โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

สุขสันต์วันเกิดโดราเอม่อน!! ครบรอบ 52 ปี “เปิด 7 บทเรียนชีวิตที่ทุกคนได้เรียนรู้จากโดราเอม่อน”

TOJO NEWS

เผยแพร่ 03 ก.ย 2564 เวลา 09.24 น. • Nitha C.

เชื่อว่าโดราเอม่อนเป็นเหมือนความฝันของเด็กหลายๆ คนใครบ้างไม่เคยอยากได้คอปเต้อไม้ไผ่ ขนมปังช่วยจำ ดินสอคอมพิวเตอร์ ไทม์แมชชีน ไฟฉายส่วน ผ้าคลุมล่องหน วุ้นแปลภาษา ศรกาลเทพ  หุ่นก็อปปี้ หรือประตูไปที่ไหนก็ได้ ตัวการ์ตูนอมตะสุดคลาสสิค ที่อยู่ในใจใครต่อหลายคนมาทุกยุคทุกสมัย เป็นเหมือนเพื่อนสนิทในวัยเด็ก ที่ถึงแม้ในปัจจุบันเราจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ยังคิดถึงและรู้สึกผูกพันกับเจ้าหุ่นยนต์อ้วนกลม ไร้หู ตัวสีฟ้า ขาสั้นตัวนี้อยู่เสมอ

และเนื่องในวันนี้ 3 กันยายน เป็นวันเกิดของโดราเอม่อน ดังนั้นวันนี้โตโจ้นิวส์เลยจะขอมาย้อนรอยเส้นทางของโดเรม่อนกันซักหน่อย กว่าจะมาถึงทุกวันนี้กว่า 50 ปี โดราเอม่อนผ่านอะไรมาบ้างและได้ให้บทเรียนใรชีวิตอะไรให้กับพวกเรากันไว้บ้างนะ…

“โดราเอม่อน” หรือ “โดเรม่อน” เป็นชื่อของเจ้าหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคต เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2112 (พ.ศ. 2655) เป็นขวัญใจของคนทุกเพศทุกวัย จริงๆ แล้วโดเรม่อนไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้ตัว “สีฟ้า” สีที่แท้จริง คือ “สีเหลือง” และที่สำคัญโดเรม่อน มีหูด้วย !!! แต่สาเหตุที่ทำให้หูของโดเรม่อนหายไป และสีเปลี่ยนไปนั้น เป็นเพราะถูกหนูเเทะหูจนแหว่ง ไม่สามารถซ่อมได้ จนหุ่นยนต์แมวที่โดเรม่อนหลงรักชื่อ “โนราเมียโกะ” มาเยี่ยมแล้วหัวเราะเพราะตลกในหน้าตาของโดเรม่อนที่ไม่มีหู ทำให้โดเรม่อนเสียใจมาก ร้องไห้ไม่หยุด จนสีเหลืองลอกออกหมด กลายเป็นสีฟ้านั่นเอง

เคยสงสัยกันมั้ย ? ว่าทำไมมือกลมๆของโดเรม่อนไม่มีนิ้ว ถึงหยิบจับของได้ ซึ่งมักจะโดนพวกโนบิตะล้ออยู่บ่อยๆ อันที่จริงแล้วมือของโดเรม่อนมีกลไกที่สามารถดูดจับสิ่งของได้ทุกอย่าง โดยโดเรม่อนจะถนัดทั้งซ้ายและขวา แต่จะใช้มือขวาบ่อยกว่า ส่วนกระเป๋าวิเศษ หรือ กระเป๋าสี่มิติที่หน้าท้องของโดราเอมอนนั้น มีพื้นที่ไม่จำกัดสามารถถอดไปซักทำความสะอาดได้ ทำให้โดเรม่อนต้องมีกระเป๋าสำรองอีกหนึ่งใบไว้ใช้ โดยในกระเป๋าสี่มิติมีของวิเศษทั้งหมด 1,963 ชิ้น และโดเรม่อนเคยหยิบมาใช้ทั้งหมด 1,812 ชิ้น

และต่อไปนี่คือบทเรียนชีวิตที่เราได้รับจาก โดราเอมอน, ชิซุกะ,โนบิตะ, ซูเนโอะ และไจแอนท์ พวกเขาเหล่านี้คงจะเป็นเหมือนเพื่อนเก่า ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วก็ตาม แต่ความทรงจำไม่เคยหายไปไหน

บทเรียนแรกที่เราได้จากการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือ 

“ตัวเราก็มีของวิเศษ แค่คุณต้องมีควาพยายาม”

ในชีวิตจริงเราไม่ได้มีของวิเศษจากกระเป๋าวิเศษของโดราเอมอน เราก็ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ โดยปราศจากเครื่องมือวิเศษจากโดเรเอมอนนี้แหละ เลยทำให้เราได้สิ่งวิเศษที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองนั่นคือ “ความยายาม” ซึ่งสิ่งนี้…จะช่วยเราแก้ไขทุกสิ่ง เราต้องทำงานให้หนัก เพื่อให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ โดยอาศัยความพยายามของเราเอง หลายครั้งที่ ตัวละครในเรื่องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย โดยปราศจากเครื่องมือของโดราเอมอน แต่สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆนาๆมาได้เพราะด้วย “ความพยายาม” เช่นเดียวกัน

“เราสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้เสมอโดยใช้ “วันนี้””

เราไม่สามารถย้อนกลับไปเปลี่ยนอดีตได้ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนอนาคตด้วยการทำวันนี้ให้ดีที่สุดโนบิตะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์เพื่อแก้ไขโดราเอมอน เหตุการณ์นี้กลายเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เพราะเค้าเริ่มใช้ “วันนี้ “ในทุกๆวันจนกระทั่งทำสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จ

“อย่าพยายามที่จะเราเอาชนะคนอื่นมากเกินไป จะทำให้เราจะแพ้ตัวเอง”

อย่าพยายามทำตัวให้ดีกว่าคนอื่น พยายามทำตัวให้ดีกว่าตัวคุณเอง หลังจากสะท้อนเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับวันเกิดของเขาไจแอนท์ เขานึกถึงตัวเองว่าทำไมเขาถึงไม่ได้รับความนิยมในหมู่เพื่อนฝูง โดราเอมอนเลยช่วยบอกเกี่ยวกับนิสัยที่ไม่ดีที่ดื้อด้านและพยายามจะข่มคนอื่นอยู่เสมอของไจแอนท์ เมื่อไจแอนท์รับรู้และเข้าใจก็เลยขอโอกาสจากโดราเอมอนอีกครั้งนึง

“เรียนรู้ที่จะต้องมีชีวิตที่แข็งแกร่ง”

โนบิตะมักจะแสดงให้เห็นว่าเป็นคนขี้ขลาด อ่อนเเอ แต่เขาก็มักจะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยผู้อื่นหรือแม้แต่อารยธรรมบนโลกได้เสมอ เพราะเขาเรียนรู้ที่จะต้องมีชีวิตที่แข็งแกร่งได้จากการถูกแกล้งอยู่บ่อยๆ อะไรที่ฆ่าเราไม่ตาย สิ่งนั้นจะสร้างให้เราเติบโต

“มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราทำ”

โนบิตะมักจะชอบขโมยอุปกรณ์วิเศษของโดราเอมอนจนทำให้หลายครั้ง เค้าใช้อุปกรณ์เหล่านั้นผิดพลาด และสร้างความเดือดร้อน แต่โนบิตะก็รับผิดชอบต่อการกระทำของเค้าเสมอ

“คนที่ไม่มี “ดี”…”ไม่มีในโลก””

