โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ท่องเที่ยว

เติมโชคเพิ่มพลังในวันที่เหนื่อยล้ากับ 20 จุดรับพลังทั่วญี่ปุ่น!

conomi

อัพเดต 04 ธ.ค. เวลา 11.02 น. • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • conomi.co

ในประเทศญี่ปุ่นมี “จุดรับพลัง” หรือ “พาวเวอร์สป็อต” ที่พลังเหนือธรรมชาติของโลกใบนี้เอ่อล้นออกมาอยู่มากมาย ใครที่กำลังโหยหาอิสระจากชีวิตประจำวัน โหยหาการเยียวยาหรือการชำระกายใจให้บริสุทธิ์ เราขอแนะนำ “จุดรับพลัง” ทั่วประเทศญี่ปุ่นเหล่านี้ ให้คุณได้เติมพลัง ชำระกายชำระใจในวันที่เหนื่อยล้า และลองค่อยๆ ปล่อยกายปล่อยใจไปกับผืนดินที่อบอวลด้วยกลิ่นอายธรรมชาติเหล่านี้กันนะคะ!

1. ภูเขาไฟฟูจิ จังหวัดยามานาชิ จังหวัดชิซูโอกะ

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

ภูเขาไฟฟูจิ ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างจังหวัดยามานาชิและจังหวัดชิซูโอกะ นอกจากเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ภูเขาไฟฟูจิยังเป็นจุดรับพลังขั้นสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ภายใต้ไหล่เขาที่ค่อยๆ ลาดเอียงลงมาอย่างงดงามนี้ แท้จริงแล้วคือภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและมีแมกมาเดือดระอุอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2013 ภูเขาไฟฟูจิก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกับองค์การยูเนสโกอีกด้วย

หากใครมีโอกาสได้เห็นดวงอาทิตย์ลอยเด่นอยู่เหนือปล่องภูเขาไฟฟูจิพอดิบพอดี คงพบว่าดวงอาทิตย์นั้นเปล่งประกายราวกับเพชรไม่มีผิด นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ “Diamond Fuji” นั่นเอง ในบรรดาทิวทัศน์อันหลากหลายของภูเขาไฟฟูจิ Diamond Fuji ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่งดงามเปี่ยมมนตร์ขลังที่สุด หากใครต้องการชมภูเขาไฟ Diamond Fuji ในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น สามารถไปรอชมได้ที่จุดชมวิวทางทิศตะวันตก หรือถ้าใครต้องการชมในช่วงพระอาทิตย์ตก ก็สามารถไปรอชมได้ที่จุดชมวิวทางทิศตะวันออก และเมื่อสภาพอากาศเป็นใจ ภาพของภูเขาไฟ Diamond Fuji ที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกสามารถเป็นภาพทิวทัศน์อันแสนล้ำค่าไม่รู้ลืม โดยในช่วงฤดูหนาวที่อากาศสดใสจะมีโอกาสเห็นทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาไฟฟูจิได้มากเป็นพิเศษ ว่ากันว่าภูเขาไฟ Diamond Fuji ที่มองเห็นจากยอดภูเขาทาคาโอะหรือจากทะเลสาบยามานากะในวันเหมายัน (วันที่กลางวันสั้นที่สุดในรอบปี มักจะเป็นช่วงวันที่ 20-22 ธันวาคม) จะสวยเป็นพิเศษเลยทีเดียว! ด้วยเหตุนี้ทุกๆ ปีจึงมีผู้คนมากมายหลั่งไหลมารอชมกัน เราสัญญาได้เลยว่า ทิวทัศน์ที่เกิดจากการรังสรรค์ของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นี้จะขโมยหัวใจของคุณได้แน่นอน

เพียงได้ไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสมบูรณ์บริเวณเชิงเขา และได้เห็นรูปร่างอันสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ จิตใจของหลายๆ คนก็อาจจะรู้สึกสดชื่นเหมือนได้รับการชำระล้างแล้ว แต่ว่าหากมีโอกาส พวกเราก็อยากแนะนำให้ทุกคนลองเดินขึ้นภูเขาฟูจิดูสักครั้ง! แม้หนทางสู่ยอดเขาจะเหน็ดเหนื่อย แต่ระหว่างทาง ทุกคนจะได้รับอะไรบางอย่างจากภูเขาไฟฟูจิที่เก็บงำพลังงานอันยิ่งใหญ่ไว้แน่นอน

