ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” อดีตสามีคุก 1 ปี 4 เดือน-ทนายพัชคุก 2 ปี

เป็นอีกคดีสุดสลด! และมหากาพย์ กับการวางยาฆาตกรรมด้วยสารไซยาไนด์

จนทำให้ชื่อ “แอม ไซยาไนด์” เป็นที่รู้จักพร้อมกับสารไซยาไนด์

โดยคดีนี้ตำรวจเดินหน้าขยายผลจนพบผู้เสียชีวิตอีก 13 ราย ซึ่งล้วนแต่เชื่อมโยงกับ “แอม” ทั้งหมดมีความเกี่ยวพันกับแอมในฐานะเจ้าหนี้เงินกู้ นายหน้าขายรถมือสอง และลูกวงแชร์

ความคืบหน้าคดีวันนี้ (20 พ.ย.67) เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ศาลอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และมารดาผู้เสียชีวิตร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นางสรารัตน์ หรือแอม ไซยาไนด์ อายุ 36 ปี จำเลยที่ 1 ความผิดฐานฆ่าอื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น , ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย

ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ อายุ 40 ปี อดีตสามี และอดีต รองผกก.สภ.สวนผึ้งจำเลยที่ 2 และ น.ส.ธันย์นิชา หรือ ทนายพัช อายุ 36 ปี จำเลยที่ 3 ในความผิดฐาน ช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และซ่อนเร้นทำลายหลักฐานพร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 30 ล้านบาท

สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2566 สรุปว่าเมื่อวันที่ 14 เม.ย.2566 นางสรารัตน์จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่า น.ส.ศิริพร หรือก้อย อายุ 32 ปี โดยนำสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ (Potassium Cyanide) ซึ่งเป็นสารพิษปลอมปนใส่ลงในอาหาร หรือน้ำดื่ม และปริมาณเท่าใดไม่ปรากฏชัด ให้ผู้ตาย ดื่มหรือรับประทาน ระหว่างที่จำเลยที่ 1 กับผู้ตาย ซึ่งเป็นเพื่อนกันเดินทางไปปล่อยปลาที่ท่าน้ำ ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ก่อนที่ผู้ตายจะหมดสติ และเสียชีวิตเวลาต่อมา โดยจำเลยที่1 ไม่ได้ให้การช่วยเหลือและนำทรัพย์สินผู้ตาย 9 รายการ มูลค่า 154,630 บาท ของผู้ตายไปให้แก่ผู้มีชื่อเพื่อซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ตามที่จำเลยที่ 3 ได้ใช้ หรือยุยงส่งเสริมจำเลยที่ 2 เพื่อมิให้เจ้าพนักงานตำรวจติดตามหาทรัพย์ของผู้ตาย เพื่อเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิให้ต้องรับโทษตามกฎหมาย หรือให้ได้รับโทษน้อยลงอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีโดยจำเลยที่ 1 ถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลาง ส่วนจำเลยที่ 2 – 3 ได้รับการประกันตัวโดยศาลตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท

โดยก่อนอ่านคำพิพากษาศาลให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ให้ใส่กุญเเจมือจำเลยทั้งสามราย และศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้ง3 กระทำผิดตามฟ้องเห็นว่า นางสรารัตน์ กระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อกระทำอย่างอื่น พิพากษาประหารชีวิต ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามี และอดีตรองผกก.สภ.สวนผึ้งจำเลยที่ 2 และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัตร์ หรือ ทนายพัชจำเลยที่ 3 มีความผิดฐาน ช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน ลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี

เเต่ พ.ต.ท.วิฑูรย์ จำเลยที่ 2 ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน เเละให้ชดใช้ค่าเสียหายเเก่โจทก์ร่วม 2 ล้าน 4 เเสนบาทเศษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีนี้ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาฯ3 ชั่วโมงเศษตั้งเเต่ช่วง09.30 น.ถึง 12.30 น. โดยจำเลยทั้ง 3 มีสีหน้าเครียด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

