โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ปัดโธ่! เรื่องดี ๆ ก็มีทำไมไม่ชม! ส่องผลงานของรัฐบาล “ลุงตู่” ที่ไม่ได้ดีแค่แจกเงิน!

Another View

เผยแพร่ 24 ธ.ค. 2561 เวลา 05.00 น.

ปัดโธ่! เรื่องดีก็มีทำไมไม่ชม!ส่องผลงานของรัฐบาลลุงตู่ที่ไม่ได้ดีแค่แจกเงิน!

ระเบียบบ้านเมืองชัดเจนขึ้นเป็นจุดแข็งที่หลายฝ่ายยังชื่นชม  โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งวัดใจคนไทย  ระหว่างสังคมแกร่งกับเศรษฐกิจยวบ  อะไรที่จำเป็นกับประเทศรอให้ผลเลือกตั้งเป็นเครื่องตัดสิน

แม้จะเข้ามาอย่างไม่ชอบธรรม แต่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ( National Council for Peace and Order )  ก็ไม่ได้ถูกต่อต้านในช่วงแรก เนื่องจากสภาวะของชาติในปี พ.ศ.2557 มันร้อนระอุจากความขัดแย้งทางการเมืองจนหาทางออกไม่ได้  ภาพของประชาชน ยื่นดอกไม้ให้ทหารหน้ารถถัง ที่คณะรัฐประหารเข้ายึดอำนาจ มันเคยตราตรึงใจคนทั้งชาติ  การชุมนุมทางการเมืองของ 2 ฝ่าย ( สีเหลือง และ สีแดง ) ที่ยาวนานครึ่งปีก่อนจะสู่ภาวการณ์ยิงสาดกระสุนปืนใส่กัน เผารถ เผาตึกรามบ้านช่อง ปล้นสะดม ทำเอาการมาของ คสช.ในช่วงนั้น เต็มไปด้วยเสียงต้อนรับของผู้ที่ไม่รู้สึกปลอดภัย  

ทหารความอุ่นใจของประชาชน  ภายใต้เครื่องแบบสีเขียว ได้คืนความสุขให้ประชาชนตามที่ผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย "พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ได้ลั่นไว้ กองกำลังทหารเข้ามามีบทบาทในการทำให้บ้านเมืองที่กำลังวุ่นวายกลับเข้ามาสู่ภาวะปลอดภัย และ พลเอกประยุทธ์ได้กลายเป็น นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย จนถึงปัจจุบัน

จุดอ่อนทางเศรษฐกิจ  เมื่อระยะเวลาในการบริหารประเทศผ่านไป แม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายอย่างจะทะยานขึ้นเป็นสัญญาณที่ดี กระนั้นประชาชนในระดับรากหญ้า กลับออกมาวิพากษ์ถึงวิธีการบริหารงานของรัฐบาลของ “ลุงตู่” ว่าทำให้เศรษฐกิจของชาติอ่อนแอ ภาพลักษณ์ในด้านการบริหารประเทศในเรื่องปากท้องจึงติดลบมาโดยตลอด เมื่อการเลือกตั้งกำลังใกล้เข้ามา ปัญหาเงินตึงในการจับจ่ายถูกยกมาพูดถึงถี่บ่อยเพื่อคานอำนาจกับรัฐบาลที่มุ่งสร้างผลงานในโค้งสุดท้ายอย่างเต็มพิกัด

*** ผลงานเด่นรัฐบาลลุงตู่***

1. คืนโฉนดแก่ประชาชน 

เมื่อชาวบ้านที่ไม่มีทางออกในการหาเงิน ได้นำโฉนดไปค้ำประกันเงินกู้ ทั้งในรูปแบบของการจด “จำนอง” และ “ขายฝาก” พอไม่สามารถแบกภาระดอกเบี้ยที่สูงเกินอัตราได้ จึงเป็นที่มาของการถูกยึดโฉนดแก่นายทุนไป ทางรัฐบาล โดย"พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี ได้จัดทีมประสานและไกล่เกลี่ย จนทำให้สามารถส่งมอบโฉนดคืนแก่ประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกร ที่ทำการกู้เงินมาซื้ออุปกรณ์ทางการเกษตร ในเบื้องต้นหลายพันรายที่ได้รับการไกล่เกลี่ยลงตัว และส่งมอบโฉนดคืนแก่ประชาชน และชาวบ้านที่ไร้หนทางออก ภายใต้วงเงินหลายพันล้านบาท และยังคงเข้าเจรจากับนายทุนในทุกส่วนภูมิภาคของประเทศ โดยที่จุดเด่นของรัฐบาล คือ ลำดับความสำคัญของรายที่เจรจาได้ดี โดยเน้นเกษตรกรที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสัญญากู้ก่อน ส่วนถ้าเป็นกรณีลูกหนี้ที่กู้เพื่อใช้ฟุ่มเฟือย อันนี้รัฐบาลก็ยังคงเห็นใจเจ้าหนี้ ไม่เข้าไปใช้กฎหมายในการบังคับ แต่มุ่งเจรจาเป็นหลัก 

