เมื่อวันที่ 30 สิงหาฯ ที่ผ่านมา ประเทศจีนเพิ่งตั้งกฎเหล็กข้อใหม่ให้เหล่าเยาวชนนักเล่นเกม
โดยกำหนดให้เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีเล่นเกมออนไลน์ได้วันละไม่เกิน 1 ชั่วโมง หลังมีกระแสความกังวลว่าเยาวชนจีนส่วนมากกำลังติดเกมอย่างหนัก สื่อหลายสำนักของจีนถึงกับเปรียบเทียบว่าเกมนั้นคือ 'ยาเสพติด' ซึ่งนโยบายดังกล่าวส่งผลให้ทั่วโลกนำคำถามสุดคลาสสิกกลับมาถกเถียงกันอีกครั้ง
คำถามที่ว่านั้นคือ 'เกมคือตัวร้ายจริงๆ หรือ?'
สำหรับเหล่าเกมเมอร์ บทสนทนานี้คงชวนให้เบะปากพลางส่ายหัว เพราะนักเล่นเกมหลายคนได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าการเล่นเกมช่วยพัฒนะทักษะหลายๆ ด้าน ทั้งยังมีอาชีพ 'นักแข่งอีสปอร์ต' หรือ'นักสตรีมเกม' ที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้วัยรุ่นเจนใหม่ได้เรียนรู้ว่าการเล่นเกมก็สามารถพาเราไปได้ไกลกว่าที่คิด
ในบทความนี้ เราขอชวนพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับ 'เกม' มาร่วมเปิดใจสำรวจอีกมุมหนึ่งว่าเจ้าเกมตัวร้ายที่หลายคนต่างหวาดกลัวและมักเก็บให้พ้นมือลูกหลานนั้น จะช่วยให้มนุษย์ฉลาดขึ้นได้ยังไง?
แน่นอนว่าเกมทุกเกมไม่สามารถทำให้ทุกคนฉลาดขึ้นได้ทันใจ แต่ผู้เล่นต้องเลือกเล่นเกมให้ตรงกับจุดอ่อนที่อยากสร้างเสริมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เกมบางเกมทำให้ผู้เล่นมีสมาธิขึ้น ตัดสินใจว่องไวขึ้น สามารถแก้ปัญหาในสภาพแวดล้อมที่กดดันได้ พัฒนาความจำและการเรียนรู้ ทั้งยังช่วยพัฒนาความสามารถในการเข้าสังคมสำหรับผู้เล่นบางเกมด้วย เหล่านี้คือเกมที่ช่วยส่งเสริมทักษะทางปัญญา ใน 5 ทักษะสำคัญที่นำไปใช้ได้ในชีวิตจริง!
1.พัฒนาทักษะการเข้าสังคม
ลองเล่น Pokemon Go! หรือเกมออนไลน์ อย่าง World of Warcraft
เกมเมอร์ทั้งหลายน่าจะจำช่วงเวลาแสนสุขตอนที่ Pokemon Go! เกมมือถือยอดฮิตเปิดตัวครั้งแรกได้ ตอนนั้นมีปรากฎการณ์ 'ออกไปจับโปเกมอน' ที่ทำให้ใครหลายๆ คนมีสังคมเล็กๆ สำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำกิจกรรมอย่าง 'ตียิม' ด้วยกัน นอกจากนี้เกมประเภท MMORPG หรือ Massive multiplayers online role-playing games บางเกมอย่าง World of Warcraft อันโด่งดังก็อาศัยความมุ่งมั่นและจริงจังให้การพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นคนอื่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายหรือภารกิจที่ผู้เล่นแต่ละคนต้องการ
2.พัฒนาสมาธิ
ลองเล่นเกม Counter Strike
แม้ 'เคาท์เตอร์ฯ' จะมีชื่อเสียงเป็น 'เกมยิงปืน' ชื่อดังในหมู่ชาวไทย แต่ทราบไหมว่าเกมนี้ช่วยฝึกจิตให้ผู้เล่นมี 'ความสามารถในการตัดสิ่งรบกวน' ออกได้เมื่อจำเป็น ด้วยลักษณะของเกมที่เหมือนได้ทำภารกิจสำคัญตลอดเวลา
มีผลวิจัยของ National Center of Biotechnology Information ที่นำผู้เล่นเกมเคาท์เตอร์ สไตรค์ และเกมแนวแอคชั่นอื่นๆ ไปสแกนสมองเทียบกับคนไม่เล่นเกม และพบว่าสมองของผู้เล่นเหล่านี้สามารถจัดระบบความคิดได้ดี สามารถตัดสิ่งรบกวนออกเมื่อต้องทำกิจกรรมบางอย่างอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ากลุ่มคนที่ไม่ได้เล่นเกม
3.พัฒนาความคิดสร้างสรรค์
ลองเล่น The Sims
ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่เรื่องนามธรรม แต่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาได้ เคยมีผลวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Computers in Human Behavior ที่บ่งบอกชัดเจนว่าเกมเกือบทุกประเภท (ไม่รวมเกมแข่งรถ) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะทางด้านความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะเกมในซีรีส์ The Sims เกมสร้างบ้านยอดฮิตที่เกมเมอร์ทุกคนน่าจะเคยสัมผัส เป็นเกมที่ช่วยอัปเลเวลความบรรเจิดในการออกแบบและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่สุดแล้ว