อาชญากรรม

ปิดคดีแอมไซยาไนด์ เดอะริปเปอร์เมืองไทย ฆาตกรรมต่อเนื่อง 8 ปี

30 มิถุนายน 256630 มิ.ย. 2023

สำหรับจุดเริ่มต้นคดีนี้เกิดจากการที่ น.ส.ก้อย ชาวกาญจนบุรี หายตัวไปเมื่อวันที่ 14 เม.ย.66 โดยพี่สาวและแม่พยายามตามหาเบาะแสทุกช่องทางจนพบว่าก้อย เสียชีวิตริมท่าน้ำใน อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

จากนั้นพี่สาวได้ติดต่อเพื่อนของก้อย ที่ชื่อแอม ถึงเรื่องราวการเสียชีวิตของน้อยสาว แต่แอม ปฏิเสธ ไม่รู้เห็นอะไร เพราะตัวเองอยู่ที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวด้วย

ซึ่งเรื่องราวกลับไม่เป็นตามคำพูดของ “แอม” หลังจากตำรวจ สภ.บ้านโป่ง เปิดกล้องวงจรปิดที่ท่าน้ำ จุดเกิดเหตุจนพบว่ามีผู้หญิงสาวเสื้อสีขาวไปกับผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งหญิงดังกล่าวมีรูปร่างคล้าย “แอม”

จากนั้นครอบครัวก้อย พยายามตามหาทรัพย์สินของก้อยที่หายไป ประกอบด้วย รถเก๋ง 1 คัน กระเป๋าหลุยส์ ราคาประมาณ 4 หมื่น และมือถืออีก 2 เครื่อง พร้อมโพสต์ภาพตามหา ผู้หญิงเสื้อสีขาว ที่อยู่กับก้อยเป็นคนสุดท้าย กระทั่งเจอรถของก้อยจอดทิ้งไว้ที่หน้าบ้านตำรวจนายหนึ่ง มีภาพก้อยเดินขึ้นไปพร้อมรถ “แอม”

เมื่อเรื่องราวเริ่มไม่เป็นอย่างที่เธอพูด “แอม” ติดต่อกลับมายอมรับกับคอรบครัวก้อยว่าเธอไปกับก้อยจริง แต่อ้างว่าไม่กล้าบอกเพราะก้อยให้พาไปหาผู้ชายคนหนึ่ง ส่วนทรัพย์สินก็อ้างว่าระหว่างทางก้อยทิ้งไว้ที่บ้านเพื่อน แต่หลังจากนั้นกลับคำบอกว่าเอาไปทิ้งถังขยะ

วันที่ 18 เม.ย. 66 ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง เรียกตัว “แอม” เข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานลักทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะ แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอประกันตัวจนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว

หลังจากนั้น ครอบครัวของก้อย ได้นำหลักฐานเข้าร้องเรียนกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม ว่ายังมีญาติผู้เสียชีวิตรายอื่น ที่เชื่อว่าอาจเชื่อมโยงกับ “แอม” ติดต่อเข้ามาด้วยเพราะมีข้อสงสัยกับการเสียชีวิตของญาติด้วย

วันที่ 25 เม.ย 66 ตำรวจได้เข้าจับกุม “แอม” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แต่เธอปฏิเสธ

โดยตำรวจเดินหน้าขยายผลจนพบอีก 13 รายที่เชื่อมโยงกับ “แอม”

วันที่ 30 มิ.ย. 66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงสรุปคดีนางสรารัตน์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ผู้ต้องหาวางยาฆ่าเจ้าหนี้ 15 คดี ในพื้นที่ 8 จังหวัดโดยคดีแรกเกิดในปี 2558 ต่อเนื่องปี 2566 มีผู้เสียชีวิต 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมด มีความเกี่ยวพันกับแอม ในฐานะเจ้าหนี้เงินกู้ นายหน้าขายรถมือสอง และลูกวงแชร์

โดยตำรวจ ได้รวบรวมพยานหลักฐานจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด สอบปากคำพยานอื่นๆ ทั้งหมดกว่า 900 ปาก มีเอกสารเกี่ยวกับคดีถึง 26,500 แผ่น ใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานมากกว่า 3 เดือน จนสามารถสรุปสำนวนดำเนินคดีแอม ไซยาไนด์ รวม 15 คดี ประกอบด้วย ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น, ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ, ชิงทรัพย์โดยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภค บริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้, การปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอม และใช้เอกสารปลอมฯ รวมกว่า 75 ข้อหา