‘หนูไม่ค่อยมีเพื่อนในทีมเลยอ่ะ เขาหาว่าหนูแรง’ - เพจ Beautiful Madness by Mafuang

เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว

มีเพื่อนบอกเราว่า จะมีรุ่นน้องจากคณะคนหนึ่ง ย้ายมาเรียนต่อที่แอลเอด้วย เผื่อจะได้รู้จักกัน

เรารู้จักชื่อและพอเห็นโซเชียลของน้องคนนี้มาได้สักพัก

น้องอยู่ ‘ทีมเต้น’ ของละครเวทีที่คณะ มาจากโรงเรียนอินเตอร์ ดูเป็นเด็กกระตือรือร้น ชอบทำกิจกรรม ลุยๆ แต่งตัวเซ็กซี่ๆ

พอได้รู้จักจริงๆ

น้องเป็นคนซื่อๆ

ในที่นี้คือ ไม่ได้เป็นคนมีพิษมีภัย หรือประสงค์ร้ายกับใคร ออกจะไม่ทันคนหลายครั้งไป

และน้องเป็นคน ‘เปิดเผย’

ไม่มีฟิลเตอร์เลย มีความคิดยังไง มีประสบการณ์อะไรมาบ้าง

ถ้าน้องอยากแชร์ น้องก็พูดออกมาเลย ไม่ได้กรอง

ซึ่งในวันแรกที่เจอกัน น้องก็แชร์ประสบการณ์ความสัมพันธ์ ความรัก และเซ็กส์ของตัวเองมาแบบไม่ได้กั๊ก เพราะน้องถือว่ามันก็เป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาทั่วไป

‘ในทีมเต้น ก็ไม่ค่อยมีใครมาคุยกับหนูเท่าไหร่’

แล้วน้องก็เล่าต่อว่าบางครั้งก็โดนซุบซิบนินทา

ซึ่งเราก็คิดว่า ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีที่แล้ว

กรอบของสังคมส่วนใหญ่ มักมองว่าเด็กแรง = เด็กน่ากลัว นิสัยไม่ดี

แรงในที่นี้คือ กิริยาหลายอย่างที่มัน ‘เกินกว่าเหตุ’ ในบริบทสังคมดั้งเดิมทั่วไป

ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวที่โชว์เนื้อหนังมังสาเกินกว่าเหตุ แต่งหน้าจัดเกินกว่าเหตุ พูดจาแก่นเซี้ยวเกินกว่าเหตุ มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชายบ่อยเกินกว่าเหตุ ฯลฯ

ซึ่งจริงๆ แล้ว

หากเราแยก ‘สไตล์ความชอบ และการใช้ชีวิตส่วนตัว’ ออกมาจากนิสัยที่แท้จริงของเขา

ก็จะสัมผัสได้ว่า น้องคนนี้เป็นเพื่อนที่จริงใจ เป็นน้องที่น่ารัก เป็นผู้หญิงที่น่าคบหาคนหนึ่ง

แต่สังคมอาจไม่พอใจ

ว่าแล้วมันจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องทำตัวโจ่งแจ้ง ให้มันขัดหูขัดตาชาวบ้าน

ก็ขอย้อนถามกลับว่า

แล้วถ้าตัวตนของใครคนหนึ่ง หรือสิ่งที่เขาทำ มันไม่ได้เดือดร้อนใคร

แต่มันแค่รกหูรกตาคุณ เพราะสิ่งที่เขาทำมันขัดกับคุณค่าที่คุณยึดไว้

ทำไมเขาถึงต้องเปลี่ยนเพื่อเอื้อความสะดวกสบายให้คุณ (หรือใครต่อใคร) ?

สลั๊ต เชมมิ่ง (Slut-shaming)

คือเหตุการณ์ที่ผู้หญิงตกเป็นเป้าโดนบูลลี่จากสังคม โดยเฉพาะสังคมออนไลน์ โดยการลดค่าและสร้างความอับอายให้ผู้หญิงคนนั้น ผ่านมุมมองเรื่องเซ็กส์ที่คนๆ นั้นมี

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราคิดว่า เซ็กส์ เป็นเรื่อง ผิดบาปน่ารังเกียจ

โดยที่ไม่ได้ดูบริบทอื่น หรือมองใครสักคนให้ลึกลงไปกว่าการใช้ชีวิตผ่านความสัมพันธ์ของเขา

มันไม่ได้ช่วยอะไรเพราะ

• มันอาจไม่ใช่เรื่องจริง

เมื่อเราใช้แค่ มุมมองเรื่องเซ็กส์ ตัดสินคุณค่าของใคร

เราจะตัดสินเขาด้วยกรอบความคิดที่แคบมากๆ และยากที่จะมองเขาเป็นอะไร นอกเหนือ จากสิ่งที่เราเชื่อ

และเมื่อทุกสิ่งพิสูจน์แล้วว่า เรามองใครคนหนึ่งผิดไป

ความผิดพลาดที่เกิดจากความเกรี้ยวกราดของเรา มันจะหงุดหงิดติดอยู่ในใจเรานานเหลือเกิน

• วัฒนธรรม ‘โทษเหยื่อ’

เวลาเรามีมุมมองต่อการแต่งตัวไม่สุภาพ หรือการมีเซ็กส์แบบไม่ยึดติด(โดยไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน) ว่าเป็นสิ่งที่ผิด

‘ความสมน้ำหน้า’ จะเกิดขึ้นในใจเราได้ง่ายมาก

หลายครั้งที่มีข่าวผู้หญิงโดนลวนลาม แนวคิดที่ว่า เซ็กส์=ผิดบาป ทำให้เราโทษเหยื่อที่โดนลวนลามว่า เธอเหล่านั้นเรียกร้องหามัน (เพราะเธอแต่งตัวโป๊? เพราะเธอเมาในงานปาร์ตี้? เพราะเธอดูทำตัวสนิทกับผู้ชาย?) แทนที่เราจะโทษคนร้าย

ทำให้เหยื่อมากมายไม่กล้าไปแจ้งตำรวจ หรือขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะหลายครั้งที่นอกจากจะไม่ได้รับความช่วยเหลือแล้ว ยังโดนคนป้ายสีหาว่าเป็นต้นเหตุแห่งหายนะครั้งนี้

และหลายครั้งที่เหยื่อรับน้ำหนักของความเจ็บช้ำนี้ไม่ไหว จนเลยไปถึงการฆ่าตัวตายก็มี

ผู้หญิงมีสิทธิทดลองค้นหาสิ่งที่ใช่ และความพอดีสำหรับตัวเธอ

เพราะนั่นคือร่างกายของเธอ

ชีวิตเซ็กส์ของใครจะเป็นยังไง ไม่สามารถลดทอนคุณค่าในตัวเธอได้

เพราะเธอคนนั้น อาจเลือกมีชีวิตความสัมพันธ์เหนือบริบทที่สังคมมี – และมีความสุข

กว่าการอยู่ใต้กรอบความถูกต้องที่สังคมยื่นให้ – และไม่มีความสุขไปทั้งหัวใจ

อ้างอิง

https://www.shethepeople.tv/home-top-video/slut-shaming-women-sexuality/

https://www.verywellfamily.com/the-effects-of-slut-shaming-on-teen-girls-460586

https://www.talkspace.com/blog/women-share-slut-shaming-stories-admit/

ติดตามบทความใหม่จากเพจ Beautiful Madness by Mafuang ได้ทุกวันพุธบน LINE TODAY