กระแส “มูเตลู” ฟีเวอร์! ก่อนพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พึ่งตัวเองก่อนมั้ย?

กระแส “มูเตลู” ฟีเวอร์! ก่อนพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์พึ่งตัวเองก่อนมั้ย?

จาก "จตุคาม" สู่ "กำไลหิน" มาถึงตอนนี้ที่กำลังฮิตติดลมบนคงหนีไม่พ้นร้านเครื่องรางของขลังเจ้าหนึ่งที่หยิบเอาวัตถุมงคล เครื่องรางปลุกเสกต่าง ๆ มาทำให้ดูหรูหรา ใส่ง่าย และร่วมสมัย ก็คงต้องยอมรับว่าเป็นการตีโจทย์ทางการตลาดที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง ที่หยิบเอาสิ่งคู่สังคมไทยมาช้านานมาปรับแต่งให้ดู 2019 มากขึ้น

“มูเตลู” คำที่บางคนอาจไม่คุ้นหู คำนี้มาจากชื่อภาพยนตร์อินโดนีเซียเรื่องหนึ่ง ที่หญิงสาวสองคนใช้มนต์ดำแย่งผู้ชายคนเดียวกัน แต่เมื่อเข้ามาในเมืองไทยก็หมายถึงการบูชา สวดไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือประกอบพิธีเพื่อเสริมชะตาให้ตัวเองเสียมากกว่า การเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในยุคนี้บ่งชี้ว่าการหันหน้าพึ่งไสยศาสตร์ไม่ใช่เรื่องเชย ๆ อีกต่อไป 

ทำไมคนไทยถึงฮิตเรื่องพวกนี้? จริง ๆ จะบอกว่าแค่คนไทยก็ดูจะเป็นการกล่าวหาเกินไปนัก เพราะแท้จริงไสยศาสตร์อยู่คู่กับรากเหง้าประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติมาตลอด แต่ด้วยความที่ประเทศเรารับวัฒนธรรมที่หลากหลายเข้ามา เราจึงมีพิธีกรรมของสารพัดศาสนาให้เลือกช็อปได้เต็มที่

เพราะมนุษย์มีเหตุผลและอารมณ์คู่กันเสมอ ยกตัวอย่าง…เรารู้อยู่แล้วว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ถ้ามัวกระดิกเท้าอยู่เฉย ๆ เงินมันไม่มีวิ่งมาให้ใช้หรอก ถูกไหม? เหตุคือต้องไปทำงาน ผลคือจะมีเงิน

แต่อารมณ์อีกด้านจะบอกว่า “แหม.. ก็ถ้าโชคช่วยให้เฮง ๆ ก็คงดีนะ” นี่คือช่องว่างที่การ “มูเตลู” แทรกเข้ามา เพื่อให้โชคชะตาบันดาลให้เราเหนื่อยน้อยลงหรือพยายามน้อยลง และเมื่อยามใดที่ปล่อยให้ความคิดในแดนนี้ครอบงำ คนนั้นจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากตระเวนขอพรหวังรวยทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หวังแต่น้ำบ่อหน้าที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเสกมาให้

การมูเตลูคือการเสริมสร้างความแข็งแรงทางด้านอารมณ์และความรู้สึก ให้เรามีกำลังใจและแรงฮึดในการใช้ชีวิต บางทีในขณะนั้นไสยศาสตร์อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรเราเลยก็ได้ แต่เมื่อภาวะทางอารมณ์เปลี่ยนไป การกระทำของเราบางอย่างเลยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ตรงหน้าให้ดีขึ้น หรือถ้าจะเป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ก็จงมองให้เป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ได้ให้หวังว่าท่านต้องเสกสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้เราเสมอ

ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์หรือการมูเตลูไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ต้องจัดสมดุลให้ดี อย่าลืมว่าทุกอย่างมีเหตุผลจากตัวเราก่อนเสมอ และอย่าหวังแต่พึ่งน้ำบ่อหน้าให้โชคชะตาบันดาลลาภเพียงอย่างเดียว บางคนเงินก็ไม่ค่อยจะมี แต่เที่ยวซื้อหาของขลังราคาแพงเพื่อหวังให้ดึงดูดเงินเข้ามา เราคงต้องถามกลับว่าแบบนั้นมันใช่เรื่องหรือ?

ก็คงต้องขอทิ้งท้ายไว้ว่า “ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน”