รวม “7 ที่สุดของบ่อน้ำพุร้อน” จากทั่วญี่ปุ่นที่ควรค่าแก่การไปเยือน
“บ่อน้ำพุร้อน” หรือ “ออนเซ็น” มีข้อดีคือช่วยให้ผ่อนคลายความเครียดและความเมื่อยล้าของร่างกาย ออนเซ็นตามธรรมชาติของแต่ละพื้นที่ของญี่ปุ่นจะมีแร่ธาตุตามธรรมชาติที่แตกต่างกันออกไป บางที่อาจช่วยเยียวยาหรือบรรเทาอาการของโรคต่างๆได้ และบางที่ช่วยบำรุงผิวให้มีสุขภาพดีได้อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เองเราจึงอยากจะแนะนำ 7 แหล่งออนเซ็นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งในแต่ละด้านจากทั่วญี่ปุ่นมาแนะนำให้ผู้อ่านได้รู้จักกันค่ะ
1. จำนวนแหล่งน้ำพุร้อนที่มีไอน้ำพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินมากที่สุด
Beppu Onsen (จังหวัดโออิตะ)
หากพูดถึงแหล่งออนเซ็นที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นแล้ว ต้องมีชื่อ“เมืองเบ็บปุ จังหวัดโออิตะ” อยู่ด้วยอย่างแน่นอน โดยเมืองนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเกาะคิวชู แต่ละปีจะมีผู้คนจากทั้งในและต่างประเทศเดินทางมาแช่ออนเซ็นกันเป็นจำนวนมาก ไฮไลท์น่าชมของเมืองนี้คือการที่เราสามารถมองเห็นไอน้ำจากบ่อน้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินหลายจุดด้วยกัน ซึ่งหากมองจากจุดชมวิวมุมสูงของเมืองจะเห็นเอกลักษณ์ตรงนี้ได้อย่างชัดเจน และส่วนนี้เองที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ไปโดยปริยาย
เมืองเบ็บปุมีทั้งน้ำพุร้อนจากแหล่งธรรมชาติและที่มนุษย์ขุดขึ้นมา ที่นี่มีน้ำพุร้อนหลายจุดที่มีน้ำพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินเป็นปริมาณมากถึง 87,636 ลิตร/นาที เป็นหนึ่งสถานที่แห่งความภาคภูมิใจของญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง นอกจากนี้เมืองนี้ยังได้รับการขนานนามว่า“สวรรค์แห่งออนเซ็น” อีกด้วย
2. แหล่งกำเนิดน้ำพุร้อนที่มีจำนวนมากที่สุด
Beppu Onsen (จังหวัดโออิตะ)
เมืองเบ็บปุนอกจากจะมีน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินในปริมาณมากที่สุดของญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นเมืองที่มี “ต้นกำเนิดของน้ำพุร้อนมากที่สุด” มีทั้งหมด 2,292 แห่ง
อีกทั้งแหล่งน้ำพุร้อนออนเซ็นของเมืองนี้ยังเต็มไปด้วยความหลากหลายของแร่ธาตุธรรมชาติที่ส่งผลถึงสีและคุณสมบัติของน้ำแต่ละบ่อที่แตกต่างกัน โดย 7 ใน 10 ชนิดของบ่อออนเซ็นที่เมืองเบ็บปุได้รับการยืนยันเรื่องคุณภาพของน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทั้ง 7 แห่งนี้ต่างมีสีและแร่ธาตุที่แตกต่างกันออกไป รู้จักกันในชื่อว่า “Beppu Jigoku Meguri” หรือ “นรกทั้ง 7” เช่น บ่อที่มีสีโทนแดงเกิดจากเหล็กออกไซด์และแมกนีเซียมออกไซด์จะมีชื่อเรียกว่า “บ่อนรกสีเลือด (Chi no ike jigoku)”, บ่อที่มีสีฟ้าสีฟ้าโคบอลต์จะมีชื่อว่า “บ่อนรกแห่งท้องทะเล (Umi jigoku)”, ส่วนบ่อที่มีสีขาวน้ำนมจะถูกเรียกว่า “บ่อนรกสีขาว (Shiraike jigoku)” เป็นต้น
Beppu Onsen (จังหวัดโออิตะ)
การเดินทาง เดินทางไปเมืองเบ็บปุได้ทั้งเครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ เรือ และรถบัส หลากหลายเส้นทาง สามารถดูรายละเอียดการเดินทางได้ที่ th.visit-oita.jp/access (ภาษาไทย)
3. ออนเซ็นที่มีค่า pH สูงที่สุด
Tokigawa Onsen (จังหวัดไซตามะ) & Iiyama Onsen (จังหวัดคานางาวะ)
จากที่ได้กล่าวไปต้นบทความแล้วว่า นอกจากออนเซ็นจะช่วยให้ผ่อนคลายความเครียดและความเมื่อยล้าของร่างกายแล้ว ยังมีออนเซ็นที่ช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย ซึ่งออนเซ็นดังกล่าวนั้นเป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีค่า pH ในปริมาณสูงและดีต่อผิว ทำให้ได้รับความสนใจจากลูกค้าผู้หญิงมากเป็นพิเศษ โดยทั่วไปแล้วจะเรียกออนเซ็นที่มีค่า pH7.5 ขึ้นไปว่า“ออนเซ็นแห่งความงาม” แต่สองแห่งที่แนะนำไปนี้มีค่า pH สูงถึง 113 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดของญี่ปุ่น ใครอยากผิวสวยอย่าลืมแวะไปสองที่นี้นะคะ
Tokigawa Onsen
การเดินทาง นั่งรถไฟไปลงสถานี Myōkaku แล้วต่อด้วยแท็กซี่
Iiyama Onsen
การเดินทาง นั่งรถไฟไปลงสถานี Myōkaku แล้วต่อด้วยแท็กซี่
4. บ่อน้ำพุร้อนที่มีความเข้มข้นสูง
1. Arima Onsen (จังหวัดเฮียวโกะ)
บ่อน้ำพุร้อนสีทอง (หรือที่เรียกกันว่า Kinsen) ใน Arima Onsen จังหวัดเฮียวโกะขึ้นชื่อว่าเป็นออนเซ็นที่มีระดับความเข้มข้นสูงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น (เต็มไปด้วยธาตุเหล็ก, โซเดียม, สารประกอบประเภทคลอไรด์) โดยมีสัดส่วนของสารละลายมากถึง 45g ต่อน้ำ 1Kg หมายถึง มีระดับความเข้มข้นสูงประมาณ 4.5% และเนื่องจากมีกรดเมตาซิลิซิกที่เป็นส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติผสมอยู่ในปริมาณมาก จึงส่งผลดีต่อผิว ทำให้เป็นที่นิยมมากในหมู่สาวๆ
นอกจากนี้สีของออนเซ็นแห่งนี้ยังเป็นสีน้ำตาลเข้มอันมีเอกลักษณ์ ที่พักบริเวณนี้ก็มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ระดับหรูหราไปจนถึงราคาต่ำกว่า 10,000 เยน สามารถเดินทางได้ง่ายและอยู่ไม่ไกลจากโอซาก้า หากสาวๆ คนไหนสนใจเที่ยวทริปแช่ออนเซ็น ที่นี่ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจนะคะ
เมื่อไปถึง Arima Onsen ที่ขึ้นชื่อเรื่องบำรุงผิวแล้ว ของฝากจึงเกี่ยวข้องกับผิวเช่นกัน ร้านขายของที่ระลึก Yoshitakaya มีสินค้าเบ็ดเตล็ดมากมายรวมถึงเครื่องบำรุงผิว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางออริจินัลที่มีน้ำออนเซ็นของ Arima Onsen เป็นวัตถุดิบหลัก หรือเซ็ตสบู่บำรุงผิว มาพร้อมแพ็คเกจสุดน่ารักสไตล์เรทโทรหน่อยๆ เป็นของฝากหน้าตาดูดีที่ไม่ว่าซื้อฝากใครก็ดีไปหมด
Hyoe Koyokaku
การเดินทาง สามารถเดินทางโดยรถไฟ Kobe Electric Railway ถึงสถานี Arimaonsen แล้วเดินต่ออีก 5 นาที / เดินทางโดยรถยนต์ : เพียง 12 นาทีจาก Nishinomiya Kita Interchange บนทางด่วน Chugoku
5. แหล่งน้ำพุร้อนที่อยู่บนภูเขาสูงที่สุดของญี่ปุ่น
1. Mikurigaike Onsen (จังหวัดโทยามะ)
