ทั้งปัญหาไวรัส COVID-19 ของมนุษยชาติทั่วโลก ปัญหาสิ่งแวดล้อมและไฟป่าที่กำลังลุกลาม ปัญหาการงานภาระส่วนตัวที่มีผลกระทบมาจากเศรษฐกิจทดถอย เราอาจไม่สามารถตอบคำถามตัวเองได้ว่าเรากำลังเจอกับเรื่องอะไรอยู่ และเรายังมีความหวังมากพอที่จะหวังในวันข้างหน้าอีกมั้ย ทั้งๆที่เราไม่อยากเป็นคนอื่น แต่เราก็ไม่สามารถเป็นตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ปัญหาที่เคยคิดว่ารับมือไหว แต่ตอนนี้รู้สึกว่าไปต่อไม่ไหว กลายเป็นภาวะหลีกหนีจนอยากนอนหลับไปแล้วไม่ต้องตื่นมาอีกเลย
.
ใครที่คิดหรือรู้สึกแบบเดียวกันนี้ แปลว่าภาวะ Passive Death Wish กำลังกล่าวทักทายคุณอยู่
นั่นคืออาการที่เราคาดหวังว่าโชคชะตาหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันบางอย่างจะมาช่วยจบชีวิตของเรา
หลายคนสับสนว่านี่คืออาการของการอยากฆ่าตัวตาย แต่แตกต่างกันมาก เพราะคนที่มีอาการลักษณะนี้เป็นอาการอยากหายไปจากสถานการณ์ตรงหน้าชั่วครู่ อาจเพราะรับมือกับปัญหาที่พุ่งใส่ไม่ได้ หรือ หาเป้าหมายใหม่ของชีวิตไม่เจอ แต่กลับไม่มีความคิดชั่ววูบและไม่ได้อยากทำร้ายตัวเองแต่อย่างใด ฉะนั้นภาวะนี้อาจฟังดูน่าตกใจและน่ากลัวไปสักหน่อย แต่คนที่มีลักษณะดังกล่าวจะไม่พาตัวเองไปอยู่ในความเสี่ยงหรือพาตัวเองเสี่ยงตายแน่นอน แต่จิตแพทย์ก็ไม่อยากให้ทุกคนละเลยกับความรู้สึกแบบนี้มาก เพราะมันอาจเป็นสัญญาณของจิตใจที่สามารถพัฒนาไปสู่โรคซึมเศร้าในระยะยาวได้เหมือนกัน
ดังนั้นสำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ และรู้สึกว่าตัวเองเข้าข่าย แถมมีพฤติกรรมทางอาการบางอย่างที่บ่งบอกถึงปัญหา กระทบกับชีวิตประจำวันเช่น ตื่นนอนยาก นอนมากผิดปกติ และไม่อยากอาหาร แนะนำว่าควรเข้ารับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ทันที โดยสามารถนัดเข้าพบโดยตรงที่โรงพยาบาล, โทรไปที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือปรึกษาผ่านเว็บไซต์ www.istrong.co
.
จงรับมือ Passive Death Wish ที่กัดกินให้ได้ ด้วยทฤษฎีแห่งความสุข
เมื่อต้องหาวิธีรับมืออาการแบบนี้ อย่างแรกคือเราควรถามว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกอะไรอยู่ ความรู้สึกไม่ยินดียินร้ายกับชีวิตเกิดจากความคาดหวังที่ผิดพลาด การขาดเป้าหมายในชีวิต หรือสังคมที่เป็นพิษมากเกินไป จากนั้นบอกตัวเองให้เข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่ละคนต่างมีบทเรียนแห่งความผิดพลาดและความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น เราเองก็มีสิทธิเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ ได้เหมือนกัน แม้ว่าเราจะอายุเยอะหรือมีประสบการณ์มากแค่ไหน
Dr. Martin Seligman ผู้เชี่ยวชาญด้านความสุขยืนยันว่า พื้นฐานอารมณ์ของคนเรามีอารมณ์บวกเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้การสร้างความสุขในชีวิตไม่ใช่เรื่องยาก เราแค่ต้องหาปัจจัยความสุขของตัวเองให้เจอ ซึ่งสิ่งนี้แตกต่างกันไปในจิตใจของแต่ละคน บางคนมีความสุขกับการได้ทำงานตรงหน้าให้สำเร็จตามเป้า บางคนมีความสุขกับการได้พักผ่อน ค่อยๆทำงาน และมีเวลาเล่นกับแมวตัวน้อย แม้กระทั่งรอยยิ้มคนอื่น หรือ ของหวานจานโปรด ก็เป็นแหล่งกำเนิดความสุขได้ทั้งนั้น
ทฤษฎีความสุขของ Dr.Martin จึงโฟกัสที่ค้นหาแหล่งความสุขเล็กๆของเราให้เจอ ยึดเอาไว้ให้หมั่น
จากนั้นหัดเติมความสุขให้ตัวเองเมื่อยามท้อใจ โดยไม่ต้องให้ใครบอก
วันที่ทำงานพลาด ไม่ต้องโบยตีตัวเองอย่างเดียว ให้รางวัลปลอบใจบ้างก็ได้ :)
.
สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาหนักๆ อยากหายไปเพราะจัดการเรื่องหน้าที่การงาน และหาเป้าหมายที่ชุบชูใจของชีวิตไม่ได้ แนะนำให้ลองหยุดความคิดด้านลบของตัวเอง และมาหาเป้าหมายใหม่ๆ ของการใช้ชีวิตและการทำงานให้มีความสุข ด้วยแนวคิดแบบ Ikigai (อิคิไก)
Ikigai คือปรัชญาการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นที่เน้นหาจุดร่วมของความสมดุลชีวิต โดยอาศัยองค์ประกอบ 4 สิ่งแบบนี้
- สิ่งที่คุณรัก หรือ มีความสุขที่จะได้ทำ
- สิ่งที่โลกใบนี้ต้องการ
- สิ่งที่สร้างรายรับให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ไม่ลำบาก
- สิ่งที่เราถนัด หรือ ทำได้ดี
ถามตัวเองดูว่าที่เราทุกข์ เราทุกข์เพราะทุกวันนี้เราทำงานที่สร้างรายรับ แต่ไม่สร้างความสุข และไม่สร้างสิ่งดีๆให้กับสังคมและผู้อื่นหรือเปล่า ในขณะเดียวกันก็ลองดูว่างานที่เราทำได้ดีและมีความสุข เป็นงานที่สามารถเลี้ยงชีพให้เราไม่ลำบากและไม่เครียดเกินไปจริงๆ หรือเปล่า และมีวิธีไหนที่เราจะทำให้งานและเป้าหมายต่อไปในชีวิตเรา อยู่ในองค์ประกอบ 4 สิ่งพอดี โดยที่ไม่หนักไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป
.
หวังว่าทฤษฎีแห่งความสุขและ Ikigai จะช่วยจูงให้ทุกคนผ่านช่วงเวลาแห่งความสับสน ช่วงเวลาแห่งการตั้งคำถาม และความมืดมิดไปได้ แต่หากกล่าวกันตามตรง ในแง่หนึ่งอาการ Passive Death Wish ก็เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ทุกคนได้ตกตะกอนเตรียมตัวตาย คิดถึงสิ่งที่ยังมีห่วงคั่งค้างภายในใจ สิ่งที่เรายังอยากทำให้สำเร็จ รวมถึงสิ่งที่เราคาดหวังว่าเราจะไม่ทำอีกและกลับไปเปลี่ยนแปลงการกระทำของตัวเองได้ ดังนั้นการหวนคิดถึงความตายนั้นก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เราใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีคุณภาพและมีคุณค่ามากขึ้น
เวลาแห่งความมืด แสงสว่างจะมีค่าที่สุด
เวลาที่สิ้นหวัง การสร้าง..ความหวัง.. ให้ตัวเองและคนรอบข้างต่างหากที่สำคัญ
.
ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่า ได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์
.
อ้างอิง
ความเห็น 9
เปรียบเหมือนรถบังคับที่ถ่านมันกำลังจะหมด หากได้ชาตไฟหรือเปลี่ยนแบตใหม่ รถก็จะกลับมาวิ่งได้เร็วเป็นปกติ ก็คนเรานี่เเหละครับ ถ้าได้ความรักความหวงใยกำลังใจจากคนที่เรารัก รถคันนี้ก็จะกลับมาวิ่งได้รวดเร็วมีชีวิตชีวา เช่นเดิม......
28 มี.ค. 2563 เวลา 08.22 น.
wealth💰มั่งคั่ง#📢
เคยไปหาจิตแพทบางคลีนิค ไปครั้งเดียวหายเลย เพราะขืนไปอีกครั้ง คงจนตาย แทนที่จะตายเพราะเครียด แต่จะตายเพราะจนฮึบฮึบ👎🥺
28 มี.ค. 2563 เวลา 09.42 น.
สติคับ แต่ถ่ามีสตังค์ อยุ่ได้อีกนาน
28 มี.ค. 2563 เวลา 09.58 น.
Yong
จิตใจซึมเศร้าท้อแท้หมดพลังเหตุเพราะขาดสติมารู้เนื้อรู้ตัวรู้เท่าทันความคิดสติเป็นเครื่องมือในการเลือกเฟ้นธรรมหรือปัญญาเพื่อใช้แก้ปัญหาที่รบกวนจิตใจการเจริญปัญญาชอบจะนำมาซึ่งปีติปราโมทย์เป็นความสุขใจเป็นความสงบเมื่อจิตเป็นกลางจิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิเป็นอุเบกขาคือการปล่อยวางความคิดที่เกิดขึ้นมารบกวนก็ย่อมดับไปด้วยรู้จักอบรมจิตทุกข์ทั้งหลายย่อมจะลดลงไปได้ด้วยการฝึกฝนอบรมจิตโดยวิธีเจริญอานาปานสติจะแก้ปัญหาความฟุ้งซ่านรำคาญใจและความหงอยเหงาเศร้าใจให้หมดสิ้นไปก็เพราะมามีสติสัมโพชฌงค์เพื่อการตรัสรู้
28 มี.ค. 2563 เวลา 14.26 น.
ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรที่เกิดขึ้นมากับในชีวิตก็ตาม ในการมีสติและคิดพิจารณาให้รอบครอบถึงในปัญหาที่เกิดขึ้นมานั้นให้ดีแล้ว ก็ย่อมสามารถที่จะช่วยทำให้มีแนวทางที่จะแก้ไขเพื่อที่ให้เป็นไปในทางที่ถูกต้องได้เสมอ.
28 มี.ค. 2563 เวลา 07.23 น.
ดูทั้งหมด