4.พัฒนาความจำ
ลองเล่น Call of Duty
หลายคนอาจคิดว่าถ้าอยากเติมความเทพให้สมองส่วนการจดจำ ควรเล่นเกมที่ต้องท่องจำหรือมีแผนที่ใหญ่โตให้ผจญภัย แต่ในความเป็นจริง การเล่นเกมแอคชั่นอย่าง Call of Duty กลับช่วยให้ผู้เล่นมีความจำดีกว่าในชีวิตจริง เพราะเป็นการบริหารสมองแบบบังคับให้ผู้เล่นโฟกัสในภารกิจที่ได้รับ
5.พัฒนาจิตใจ จัดการความวิตกกังวล
ลองเล่น Bejeweled
ไม่ใช่ทุกเกมที่ต้องใช้ปืน หรือทักษะในการเล่นเกมสูงถึงจะพัฒนาสมองเราได้ เกมแก้ไขปริศนาง่ายๆ อย่าง 'เกมเพชร' หรือ Bejeweled ที่มีหน้าตาแสนเรียบง่าย มองปราดเดียวก็รู้ว่าต้องเล่นยังไง ทั้งยังใช้เวลาไม่นานต่อหนึ่งตา สามารถลดความเครียดของผู้เล่นได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดาวิดีโอเกมทั่วไป
อย่าเพิ่งเข้าใจผิด! ชอบเล่นเกม ไม่เท่ากับ เสพติดการเล่นเกม
มนุษย์เรารู้จักการเล่นเกมตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ แม้ไม่มีเครื่องเล่นเกม แต่การแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการเล่นเกมแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อการเล่นกลายเป็นการเสพติด จนถึงหมกมุ่น เมื่อนั้นเกมจะกลายเป็นตัวร้ายทันที
ดังนั้นทั้งผู้เล่น และคนใกล้ชิดต้องคอยสังเกตว่าไม่ได้กำลังใช้เวลาบนหน้าจอมากเกินไปในแต่ละวัน หรือติดต่อกันทุกวันเป็นเวลานานๆ ไม่ได้เล่นเกมเพื่อหลีกหนีความรับผิดชอบบางอย่าง และที่สำคัญคือไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมายหรือศีลธรรมเพราะต้องการเอาชนะเกมใดเกมหนึ่ง
ที่สำคัญคือผู้เล่นต้องอย่าลืมว่า 'เราต่างหากที่เป็นผู้เล่นเกม ไม่ใช่เกมที่เป็นฝ่ายเล่นงานเรา'
อ้างอิง
ความเห็น 14
Kobbo
มันมีประโยชน์ อย่างที่เขียน
แต่เราลองสังเกตุจากตัวเอง แล้ว เทียบตัวเองตอนอายุน้อย กับ อายุที่สูง. จะเห็นได้ว่า การรับรู้จากสิ่งที่พบเจอ ต่างกันออกไปตามช่วงอายุเช่นการดูการ์ตูน ตอนเด็กก็ดูแล้วรับรู้ความสนุก หรือ อื่น ๆ พออายุเยอะขึ้นกลับไปดูการ์ตูนเรื่องเดิม กลับมองเห็น สิ่งที่สอนแฝงไว้ในการ์ตูน ซึ่งการรับรู้เหล่านี้ แต่ละบุคคลจะต่างกันตามสิ่งแวดล้อมที่บุคคลนั้น ๆได้ประสบมา
เช่นเกมมีข้อดี แต่สำหรับคนที่อายุน้อย (อายุแค่ตัวเลข เพื่อเปรียบ) เขาอาจเล่นเกมด้วยความคิดอื่นบางอย่างที่อาจนำไปสู่ข้อเสีย
02 ก.ย 2564 เวลา 06.09 น.
ติดเกมส์หรือไม่ติดมันขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่างเช่นครอบครัว เพื่อน ทีสำคัญคือตัวเขาเองด้วยถ้าเก่งทางนี้จริงก็ต้องส่งเสริมมันดีกว่าติดอะไรที่มันแย่กว่านี้ ผม38แล้วก็ยังเล่นเป็นอยู่ resident evil/devil may cry ทุกภาคสนุกมากครับ
02 ก.ย 2564 เวลา 06.30 น.
TAN II
fitness boxing ค่ะ เล่นแล้วน้ำหนักลดไป 10 โล
01 ก.ย 2564 เวลา 23.58 น.
วัฒนพงษ์🌟🎯🗣️
ลบ
ถ้าเล่นโดยแบ่งเวลาไม่น่าจะเป็นไร แต่ถ้าเล่นจนไม่สามารถใช้ชีวิตไปทำอย่างอื่น ข้อดีที่ว่ามาจะกลายเป็นข้อแก้ตัวทันที#PormeechanneL อยากให้เด็กไทยไปไกลกว่าเด็กติดเกมส์
05 ก.ย 2564 เวลา 13.18 น.
Buzz
นิสัยคนเล่น ก็จะเป็นตัวบอกว่านิสัยยังไง
โดยเฉพาะที่เล่นเป็นทีม กับคนที่ไม่รู้จัก
บางเกมส์ดีมาก แต่ถูกด้อยค่า โดยคนเล่นซะงั้น
05 ก.ย 2564 เวลา 07.29 น.
ดูทั้งหมด