พระอาทิตย์ขึ้นที่ได้มองจากภูเขาไฟฟูจิ นอกจากงดงามตระการตาเป็นที่สุด ก็ไม่อาจหาคำอื่นใดมาบรรยายได้อีก โดยผู้คนจำนวนมากมักไปขึ้นภูเขาไฟฟูจิในวันปีใหม่เพื่อชมแสงแรกของปี ภาพแสงอาทิตย์แรกที่ค่อยๆ เผยโฉมออกมาจากผืนฟ้ามืดสนิทชวนให้เรานึกถึงการถือกำเนิดของชีวิตและสรรพสิ่ง มันจะเป็นทิวทัศน์ที่ตราตรึงใจและไม่ทำให้คุณผิดหวังกับการค้างคืนเพื่อรอชมแน่นอน เพราะคุณจะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่กลับไปด้วยอย่างไรล่ะ

ภูเขาไฟฟูจิ

ที่อยู่ Kitayama, Fujinomiya, Shizuoka 418-0112, Japan การเดินทาง นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Fuji Excursion ของ JR จากโตเกียวมาลงที่สถานี Kawaguchiko (河口湖駅)

2. แหลมศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดอิชิคาวะ

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

แหลมคงโก (金剛崎) หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “แหลมศักดิ์สิทธิ์” ตั้งอยู่ที่ฝั่งหนึ่งของแหลมซุซุซึ่งตั้งอยู่ตอนปลายของคาบสมุทรโนะโตะ จังหวัดอิชิคาวะ แหลมคงโกเป็นหนึ่งในจุดรับพลังที่ทรงพลังที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นคู่กับภูเขาไฟฟูจิ โดยพื้นที่แห่งนี้เป็นจุดที่กระแสลมกรดพัดผ่านและกระแสน้ำจากทิศเหนือและใต้ไหลมารวมตัวกัน เป็นจุดรับพลังอันแข็งแกร่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางการพบกันของพลังแห่งสายลมและสายน้ำ

แม้ว่าปลายแหลมนี้จะถูกนำมาพูดถึงในตำนานจำนวนมากอย่าง “ตำนานผ่าแผ่นดิน” จากเรื่องเล่าปรัมปราของแคว้นอิซึโมะ แต่ครั้งหนึ่ง ที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ลึกลับไร้การสำรวจที่ไม่มีใครมาเยี่ยมเยือน ทว่าในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถมาชมมหาสมุทรสีน้ำเงินได้จากจุดชมวิวอย่าง “จุดชมวิวสกายเบิร์ด” ฉะนั้นทุกท่านอย่าลืมมาลองรับลมจากทะเลและรับพลังจากแหลมคงโกกันดูนะคะ

ที่ด้านใต้ของจุดชมวิวยังมีเรียวกัง Lamp no Yado ซึ่งเป็นเรียวกังเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 450 ปี หากใครได้มาลองแช่บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งและเชยชมทิวทัศน์ของทะเลญี่ปุ่นที่ทอดตัวออกไปสุดลูกหูลูกตาแล้ว ความเหนื่อยล้าจะต้องมลายหายไปเป็นปลิดทิ้งแน่นอน นอกจากนี้ แหลมศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยจุดหมายที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น “ถ้ำสีน้ำเงิน” ที่แสงอาทิตย์ซึ่งส่องลอดปากถ้ำเข้ามา ทำให้น้ำทะเลภายในถ้ำเป็นประกายสีน้ำเงินเรืองรอง หรือชายหาดมิกะสึกิ เป็นต้น ทุกคนลองมาสัมผัสพลังแห่งสายลมและสายน้ำด้วยตัวเองกันสักครั้งนะคะ

View this post on Instagram

A post shared by 【公式】ランプの宿 Lampnoyado (@lampnoyado)

