ชีวิตเป็นเรื่องของความเปลี่ยนแปลงเสมอ ถ้าคุณคิดว่าท้ายที่สุดสิ่งต่าง ๆ จะเป็นของคุณ คุณก็คิดผิด ไม่มีใครอยู่กับคุณตลอดไป ทั้งคนที่คุณกำลังจูงมือ หรือคนที่คุณพบปะพูดคุย พ่อแม่ ลูกเต้า คนรักและเพื่อนรัก ไม่มีใครอยู่กับคุณตลอดไป วัตถุหรือสิ่งต่าง ๆ ก็เช่นกัน มันไม่ได้เป็นของคุณตลอดไป บ้าน รถยนต์ นาฬิกา เงินสดในธนาคาร
สิ่งจอมปลอมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ไม่ได้เป็นของคุณตลอดไป เหตุผลเดียวที่คุณมีสิ่งเหล่านี้ ก็เพื่อที่คุณจะได้เรียนรู้ ไม่มีอะไรเลยที่อยู่กับคุณไปตลอด ไม่มี !
แม้คุณหลอกตัวเองแค่ไหนว่ามันเป็นของคุณ แต่ธรรมชาติจะสั่งสอนคุณว่ามันไม่ใช่ คุณกำลังคิดผิด และธรรมชาติจะสอนบทเรียนนี้แก่คุณซ้ำ ๆ ไปชั่วชีวิต
คุณอาจคิดว่า ชีวิตคือความทุกข์ เพราะคุณเกิดมาพร้อมกับความสูญเสีย
ใช่ ! ชีวิตคือทุกข์ แต่คุณต้องตระหนักต่อไปอีกว่า ชีวิตคือความสูญเสีย คือความเปลี่ยนแปลง แต่หากคุณยอมรับในสิ่งเหล่านี้ได้ ความทุกข์ก็จะเปลี่ยนสถานภาพกลายเป็นปัญญา ซึ่งทำให้คุณเกิดความสุขขึ้นมา ตรงนี้เองคือเคล็ดลับแห่งชีวิตที่เราทุกคนต้องเรียนรู้อย่างเบิกบาน
มันเป็นทั้งบันไดสู่สวรรค์ สำหรับคนที่เข้าใจ และเป็นบันไดสู่ขุมนรก สำหรับคนที่คิดปฏิเสธ
ในบางวันคุณอาจมองดูแขน ขา เนื้อ ตัว แล้วลองเอามือสัมผัสใบหน้า ลองเดินย่ำเท้าอยู่กับที่ช้า ๆ แล้วถามตนเองว่าร่างกายนี้เป็นของคุณจริงหรือ
จิตสำนึกของคุณจะตอบมาด้วยเสียงอันดังว่า ใช่ ! มันเป็นของฉัน แต่ที่จริงแล้ว มันก็ไม่ใช่อยู่ดี ถ้ามันเป็นของคุณจริง คุณก็ต้องสั่งมันได้ คุณต้องบอกมันได้ว่า ห้ามแก่ ห้ามเจ็บ และห้ามสลายหายไป ฉันจะต้องหล่อ ต้องสวยอย่างนี้ไปตลอด
แม้คุณสั่ง แม้คุณพูด แต่คุณจะพบว่า คุณทำไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเราคงไม่เห็นเครื่องสำอางราคาแพง และสถานเสริมความงามผุดขึ้นราวดอกเห็ดอย่างเช่นทุกวันนี้
มันเป็นสงครามแสนตลก ที่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ กำลังจะเอามอยเจอร์ไรเซอร์ โบท็อก และซิลิโคน ไปฟาดฟันกับสังสารวัฏ
คุณห้ามอะไรไม่ได้เลย…แม้แต่คุณจะสั่งให้ตัวเองนั่งอยู่กับที่สักสองสามชั่วโมง ก็ยังไม่มีปัญญาทำ เมื่อคุณทำอย่างนั้น ร่างกายคุณจะแสดงธาตุแท้ออกมา มันเมื่อย ปวด ร้อน หนาว หิว เหนื่อยอยู่เสมอทุกเมื่อเชื่อวัน เพื่อที่จะบอกเราว่า "กูไม่ได้เป็นของมึง"
วันใดก็ตามที่สูญเสียสิ่งใด อย่าได้เสียใจไปเลย เพราะมันไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรก แม้แต่ชีวิตก็ยังไม่ใช่ของเรา เป็นเรื่องที่น่าประหลาดถ้าเราจะคิดว่าอีกไม่เกินร้อยปีผู้คนมากมายหลายพันล้านบนโลก จะต้องตายกันหมด ไม่มีใครรอด
ผู้คนที่เราเห็นเดินเหิน ยิ้มแย้มแจ่มใส สำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นโน่นเป็นนี่ คนเหล่านี้จะตายกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ตัวเรา !!!
