ หลาย ๆ ท่านออกปากแซวกันว่า “คนจนหมดประเทศจริงๆ เพราะตายหมด” นับเป็นวลีที่แสนจะเจ็บแสบ แต่ก็ไม่ไกลไปจากความจริงที่ว่า ช่วงสิ้นปีมีการประกาศ “เลิกจ้าง” หรือที่บางบริษัทเลือกที่จะใช้ภาษาสวยๆว่า “เกษียณก่อนกำหนด” ของหน่วยงานเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศมากจนนับได้ว่าเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างไม่สวยงามต่อเศรษฐกิจไทย !
ธุรกิจใหญ่เมืองไทย "ใครอยู่– ใครไป"ในรอบนี้บ้าง
สถานการณ์การเลิกจ้างล่าสุดของบริษัทเอกชนที่ดำเนินการในไทย รายใหญ่ ๆ ที่นับว่าก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อเศรษฐกิจไทยนั้น พอจะรวบรวมให้ฟังพอเห็นภาพได้ดังนี้
เริ่มต้นด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ที่จะปรับทัพครั้งใหญ่ตั้งเป้า3 ปีลดพนักงานลง12,000 คน ซึ่งถือเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งกระแสนี้ก็เห็นได้ชัดเจนว่าธนาคารหลาย ๆ แห่งนั้นเริ่มให้ความสำคัญกับการทำธุรกรรมออนไลน์มากยิ่งขึ้น และเพิ่มความสำคัญในการให้บริการด้านนี้อย่างเห็นได้ชัด ทั้งออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อชักจูงให้ลูกค้าหันมาใช้บริการออนไลน์ที่แสนจะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ความสำคัญของ “หน้าบ้าน” จึงลดลงไปทุกที คงเหลือแต่การบริการสินเชื่อและบริการทางการเงินอื่นๆ นอกเหนือจากการฝาก ถอน จ่ายบิลในชีวิตประจำวัน
ในขณะที่ธุรกิจการค้าเองนั้น มีข่าวว่า เทสโก้โลตัสเตรียมปลดพนักงานถึง45,000 คนพร้อมปิดสาขาอีก43 สาขาทั่วประเทศ โดยต่อมานั้น บริษัทฯ ได้ออกมาทำความเข้าใจต่อสาธารณชนว่า มีการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าที่มีความเปลี่ยนแปลงไปได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ดังนั้น จึงต้องมีการปรับโครงสร้างให้สอดคล้องกับธุรกิจ มุ่งเน้นไปที่ส่วนงานที่สำคัญสำหรับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยโครงสร้างทีมใหม่นี้จะลดขั้นตอน เพื่อให้การทำงานของพนักงานมีความง่ายขึ้น
แม้แต่ในธุรกิจสื่อเองก็เกิดความระส่ำระสายไม่แพ้กัน เริ่มจากการปิดตำนาน14 ปีMoney Channel โดยจะยุติออกอากาศในวันที่ 1 มกราคม 2562 ที่จะถึงนี้ ตามมาด้วย สปริงนิวส์และนิวทีวีที่ปรับลดพนักงานเกือบร้อยชีวิต ซ้ำสปริงนิวส์เองยังขายเวลารายการข่าวให้ ทีวีไดเร็ก ในขณะที่ วอยซ์ทีวีประกาศเลิกจ้างพนักงาน127 คน เพื่อปรับโครงสร้าง เน้นไปที่รูปแบบออนไลน์
และที่สะเทือนวงการสื่อมวลชนมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นข่าว ช่อง3 ปลดพนักงานเกือบร้อยคน ซึ่งภายหลังได้มีแถลงการณ์ชี้แจงโดยระบุว่า เป็นเพียง โครงการเกษียณอายุ ที่ถือเป็นทางเลือกให้กับพนักงานกลุ่มนี้ ซึ่งจำนวนผลตอบแทนที่มอบให้ในโครงการเกษียณก็สูงกว่าสิ่งที่กฎหมายแรงงานได้กำหนดไว้
ไม่เพียงแต่เอกชนไทยแต่ธุรกิจใหญ่ระดับโลกก็ปรับลดพนักงาน
ไม่ใช่แค่เฉพาะเอกชนไทยอย่างเดียวเท่านั้น แต่ธุรกิจใหญ่ระดับโลกต่างก็ปรับลดพนักงาน ซึ่งก็แน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อสาขาในไทยไปโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจจะเป็นกระแสถาโถมเศรษฐกิจไทยอีกระลอก โดยมีองค์กรสำคัญที่น่าจับตาความเคลื่อนไหว ดังนี้
เริ่มต้น สตาร์บัคส์ ได้ส่งบันทึกภายในองค์กรให้กับพนักงาน มีเนื้อหาว่า บริษัทต้องการสร้างนวัตกรรมใหม่ ภายใต้การทำธุรกิจค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งแผนปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ จะรวมไปถึงการควบรวมบางตำแหน่งงานเข้าด้วยกัน การโยกย้ายขยับปรับเปลี่ยน และการปลดพนักงานบางส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับด้านการขาย การให้บริการ ในปี 2562 สตาร์บัคส์จะเพิ่มความระวังในการขยายธุรกิจมากขึ้น จากแผนเดิมที่จะปิดสาขายอดขายต่ำเฉลี่ย50 สาขาแต่ปีหน้าจะปรับเพิ่มเป็น150 สาขารวมไปถึงลดการเปิดสาขาใหม่ด้วย