แต่ต้องเรียนรู้และดูดซับสิ่งที่มีประโยชน์ ปฏิเสธส่วนที่บกพร่องของเราแทน ข้อบกพร่องของตัวละครโนบิตะคือ ขี้เกียจ ไม่มีการเตรียมพร้อม ไม่มีไหวพริบ อ่อนแอ อับโชคและฝีมือการเล่นกีฬาก็ไม่เอาไหน 

แต่แม้ว่าโนบิตะจะมีข้อบกพร่องมากมายแค่ไหน โนบิตะก็มีความสามารถพิเศษที่ยอดเยี่ยมของเขาในการสานรูปสตริงที่ซับซ้อน ต่อมาโนบิตะเห็นข้อดีของตัวเองมุ่งมั่นจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์เพื่อแก้ไขโดราเอมอนได้สำเร็จ

เนื่องด้วยตอนจบอีกแบบหนึ่งของโดราเอมอนก็คือ อยู่ดีๆ วันหนึ่งโดราเอมอนก็เกิด แบตเตอรี่ หมด แล้วหยุดทำงานเสียเฉยๆ โนบิตะจึงปรึกษากับโดเรมี น้องสาวของโดราเอมอน โดเรมีบอกโนบิตะว่า ถ้าเปลี่ยนแบตเตอรี่ของโดราเอมอน ความจำทั้งหลายจะหายหมด เนื่องจากแบตเตอรี่สำรองไฟที่เก็บความจำของหุ่นยนต์รูปแมวนั้นเก็บไว้ที่หู และอย่างที่ทราบกันว่าโดราเอมอนไม่มีหู ดังนั้นถ้าเปลี่ยนแบตเตอรี่ เขาจะต้องสูญเสียความจำ ต้องนำไปซ่อมที่โลกอนาคต แต่การใช้ ไทม์แมชชีน นั้นผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายใหม่ของโลกอนาคต ถ้าส่งโดราเอมอนกลับ โดราเอมอนจะมาหาโนบิตะอีกไม่ได้ ทำให้โนบิตะตัดสินใจไม่เปลี่ยนแบตเตอรี่ แล้วโนบิตะจึงตัดสินใจตั้งใจเรียนจนเป็น นักวิทยาศาสตร์ ระดับโลก โดยเอาเรื่องโดราเอมอนที่แบตหมดมาเป็นแรงผลักดันขยันทุ่มเทหาทางรักษาให้โดราเอมอนกลับมา โดยเอาตัวโดราเอมอนไปซ่อนไม่ให้มีใครรู้เรื่องนอกจากตนเพียงคนเดียวเท่านั้น แล้วก็แต่งงานกับชิซุกะและสามารถซ่อมโดราเอมอนกับสร้างหูกับทำให้ร่างของโดราเอมอนเป็นตัวสีเหลืองก่อนถูกซื้อ กับเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้โดราเอมอนได้สำเร็จ โดยที่ความทรงจำไม่หายไป (โดยก่อนที่โนบิตะจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้โดราเอมอนได้เรียกชิซุกะมาดูโดราเอมอน) และเขาก็มีลูกชายชื่อโนบิสุเกะ และอยู่ด้วยกันอย่างมีสุข

และบทสุดท้าย

“หาเป้าหมายที่สร้างความภูมิใจในชีวิตให้เจอ”

ความสำเร็จคือการเดินทางไม่ใช่จุดหมายปลายทาง โดราเอมอนประสบความสำเร็จในภารกิจของเขาที่เห็นในหลายตอนที่พวกเขาเดินทางไปสู่อนาคตต เพื่อช่วยโนบิตะในคืนก่อนวันแต่งงาน ในที่สุดโนบิตะแต่งงานกับชิซูกะและมีลูกชายคนหนึ่งซึ่งมีบทบาทในการพลิกผันกลายมาเป็นเด็กที่เข้มแข็งที่ไม่มีใครรังแกได้ต่อไป

รูปภาพอ้างอิง 

TNN Online

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...