เป็น “นายก” ดีอย่างไรทำไมใคร ๆถึงอยากเป็น!
หลังจากห่างหายจากการเลือกตั้งไปหลายปี ในที่สุดเราก็ได้กำหนดวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ (สักที!) คือวันที่ 24 มีนาคม 2562 ภาพที่จะเห็นกันต่อไปแน่ ๆ คือคนจำนวนมากที่แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าอยากขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อบริหารประเทศ
ทั้ง ๆ ที่หากมองที่ผู้นำคนล่าสุดของเรา ที่ ‘ดูเหมือน’ ว่าจะทำงานหนัก เจอนักข่าวกี่ครั้งก็บอกว่าเหนื่อย แถมทำอะไรก็เหมือนจะถูกจับตาวิพากษ์วิจารณ์เต็มไปหมด แถมเงินเดือนก็น้อย อยู่ที่ประมาณ 250,000 บาท (ตำแหน่งนายก 125,000 บาท + ตำแหน่งหัวหน้าคสช. 125,000 บาท) อาจทำให้หลายคนสงสัยว่าตำแหน่งนี้มีดีอะไร ทำไมคนถึงพยายาม ‘ยึด’ เก้าอี้ตำแหน่งนี้กันนัก
วันนี้เราจะลองพาไปดูบางส่วนที่อาจเป็นเหตุผลเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ที่ช่วยตอบคำถามนี้ขึ้นมาบ้างก็ได้
1. พลังอำนาจล้นเหลือ
นับตั้งแต่วันที่ "พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา" ขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปีพ.ศ. 2557 นอกจากชื่อเสียงและกิตติศัพท์อันเป็นที่เล่าขาน คำว่า ‘ม.44’ (มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557) ก็กลายอีกหนึ่งคำฮิตที่เราได้ยินกันชินชาขึ้นมาทันที
ใจความหลักของม.44 คืออำนาจที่คล้ายกับกฎอัยการศึก แต่กินพื้นที่ครอบคลุมการจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยสิทธิขาดที่กว้างกว่า ไม่ว่าจะโยกย้ายข้าราชการ, สั่งเบรกกฎหมาย, อนุมัติโครงการต่าง ๆ (การงดเว้นการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยผังเมืองเพื่อเปิดทางให้ประกอบกิจการบางประเภท เช่น โรงงานผลิตก๊าซชีวภาพ, โรงบำบัดน้ำเสีย, เตาเผาขยะ, โรงงานคัดแยกและฝังกลบสิ่งปฏิกูล หรือ หลุมฝังกลบขยะที่เป็นหนึ่งในเหตุผลให้เกิดปัญหา ‘ฝุ่นพิษ’ ในตอนนี้!) หรือถ้าเกิดไม่พอใจใครขึ้นมา นึกจะเรียกมา ‘ปรับทัศนคติ’ ก็ทำได้ง่ายยิ่งกว่ากระดิกนิ้ว
อีกหลายอย่างที่มอบ ‘อำนาจ’ เด็ดขาดอันแสนเย้ายวนของคนที่ได้รับตำแหน่งผู้นำประเทศ ที่ทำได้ถึงขนาด กำหนดไว้ในแผน ‘ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี’ ที่กลุ่ม ‘คนดี’ ช่วยกันเขียนขึ้นมา โดยที่ผู้นำรัฐบาลคนใหม่ต้องวางแผนบริหารประเทศให้สอดคล้องกัน
เข้าตำราที่ว่า ถึงแม้ตัวอาจจะไม่อยู่ แต่ ‘อำนาจ’ นี้จะคอยจับตาดูทุกคนอยู่ตลอดไป
2. เพื่อนมีปัญหาเราช่วยได้
ตามประสา ‘ผู้ใหญ่’ ที่มากบารมี การมีมิตรสหายคอยเกื้อหนุนคือสิ่งสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นอีกหนึ่งสิ่งยวนใจที่ทำให้หลายคนเลือกใช้หน้าที่ตรงนี้คอยอำนวยความสะดวกเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงช่วย เพื่อนให้พ้นผิด หรืออย่างน้อยที่สุดก็เลื่อนขั้นตอนการพิจารณาคดีออกไปอีกนิด เพื่อให้มีการเวลาเตรียมการมากขึ้นอีกหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง
แต่จะว่าไป ไอ้การเลื่อนนี่ก็ฟังดูคุ้น ๆ เหมือนเพิ่งใช้กับ ‘เรื่อง’ อะไรมาสด ๆ ร้อน ๆ เหมือนกัน แต่ไม่พูดมากกว่านี้ดีกว่า เดี๋ยวถูกใช้อำนาจข้อหนึ่ง เรียกไปปรับทัศนคติ
ปั๊ดโถ่!!!
