โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

10 ความจริงสูงสุดที่ทุกคนควรตระหนัก | พศิน อินทรวงค์

พศิน อินทรวงค์

เผยแพร่ 04 ต.ค. 2562 เวลา 09.34 น.

1. แท้จริงแล้วสุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากใครทำ ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก แต่เกิดจากการกระทบกันของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ปัจจัยภายนอกเป็นเพียงตัวแปร ปัจจัยภายในได้แก่สติคือสาเหตุใหญ่ ถ้าสติไม่แข็งแรง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด เป็นใครมาจากไหนก็มีความทุกข์ได้ทั้งนั้น 

เมื่อสติแข็งแรง ย่อมเห็นกระบวนการทำงานของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อเห็นกระบวนการดังกล่าว จิตย่อมไม่เสวยอารมณ์อันเป็นต้นเหตุของสุขทุกข์ สุขทุกข์ จึงถูกปรับสมดุลให้อยู่ในภาวะเป็นกลาง สิ่งนี้เรียกว่า ความเบิกบาน

2. ความเป็นเรา เป็นเขา คือกระบวนการปรุงแต่งของจิต แท้จริงแล้ว ตัวเราไม่มีอยู่ คำว่าตัวเราไม่มีอยู่นี้ ไม่ใช่คำอุปมาอุปไมย แต่เป็นสิ่งที่สามารถตรวจสอบได้เองจากการฝึกจิต ความเป็นตัวเรานั้นเปรียบเหมือนรถยนต์หนึ่งคัน เมื่อจับล้อไว้ทางหนึ่ง เครื่องยนต์ไว้ทางหนึ่ง ประตู ตัวถังไว้ทางหนึ่ง 

เมื่อจับแยกส่วนได้เช่นนี้ สภาพความเป็นรถยนต์ก็หมดไป เมื่อฝึกสติจนแยกกาย ความคิด และจิตออกจากกันได้ ความเป็นตัวเราก็หมดไปด้วย เมื่อความเป็นตัวเราหมดไป ผู้ยึดมั่นถือมั่นก็หมดไปด้วย ความทุกข์ทั้งปวงก็เป็นอันยุติ

3. เราทั้งหลาย ล้วนเกิดมาหลายล้านชาติ เป็นจำนวนที่นับไม่ได้ เคยเกิดเป็นคนรวย คนจน ราชา พระ ยาจก เป็นคนฉลาด เป็นคนโง่เขลา เป็นคนพิการ เป็นคนรูปงาม เป็นชาย เป็นหญิง เป็นกระเทย เป็นทอม เป็นนักบุญ เป็นมหาโจร เคยเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก เปรต เทวดา เคยเป็นมาทุกอย่าง 

ดังนั้น ถ้าชาตินี้เกิดมาดี ก็ไม่ได้แปลว่าชาติหน้าจะดี ชาตินี้อาจเป็นมหาเศรษฐี ชาติหน้าอาจเกิดเป็นสัตว์นรก ชาตินี้อาจเป็นสัตว์เดรัจฉาน ชาติหน้าอาจเกิดเป็นมนุษย์ผู้อยู่ในตระกูลสูงก็เป็นได้ ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิด จงอย่าลำพองใจว่า เรานั้นดีแล้วประเสริฐแล้ว เพราะแท้จริง ไม่มีใครเลยที่ดีกว่าใคร ทุกคนล้วนอยู่ในความสุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น

4. จิตสุดท้ายก่อนตาย เป็นสิ่งชี้วัดว่าชาติหน้าเราจะไปเกิดเป็นอะไร ขณะที่จิตสุดท้ายก็เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุด ในวินาทีสุดท้ายความเศร้า ความกลัว ความสงสัย การยึดติด และความเจ็บปวด สิ่งเหล่านี้จะดึงมนุษย์ให้ไปปฏิสนธิจิตในภูมิเบื้องต่ำได้แก่ นรก เปรต เดรฉาน 

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งหลังจากตายไปแล้ว มีเท่าจำนวนเม็ดทรายที่ปลายนิ้ว ส่วนทรายที่เหลือบนปฐพี เทียบได้กับผู้ที่ตายแล้วไปจุติในอบายภูมิ นั่นเท่ากับว่า เป็นไปได้มากเหลือเกินว่า คนทั้งหมดที่เรารู้จัก จะไม่มีใครเลยที่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ไม่เว้นแม้กระทั้งเรา!!!