อิเกีย ผู้ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก มีแผนที่จะปลดพนักงานราว5% หรือ7,500 ตำแหน่งในอีก2 ปีข้างหน้าพร้อมปรับขนาดร้านให้เล็กลงเพื่อเข้าถึงลูกค้าในเมือง รวมถึงผู้ที่ไม่ต้องการซื้อสินค้าในคลังสินค้าขนาดใหญ่ และเพิ่มการขายผ่านออนไลน์มากขึ้น
ตามมาด้วย บริษัทเจเนอรัลมอเตอร์ส(จีเอ็ม) ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น เชฟโรเล็ต, คาดิแลค ตัดสินใจเลิกจ้างพนักงานจำนวน14,000 ตำแหน่ง พร้อมระงับการผลิตโรงงาน 5 แห่ง โดยบริษัทปรับแผนโครงสร้างมุ่งเน้นเจาะกลุ่มไปที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นหลักแทน ทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมกระแสข่าวจากองค์กรใหญ่ ๆ อื่น ๆ อย่าง โตชิบ้าคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าคหรือคาร์ฟูร์ ที่เตรียมลดพนักงานเช่นกัน
หลากเหตุผลที่เหล่าเอกชนแห่ปลดพนักงานสะท้อนอะไรบ้าง
การที่บริษัทต่าง ๆ แห่ปลดพนักงานนั้น ทางรอดของพวกเราชาวหนุ่มสาวออฟฟิศ จะอยู่ที่ตรงไหน อย่างไร ถ้าให้จับสังเกตจากเหตุผลของแต่ละองค์กรนั้น ก็ทำให้เราพอเห็นทางรอดได้อยู่บ้างนั่นก็คือ
ประการแรก การพัฒนาทักษะพิเศษเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นความสามารถด้านการคิด การเขียน กีฬา หรือใด ๆ ที่เรารักและชอบไปให้สุดทาง ก็จะสามารถทำให้เราสร้างชิ้นงานที่เป็นเอกลักษณ์และมีคุณภาพ ซึ่งแนวโน้มการมีทักษะเฉพาะทางนั้น ยิ่งยาก และเฉพาะทางมากเท่าใด ก็ยิ่งอยู่รอดได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น
ประการที่สอง การมีรายได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นงานพิเศษ หรือที่เรา ๆ ท่าน ๆ รู้จักกันในชื่อ“งานฝิ่น” ให้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้วยการบริหารเวลาอย่างมีระบบ แต่แนะนำว่า อย่างเรา ๆ ที่ไม่มีเงินหนา เงินเย็น ก็ไม่จำเป็นต้องไปถึงขั้นเล่นหุ้น เก็งกำไรทอง แค่ทำงานเฉพาะกิจ รายได้เร็ว ก็เพียงพอแล้ว
ประการที่สาม การพัฒนาทักษะด้านออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาโปรแกรม หรือเรา ๆ ท่าน ๆ อาจจะไม่ถึงขั้นนั้น แต่แค่รู้เท่าทันสื่อออนไลน์ เข้าใจการตลาดออนไลน์ เรียนรู้การสื่อสารออนไลน์ หารายได้และใช้ประโยชน์จากโลกออนไลน์เป็น ก็เพียงพอที่จะทำให้เราได้อยู่รอดแล้ว
เพราะนโยบายเศรษฐกิจที่ใครมากำหนดให้อีกตั้ง 20 ปีข้างหน้า คงไม่สามารถพึ่งพิงได้มากกว่าการยืนอยู่บนขาของเราอย่างมั่นคง !
*******************
ข้อมูลเพิ่มเติม:
https://www.facebook.com/efinanceThai/posts/10156840540985489
https://www.smartsme.co.th/content/110620?fbclid=IwAR3wGzpAwi878VxUgGOzRWjVPOyl2i5onhyySwoZB1uro-AlmakzngZPQds
http://www.taharnkla.zocialx.com/49507?fbclid=IwAR3Z02NJL8StiKxHYgoxPDLR6sB3SpZvicCs1MSZikV2DowRIpUfiviLOG0
ความเห็น 135
Kitti42
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไฟ ล้วนเป็นสัจธรรม ไม่มีอะไรเที่ยงแท้
05 ม.ค. 2562 เวลา 17.33 น.
Sicha 92456
อ่านแล้ว สรุปได้ว่า เศรษฐกิจไม่ดีทั่วโลก อเมริกา และประเทศใหญ่ๆ ก็แย่ เราก็แย่เหมือนเค้า
05 ม.ค. 2562 เวลา 02.52 น.
ธนิสร
แปลกดีนะ ภาคเอกชนมีแต่ปลดพนักงาน แต่ภาครัฐมีแต่เพิ่มพนักงาน ทั้งที่ปรึกษา คนเดียวกินเงินเดือน2-3ที่
05 ม.ค. 2562 เวลา 02.40 น.
¥นุคุง×ฝันหวาน¥
ไม่เชื่อ!เนื้อข่าวโอเว่อร์
05 ม.ค. 2562 เวลา 02.32 น.
ju.a
ลุกขึ้นมาทำมาหาแดกกัน
ก้อไม่อดตายหรอกนะ
..อย่ามัวแต่โทษนั่นนี่
โทษคนนั้นนี้......!!!
.....นช.ทักษิณแม่งงแดกเงินภาษีคนไทยแล้วโกยเข้าเป๋ามันเองอย่าง
มหาศาล....
พวกมรึงก้อนั่งอวยมันอยู่นั่นแหละ
......มีแต่สมองหมาปัญญาควาย
ที่คิดไม่ได้ว่า เชี้ย นช.ทักษิณ
มันชั่ว.....🐃👣🐃👣💀☠
01 ม.ค. 2562 เวลา 01.06 น.
ดูทั้งหมด