2.ยุคหมวกกันน็อคช้ำใจ 

หนี้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยแพง เกินร้อยละ 15 ต่อปี มีให้เห็นเต็มเมือง แต่ด้วยความจำเป็น พ่อค้าแม่ขาย ก็นิยมที่จะกู้เงินนอกระบบมาใช้ เพราะหากู้ได้โดยง่าย ผิดกับการกู้ในระบบที่ขั้นตอนยุ่งยาก และจำกัดคุณสมบัติการกู้ ทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึง  รัฐบาลลุงตู่ จัดสรรงบประมาณยังลูกหนี้ เกือบ 300,000 ราย ภายใต้วงเงิน 10,000 บาท ผ่าน 3 ธนาคารรัฐ  ทำให้ประชาชนระดับรากหญ้า เข้าถึงสินเชื่อในระบบมากขึ้น อันเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ที่แม้จะเป็นรูปธรรมน้อยกว่าเมกะโปรเจกต์ แต่คนที่เคยเป็นหนี้นอกระบบกลับให้ความชื่นชมและลืมตาอ้าปากได้

3.เคลียร์ข้าวเน่า

เมื่อ "โครงการรับจำนำข้าว" ทำให้มีข้าวค้างสต๊อกถึง 17.76 ล้านตัน รัฐบาลคสช. ใช้เวลาไม่นานในการระบายข้าวค้างสต๊อก สู่ตลาด โดยกระทรวงพาณิชย์สามารถระบายข้าวเน่าจากโครงการจำนำข้าวที่ล้มเหลวได้ถึง 12 ล้านตัน ทำให้ราคาของข้าวหอมมะลิ พุ่งขึ้นถึง 19,000 บาทต่อตัน ได้ราคาสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 70 ปี แห่งการส่งออกข้าวหอมมะลิไปต่างประเทศ  ชาวนาเริ่มปลูกข้าวเชิงคุณภาพมากขึ้นแทนการแข่งขันด้านราคา พัฒนาสายพันธุ์และคำนึงถึงฤดูกาลในการปลูกและเก็บเกี่ยวมากกว่าแต่ก่อน

4.ยึดป่าคืนหลวง

ในยุคที่ รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง หลายครั้งที่ระบบนายทุนซึ่งจุนเจือพรรคการเมือง ย้อนมาทำร้ายประเทศชาติ รัฐบาลภายใต้ระบบทุน มีความเกรงใจกรณีนายทุนที่เกื้อหนุนพรรครุกล้ำที่ดิน หรือป่าสงวน โดยขาดการจัดการ และไม่สามารถดำเนินการตามความชอบธรรมได้ โดยเฉพาะพื้นที่ธรรมชาติ อย่างจังหวัด กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี  ประจวบคีรีขันธ์  โรงแรม รีสอร์ต สวนเกษตรของชาวต่างชาติซึ่งเข้ามาทำการอุกอาจในพื้นที่หลวงอย่างผิดกฎหมาย  เมื่อรัฐบาลลุงตู่ ฟันดาบใส่ที่ดินเหล่านี้ ทำเอาอัตราการล่วงล้ำเข้าไปในที่ดินป่าสงวนลดลง อันเนื่องจากความเกรงใจรัฐบาลทหาร ที่เอาจริงเอาจังกับการจัดระเบียบเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

5. คืนทางเท้าสู่ประชาชน 

ระเบียบของสังคมมีความตื่นตัว ไม่ว่าจะเป็นการไล่ที่แผงลอยที่ล้ำทางเท้า ขยะมูลฝอยในลำคลอง การบูรณะแฟลตรัฐ หรือย่านที่พักอาศัยสลัม ซึ่งแต่เดิมไม่มีรัฐบาลไหนกล้าทำเพราะผลประโยชน์ของนายทุน ลุงตู่ได้ใช้จุดแข็งของตัวเอง ภายใต้อำนาจรัฐ เข้าปรับปรุงและพัฒนาจนสถานที่หลายแห่ง กลับมาดูเจริญหูเจริญตา พร้อมทั้งมีระเบียบมากขึ้น  ประชาชนที่เดินตามถนนสามารถมีความปลอดภัย และสร้างกระแสให้คนพูดถึงและเห็นความสำคัญของคนที่ใช้ทางเท้าควบคู่ไปกับผู้ใช้รถใช้ถนน

6. ลงดาบทุกวัด

เมื่อความโปร่งใสในหลายคดีที่ยุ่งเกี่ยวกับอำนาจแห่งศรัทธา ศาสนาถูกใช้ในการหาผลประโยชน์ ซึ่งที่ผ่านมา หลายรัฐบาล ก็อยู่ใต้อำนาจมาเฟียทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นคดีสหกรณ์คลองจั่น เงินทอนวัด ตลอดจนคดีครอบครองสินทรัพย์อันมาจากความไม่ชอบธรรมของภิกษุระดับประเทศ รัฐบาลนายกประยุทธ์ท้าทายความเชื่อนั้นด้วยการดำเนินการเข้าดำเนินคดี แม้ว่ายังไม่ได้บทสรุปว่าใครผิดใครถูก แต่เป็นรัฐบาลแรกที่กล้าเริ่มที่จะเข้าไปจัดการ