5. ชีวิตที่เราเห็นอยู่ เป็นชีวิตชั่วคราว เมื่อเราตาย สิ่งที่เราหามาด้วยความลำบาก สิ่งที่เราเคยมั่นหมายว่าสำคัญ ทั้งความสามารถ เกียรติภูมิ ลูก เมีย ผัว หน้าที่การงาน สมบัติพัสถาน เงินทอง บ้านช่อง ที่ดิน ความภูมิอกภูมิใจ ทั้งหมดนี้ ไม่มีอะไรเลยที่เราสามารถนำติดตัวไปได้ 

คำถามสำคัญที่เราควรต้องคิดคือ "ทุกวันนี้เราใช้เวลาที่มีเพื่อสิ่งใด" แน่นอนว่า เวลาเกือบทั้งหมดของเรามุ่งไปสู่สิ่งที่เราไม่สามารถนำติดตัวไปได้ เหล่านี้คือเรื่องอันตรายที่เราสมควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเร่งด่วน

6. บุญบาปเป็นของมีจริง ทุกการกระทำของเรา ย่อมส่งผลสะท้อนกลับ ไม่วันนี้ก็วันหน้า ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า คำพูด และการกระทำ จึงเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าที่เราคิด พูดสิ่งใด ทำสิ่งใดลงไป มิได้จารึกไว้เพียงโลกนี้ หากแต่มันจะจารึกไว้ในสังสารวัฏ ในจิตของเรา และเราจะต้องเป็นผู้รับผลแห่งการกระทำของตนเองตลอดการเวียนว่ายตายเกิด ดังนั้น จงระวังคำพูด และการกระทำของเราไว้ให้มากกว่าที่เป็นอยู่

7. ทุกคนที่เราเห็น พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน ผู้คน ทั้งคนที่รู้จัก และไม่รู้จัก ตลอดการเวี่ยนว่ายตายเกิด ไม่มีใครเลยที่ไม่รู้จักกัน ไม่มีใครเลยที่ไม่เกี่ยวข้องกัน และตราบใดที่เรายังเวียนว่ายตายเกิด เราและเขา จะได้พบกันอีก ไม่ฐานะใดฐานะหนึ่ง ทำดีกับเขาวันนี้ จะพบกันในเส้นทางที่ดี ทำร้ายเขาในวันนี้ ก็จะต้องตามจองเวรกันต่อไปไม่สิ้นสุด ดังนั้น คำว่า "เพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย" จึงเป็นคำที่มีนัยยะสำคัญกว่าที่เราคิดไว้หลายเท่า จงมองผู้อื่นให้เหมือนครอบครัวของท่าน นั่นคือหนทางที่ดีที่สุด

8. เมื่อการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง การบริหารจัดการชีวิตของเรา ก็สมควรเป็นการบริหารจัดการชีวิตที่ครอบคลุมทุกมิติ ไม่เน้นหนักในชาติใดชาติหนึ่ง ชาตินี้ก็ต้องกินต้องใช้ แต่ชาติหน้าก็ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด กิจกรรมบางอย่าง อาจส่งผลดีสูงสุดในชาตินี้ แต่ชาติหน้าอาจทำให้ท่านไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่อัตภาพความเป็นมนุษย์ ดังนั้น ในทุกวัน เราควรถามตนเองว่า วันนี้เราได้เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวในชาติหน้าบ้างแล้วหรือยัง

9. เวลาที่เราเห็นตรงหน้า มีเพียงปัจจุบัน วินาทีต่อวินาที เมื่อเวลาเคลื่อนเลยไป ไม่มีใครสามารถนำช่วงเวลานั้นกลับมาใช้ซ้ำได้ อดีต ไม่มีจริง เพราะอดีตคือภาพจำที่เรานำมาคิดซ้ำในเวลาปัจจุบัน ส่วนอนาคตก็ไม่มีจริง เพราะอนาคตก็คือการปรุงแต่งในปัจจุบันของเรา จงจำไว้เสมอ ชีวิตคือเรื่องสดใหม่ ตัวท่านมีอยู่เพียงปัจจุบัน การอยู่กับปัจจุบันจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างในชีวิตของท่านได้ และนี่คือกุญแจเพียงดอกเดียวที่จะไขความลับของชีวิต จงอยู่กับปัจจุบันจนถึงที่สุด แล้วชีวิตจะเป็นของท่านอย่างแท้จริง