3. 5 ปี7 เพลงซิงเกิลในฝันที่ศิลปินทั่วไปยังทำไม่ได้
สำหรับคนอารมณ์ดี มีสุนทรียศาสตร์ทางดนตรีอยู่ในหัวใจ จะมีอะไรที่ดีไปกว่าการมีผลงานเพลงของตัวเองออกมาให้คนทั้งประเทศได้รู้จัก ศิลปินบางคนทุ่มเท ตั้งใจทำงานเพลงมาทั้งชีวิต ยังไม่มีฮิตกับเขาสักเพลง แต่พอเป็นเพลงที่นายกฯ ปล่อยออกมาก็กลายเป็นเพลงฮิตถล่มทลาย (แหงสิ! เปิดวนทุกที่ ทุกเวลาขนาดนั้น) มีคนเอาไปคัฟเวอร์ (ส่วนใหญ่จะออกแนวแซวมากกว่า) หลายสิบเวอร์ชั่น ขึ้นมาทันที
สรุปผลประกอบการของนายกฯ คนปัจจุบันของเรา ที่ใช้เวลา 5 ปี แต่มีซิงเกิลออกมาให้แฟน ๆ หายคิดถึงมากถึง 7 เพลง ชนิดปีต่อปี ไล่ตั้งแต่เปิดตัวด้วยเพลง "คืนความสุขให้ประเทศไทย" ในปี 2557 ต่อด้วย "เพราะเธอคือ…ประเทศไทย" ปี 2558, "ความหวังความศรัทธา" ปี 2559, "สะพาน" ปี 2560 ก่อนจะท็อปฟอร์มปล่อย 2 เพลง "ใจเพชร" และ "สู้เพื่อแผ่นดิน" ในปี 2561 และส่งท้ายด้วยผลงานเพลง "ในความทรงจำ" ที่เพิ่งปล่อยมาสด ๆ ร้อน ๆ ในช่วงต้นปีที่ผ่าน
4. ซูเปอร์VIP จับมือไอดอลฟรีไม่ต้องต่อแถวให้เสียเวลา
ถ้าเคยติดตามวงการไอดอลมาบ้าง จะรู้ทันทีว่าการได้ ‘เจอ’ กับศิลปินไอดอลที่ชื่นชอบนั้นเป็นเรื่องที่ยากขนาดไหน โดยเฉพาะงาน ‘จับมือ’ ที่นาน ๆ ถึงจะขึ้นสักครั้ง แถมยังต้องแย่งซื้อบัตร ไปรอเข้าแถวแต่เช้า เพื่อให้ได้จับมือและพูดคุยไอดอลคนโปรดภายในระยะเวลา 8 วินาที
แต่ถ้ามีตำแหน่งนายกพ่วงท้ายอยู่ก็ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะไม่ต้องเสียเวลาต่อแถว ก็สามารถเรียกให้ศิลปินไอดอลของคนทั้งประเทศอย่าง BNK48 มาจับมือและพูดคุยถึงทำเนียบ ชนิดที่บรรดาโอตะได้แต่มองตาละห้อย และเก็บความเสียดายปนโกรธแค้นเอาไว้ในจิตใจ (บอกแล้วไงเดี๋ยวโดนเรียกไปปรับทัศนคติ!)
และยังไม่พอ ไม่ใช่แค่ไอดอลระดับประเทศเท่านั้น เพราะแม้กระทั่งไอดอลรุ่นพี่ออริจินัลจากญี่ปุ่น AKB48 ก็ยังต้องเดินทางมาจับมือกับท่านนายกถึงที่!
ก็เล่นมีสิทธิพิเศษมากขนาดนี้ ไม่ต้องแปลกใจว่าอีกหน่อย อาจจะมีเด็ก ๆ ฝันอยากเป็นนายกฯ เพราะอยากมีโอกาสจับมือไอดอลโดยไม่ต้องรอต่อแถวขึ้นมาก็ได้
5. ทุกปัญหาจัดการได้เดี๋ยวปั๊ดทุ่มโพเดี้ยมใส่ซะเลย
สำหรับคนทั่วไป เวลาถูกถามหรือตรวจสอบเรื่องการทำงาน หน้าที่ของคนนั้นก็คือ การตอบคำถามและพิสูจน์ผลงานออกไปให้ทุกคนได้ประจักษ์ ซึ่งแน่นอนว่าเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เหน็ดเหนื่อย กว่าจะทำให้ทุกคนเข้าใจร่วมกันได้
แต่หากเป็นนายกขั้นตอนทุกอย่างจะถูกลดทอนลงไปจนน่าใจหาย เพราะถ้าถูกถามเข้าไปเมื่อไหร่ ก็ตอบง่าย ๆ ไปเลยว่า เดี๋ยวปั๊ดทุ่มโพเดี้ยมใส่ ก็จบแล้ว!
อ้างอิง
https://thematter.co/quick-bite/thai-junta-salary/44219
https://thestandard.co/prayut-4-years-6-singles/