7. ทวงคืนอาวุธสงคราม

ภายใต้รัฐบาลทหาร ผู้มีความเกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม และอาวุธปืน วัตถุระเบิดกว่า 30,000 ราย ถูกลงบันทึกบัญชีรายชื่อ และเฝ้าระวัง จับตาเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้กลุ่มผู้ค้าอาวุธสงคราม ตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อยู่ในภาวะเสือนิ่ง นอนสงบอยู่ในถ้ำ รอวันให้เปลี่ยนรัฐบาลเพื่อกลับมามีผลประโยชน์อีกครั้ง  เมื่อทหารคุมได้อยู่ ความวุ่นวายหลายอย่างลดน้อยลง อย่างน้อยก็ตรึงได้จนหมดสมัยทางการเมือง

8. ลดการค้ามนุษย์

โดยเฉพาะกรณีที่ สหภาพยุโรปได้ให้ “ใบเหลือง” แก่ประเทศไทย ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการค้ามนุษย์ และการใช้แรงงานต่างด้าวในวงการประมงอย่างไม่มีมนุษยธรรม เมื่อรัฐบาลได้เข้าไปจัดการ ทำให้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีในระดับนานาชาติ และเห็นพ้องต้องกันว่า น่าจะทำไม่ได้ในรัฐบาลที่ได้รับการเกื้อหนุนจากนายทุน

9. ทหารฮีโร่ภัยธรรมชาติ

เมื่อมีความวิบัติด้วยภัยธรรมชาติ หรือ วินาศภัยจากสถานการณ์อันใด ประชาชนจะมีความอุ่นใจเมื่อมีทหารออกมาช่วยเหลือ แม้ทหารจะถูกกังขาในหน้าที่อยู่หลายครั้ง แต่ยามวิกฤต ไม่มีใครกังขาความสามารถของทหารในการเข้าจัดการและช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ซึ่งประจักษ์ด้วยสายตาของประชาชนบ่อยครั้ง

ยังมีเรื่องดีที่ต้องรอการพิสูจน์ ทั้งนี้ จุดขาย ของรัฐบาลทหาร คือการจัดระเบียบสังคม ไม่ว่าจะเป็นโครงการย้ายรถตู้ไปที่หมอชิต ความสามารถในการปลด “ธงแดง” ของ ICAO ที่หมายหัวไทยไว้ว่าไม่มีความปลอดภัยในการบินพลเรือน การจัดระเบียบลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่มีความเข้มแข็ง ที่แม้รัฐบาลจะพยายามประชาสัมพันธ์ผลงาน แต่ก็มักจะถูกลบล้างด้วยที่มา ซึ่ง “ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” ในทุกความสามารถของรัฐบาล

จุดอ่อน ด้านเศรษฐกิจ ถูกสะท้อนผ่านโซเชียลมีเดียที่กำลังเฟื่องฟูสุดขีด แม้ตัวเลขทางเศรษฐกิจ เช่นการส่งออก ราคาหุ้น ตลอดจนดัชนีทางการเงินและการเติบโตของหลายผลสำรวจ แต่ประชาชนค้าขาย และผู้รับเงินเดือนตายตัว เกิดความรู้สึกว่า ข้าวยากหมากแพง และภาวะเงินตึงตัว ไม่สามารถค้าขายได้มากในระดับประชาชนด้วยกัน  จึงทำให้ฝีมือในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล โดนตั้งข้อสงสัยมาตลอด ว่ามีความ“รวยกระจุก จนกระจาย” ตามที่สำนักข่าวหลายแห่ง ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่มีขึ้นตามตัวเลขจริงหรือไม่ 

ผลการเลือกตั้งจะเป็นผู้ตัดสิน ว่าประชาชนมุ่งหาใครมาเป็นผู้นำ หากแต่เมื่อการนับคะแนนสิ้นสุดลง ประชาชนส่วนมากเทความนิยมไปทางพรรคการเมืองอื่น ก็สะท้อนว่าปัญหาเรื่องปากท้องซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินมา ไม่เป็นผล ขาดความน่าเชื่อถือ และประชาชนเลือกที่จะไม่ให้โอกาสรัฐบาลชุดนี้ได้กลับมา   แต่ขณะเดียวกัน หากรัฐบาลชุดเดิมได้รับเสียงข้างมาก อาจสะท้อนให้เห็นว่า ยังมีประชากรที่อยู่ฝ่ายจำนวนมากกว่า มองว่าปัญหาทางสังคม ควรได้รับการแก้ไขไปพร้อมกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ แม้บางครั้ง ต้องกลับมานั่งคิดว่า จะเป็นบุญของประเทศไทย ถ้ามีใครทำได้ทุกอย่างในเวลาเดียวกัน และนำพาชาติไปสู่หนทางที่สดใส  ยุคฟ้าสีทองผ่องอำไพ คงจะมีอยู่จริง  

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0