Mikurigaike Onsen อยู่ในจังหวัดโทยามะ บนภูเขาที่ชื่อว่า Tateyama ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นออนเซ็นที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่น มีลักษณะสีขาวขุ่นอยู่ที่ระดับความสูง 2,410 เมตร ต้นกำเนิดของออนเซ็นแห่งนี้อยู่ที่ระดับความสูง 2,300 เมตรและได้รับการขุดขึ้นมาจากใต้พื้นดิน สถานที่นี้เปิดให้เข้าชมเฉพาะช่วงกลางเดือนเมษายน – ปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเท่านั้น (ไม่เปิดให้บริการช่วงฤดูหนาว) หากใครต้องการเดินทางไปต้องระวังตรงนี้ด้วยนะคะ
ที่นี่เขามีทั้งโรงแรม, ร้านอาหาร, สปา, ร้านกาแฟ, ร้านไอศกรีมโฮมเมดให้บริการแบบครบครัน มีเมนูผลไม้และอาหารขึ้นชื่อประจำท้องถิ่น รวมถึงร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นสินค้าแบบดั้งเดิมในพื้นที่จำหน่ายให้ได้เลือกซื้อกัน ถือเป็นอีกทริปที่น่าเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจสุดๆ
Hyoe Koyokaku
การเดินทาง สามารถเดินทางโดยรถไฟได้ทั้งจากจังหวัดโตเกียว, โอซาก้า และตัวจังหวัดโทยามะ รายละเอียดการเดินทาง (ภาษาอังกฤษ) mikuri.com
6. น้ำพุร้อนที่อยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น
1. Shigira Onsen (จังหวัดโอกินาวะ)
Shigira Onsen ตั้งอยู่ในเมือง Miyakojima ของโอกินาวะ เป็นรีสอร์ทน้ำพุร้อนที่อยู่ทางใต้สุดของญี่ปุ่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และโซนออนเซ็นยังมีแบ่งเป็นโซนชุดว่ายน้ำ, โซนอาบน้ำชาย และโซนอาบน้ำหญิง ซึ่งเราจะได้เพลิดเพลินกับการแช่ออนเซ็นไปพร้อมๆ กับการชมทิวทัศน์ของทะเลโอกินาวะที่ทอดออกไปได้อย่างชัดเจน
Shigira Onsen (จังหวัดโอกินาวะ)
การเดินทาง เดินทางโดยเครื่องบินจากโตเกียวประมาณ 3 ชั่วโมง และ 2.5 ชั่วโมงจากโอซาก้า, และใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาทีจากเกาะหลักของโอกินาวะ
7. น้ำพุร้อนที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่น
Wakkanai Onsen (จังหวัดฮอกไกโด)
เมื่อรู้จักกับออนเซ็นที่อยู่ใต้สุดของญี่ปุ่นกันแล้ว ต่อมาขอแนะนำให้รู้จักกับออนเซ็นที่ตั้งอยู่เหนือสุดของญี่ปุ่นกันบ้าง นั่นคือ Wakkanai Onsen ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฮอกไกโด ที่พักมีทั้งแบบโรงแรม, เกสต์เฮ้าส์, รีสอร์ท มีออนเซ็นกลางแจ้งที่มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของของทะเลญี่ปุ่นได้อย่างดี เมื่อเราไปเที่ยวที่นี่อาจจะพบกับป้ายต่างๆ ที่เขียนเป็นภาษารัสเซียเอาไว้ด้วยอย่าได้ตกใจไปค่ะ เนื่องจากจะกะลาสีเรือชาวรัสเซียจะมาพักเทียบท่าที่แถบนี้เป็นครั้งคราวนั่นเอง
Wakkanai Onsen (จังหวัดฮอกไกโด)
การเดินทาง เดินทางด้วยรถไฟ JR ลงสถานี Wakkanai แล้วต่อรถบัสประมาณ 15 นาที
สำหรับบทความนี้ที่ได้รวบรวมแหล่งท่องเที่ยวออนเซ็นที่เป็น No.1 จากทั่วประเทศญี่ปุ่นนี้อาจช่วยให้ใครหลายๆ คนสนใจออนเซ็นมากยิ่งขึ้น ส่วนตัวแล้วชอบการแช่ออนเซ็นมากเพราะช่วยให้ผ่อนคลายได้จริงๆ ค่ะ เมื่อแช่เสร็จแล้วได้ทานอะไรเย็นๆ ตบท้ายนี่บอกเลยว่าทั้งสบายและสดชื่นแบบสุดๆ หากใครมีโอกาสไปญี่ปุ่น อยากแนะนำให้ลองแวะไปสัมผัสประสบการณ์การแช่ออนเซ็นกันดูค่ะ รับรองว่าต้องชอบกันแน่นอนเลย
สรุปเนื้อหาจาก mikuri.com, shigira.com