ถ้าเราไม่หัดปล่อยวางเสียแต่วันนี้ ชีวิตของเราก็จะถูกธรรมชาติสั่งสอนอย่างแสนสาหัส มันจะหวดเราซ้ำ ๆ ด้วยไม้เรียวแห่งความผิดหวัง ความเจ็บ ความทุกข์ทน มันจะทรมานเราจนจิตวิญญาณแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ขณะที่เรายังคงยึดติดในทุกรูปแบบ แต่เวลากำลังพรากทุกสิ่งไปจากเรา
มันเคยให้ความเป็นหนุ่มเป็นสาวแก่เรา แล้วมันก็เอาคืน เคยให้ทรัพย์สินเงินทอง แล้วมันก็เอาคืน เคยให้ความสุข สมหวัง แล้วมันก็เอาคืน เคยให้คนรัก ให้พ่อแม่พี่น้อง แล้วมันก็เอาคืน ไม่มีอะไรเลยที่เป็นของเรา ไม่มี !
ดวงตาของเราล่องลอยเหมือนคนไร้สติ ดังเช่นเด็กน้อยไร้เดียงสา เราไม่ต้องการให้พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เราร้องไห้ อ้อนวอน คุกเข่า กู่ร้องตะโกน แต่พระอาทิตย์ก็คือพระอาทิตย์ ทุกอย่างมีเวลา มีที่มีทางของมันเสมอ
พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก
ได้มา เสียไป พบกัน จากกัน
มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย มีสมหวัง มีผิดหวัง
ไม่ว่าเราจะเต็มใจหรือไม่
ชีวิตของเราก็ต้องเผชิญสิ่งเหล่านี้อยู่วันยังค่ำ…
ความเห็น 7
การยอมรับกับในความเป็นจริง นั่นคือสิ่งที่จะไม่ทำให้ทุกข์ใจ.
11 ต.ค. 2562 เวลา 12.16 น.
บรรจง ชำนาญ
เห็นด้วยเป็นบทความที่ทันสมัยสำหรับคนรุ่นใหม่ได้อ่านไม่ต้องเรียนธรรมะก็จะปลงได้บ้าง
11 ต.ค. 2562 เวลา 13.01 น.
จริงแท้
12 ต.ค. 2562 เวลา 12.47 น.
T.MKN65🌹
ชอบครับ
ติดตามอ่านตลอด
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ
11 ต.ค. 2562 เวลา 14.11 น.
Yongyuth
ถ้าคนเราเกิดมาเพื่อความสูญเสีย ก็ควรจะเป็นการสูญเสียกิเลส ที่มีอยู่ในใจตน ให้หมดสิ้นไป ทั้งความโลภโกรธหลง และมานะทิฐิ ด้วยการเจริญ ศีลธรรม ให้เกิดมีขึ้นในใจตน ด้วยการปฏิบัติธรรม ตามแนวคำสั่งสอนทางสายกลาง เจริญ สติปัฏฐาน 4 เพื่อให้เกิดปัญญา ในการปล่อยวาง โดยอาศัยขันธ์ 5 ที่ทุกคนมีอยู่ แล้ว กระทำ แต่กรรมดีละเว้นความชั่ว ทำใจให้ผ่องแผ้ว
10 พ.ย. 2562 เวลา 09.35 น.
ดูทั้งหมด