10. เป้าหมายของการเกิดเป็นมนุษย์คืออะไร บางคนบอกว่า ฉันเกิดมาเพื่อมีความสุข บางคนบอกว่า ฉันเกิดมาเพื่อสร้างสิ่งดีงามไว้ให้โลก บางคนบอกว่า ฉันเกิดมาเพื่อคนที่ฉันรัก นั่นก็เป็นสิ่งที่จะคิดกันไปตามภูมิปัญญา แต่ละคนก็มีเป้าหมายชีวิตที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับพระพุทธเจ้า ท่านได้ฝากเป้าหมายไว้ให้มนุษยชาติอย่างชัดเจน เป้าหมายของการเกิดเป็นมนุษย์ในทัศนะของพระพุทธเจ้า ก็คือการดับกิเลส และทำที่สุดแห่งทุกข์ให้แจ้ง คือการดับความไม่รู้ หรืออวิชาอันเป็นต้นเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิด

ตลอดกาลเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ขอให้เชื่อเถอะว่า เราเคยตั้งเป้าหมายชีวิตมาแล้วนับไม่ถ้วน และขอให้เชื่อเถอะว่า ทุกเป้าหมาย ทุกความปราถนา ทุกความสำเร็จ ทุกความอยากมี อยากได้ อยากเป็น

เราล้วนเคยบรรลุมาแล้วก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น คงเหลือเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้นที่เรายังไม่เคยบรรลุ นั่นคือเป้าหมายแห่งการไม่เกิด ไม่ตาย เช่นนั้นแล้ว ถ้าชาตินี้เรายังตั้งเป้าหมายเก่า ๆ ซ้ำ ๆ เดิม ๆ ชีวิตของเราคงไม่ต่างอะไรกับนิยายน้ำเน่าที่นำมาเล่าซ้ำ เปลี่ยนแต่เพียงชื่อแซ่ หน้าตา เสื้อผ้า หน้าผม แต่ทุกอย่างก็ยังวนเวียนอยู่ในวังวนเก่า ๆ เช่นนี้แล้ว การเกิดของเราคงเป็นการเกิดที่ไร้ค่า จงหยุดคิด พินิจ ใคร่ครวญ ด้วยสัมปชัญญะของท่าน อัตภาพความเป็นมนุษย์คือสิ่งล้ำค่าอันหาที่สุดมิได้ ทุกวันนี้ท่านกำลังใช้สิ่งล้ำค่าที่ว่า เพื่อแสวงหาสิ่งใดอยู่หรือ!!!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 14

  • Rachanok
    เพิ่งไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมาค่ะ จริงทุกข้อเลยค่ะ สาธุค่ะ
    07 ต.ค. 2563 เวลา 12.48 น.
  • Yongyuth
    อริยสัจ 4 คือความจริง อันสูงสุด ที่พระพุทธเจ้านำมาสอน ผู้ใดมีปัญญา เข้าใจในอริยสัจ 4 เมื่อนำมาประพฤติ ปฏิบัติ ตามมรรค มีองค์ 8 ย่อมดับ อาสวะกิเลส ให้ หมด สิ้นไป คงเหลือแต่สติ ปัญญา เมตตา กรุณา อุเบกขา อันเป็นคุณธรรม นำสู่ความว่าง แห่งจิต ไม่กลับมาเกิด ด้วยอำนาจของ ตัณหา สมควรอย่างยิ่ง ที่จะต้อง ศรัทธา ในคำสอน เรื่องอริยสัจ 4 นี้ หากต้องการ ให้ทุกข์น้อยลง สรุป สัจจะ ทมะ ขันติ และ จา คะ เป็นฆราวาสธรรม คือธรรมของฆราวาส ที่พระพุทธเจ้า ได้มอบไว้ให้ แก่มนุษย์โลก ดำเนินตาม ที่พระพุทธองค์ เคยปฏิบัติ เพื
    27 ต.ค. 2562 เวลา 13.35 น.
  • Pichai
    โปรดกลับไปอ่านข้อ4 อีกครั้งครับ. จะไม่มีใครได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีก (น่าจะหนึ่งในพันล้าน หรือล้านๆ. หวยว่าถูกยากแล้ว นี่มันยากกว่า!!""). นี่เรียกว่าหมดหวัง!!! Hopeless. No hope แล้วยังเชื่อความคิดเดิมๆอยู่ไย. สุภาษิตจีนกล่าวว่า ถ้าอยากรู้ว่าน้ำเป็นอย่างไรอย่าถามปลา. ปลาย่อมคู่กับนำ้น่าจะรู้ดีที่สุด. ความหมายของสุภาษิตคือถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ถามกูรูที่มีความคิดเดิมๆ ก็จะได้คำตอบเดิมๆ. ความจริงจะไม่ปรากฏ
    20 ต.ค. 2562 เวลา 10.38 น.
  • chanya7824
    พุธวจน☺
    09 ต.ค. 2562 เวลา 14.54 น.
  • Tah
    🙏
    07 ต.ค. 2562 เวลา 16.39 น.
ดูทั้งหมด