แหลมศักดิ์สิทธิ์ (แหลมคงโก)

ที่อยู่ Jike Misakimachi, Suzu, Ishikawa 927-1451, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Kanazawa นั่งรถบัส Hokutetsu 3 ชั่วโมงมาลงที่ป้ายสุดท้าย Suzunari-kan Mae (すずなり館前)

3. ชิราคามิซันจิ จังหวัดอาโอโมริ จังหวัดอาคิตะ

Shirakamisanchi Mountain

เทือกเขาชิราคามิซันจิ (白神山地) คือเทือกเขาที่คร่อมรอยต่อระหว่างจังหวัดอาโอโมริและจังหวัดอาคิตะเอาไว้ พื้นที่บริเวณเทือกเขาแห่งนี้ประกอบไปด้วยป่าต้นบีชญี่ปุ่นที่ดำรงอยู่มาเป็นเวลายาวนาน เรียกว่าป่าไม้ปฐมภูมิ ในป่าลึกที่ปราศจากมลทินของมนุษย์แห่งนี้ พืชพันธุ์สัตว์ป่าและระบบนิเวศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ยังคงดำรงอยู่โดยไม่ถูกแตะต้อง ภายหลังการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1993 เทือกเขาชิราคามิซันจิก็มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนจากทั่วทุกสารทิศของญี่ปุ่น

น้ำตกอัมมงในฤดูใบไม้ร่วง

เทือกเขาชิราคามิซันจิมีเส้นทางเดินป่าให้เลือกเดินมากมายตามระดับความยากและจุดหมายที่ต้องการจะไป โดยพวกเราขอแนะนำเส้นทางสู่ “น้ำตกอัมมง” (暗門の滝) เป็นพิเศษ เส้นทางสู่น้ำตกอัมมงทอดผ่านป่าบีชสูงใหญ่ หาดทราย ผาหิน จากนั้นทุกคนจะได้พบกับน้ำตกทั้งสามแห่งให้เดินเล่นสัมผัสกับบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์จากน้ำตก และอาบประจุลบที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นเหมือนเวลาฝนใกล้ตก หรือเวลาไปทะเล ไปชายหาด

Aoike Shirakamisanchi

นอกจากนี้ เทือกเขาชิราคามิซันจิยังมีทะเลสาบน้อยใหญ่อีกรวม 33 แห่งเรียกกันว่า “ทะเลสาบจูนิโกะ” ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และจุดที่เป็นรู้จักในฐานะจุดรับพลังแห่งหนึ่งคือ “บึงอาโอะอิเคะ” (青池) หรือบึงสีน้ำเงินนั่นเอง บึงสีน้ำเงินโคบอลต์ที่เปล่งประกายสดใสนี้ ไม่ว่าใครได้มาเห็นคงรู้สึกอยากจะโดดลงไปดูสักครั้ง แต่สาเหตุว่าทำไมบึงนี้ถึงเป็นสีน้ำเงินนั้น จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครทราบได้ ส่วนผืนป่าที่อยู่รอบด้านยังเป็นที่รู้จักในฐานะโลเคชั่นสำหรับการ “อาบป่า” ที่ช่วยให้ผ่อนคลายอีกด้วย ทุกคนมาสัมผัสพลังของชิราคามิซันจิด้วยตัวเองดูสักครั้งนะคะ!

ชิราคามิซันจิ (Shirakami-Sanchi World Heritage Conservation Center (Fujisato))

ที่อยู่ 63 Satoguri, Fujikoto, Fujisato, Yamamoto District, Akita 018-3201, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Hirosaki จะมี Bus Terminal ซึ่งมีรถบัสรับส่งให้บริการ ทั้งนี้ เนื่องจากรถบัสมีจำนวนจำกัด สามารถเช่ารถขับเพื่อความสะดวกได้

4. วงหินโอยุ จังหวัดอาคิตะ

Akita Oyu Stone Circle

วงหินโอยุ (大湯環状列石) เป็นโบราณสถานปลายยุคโจมงที่ยังหลงเหลืออยู่ที่เมืองคาซึโนะ จังหวัดอาคิตะ ด้านในประกอบด้วยวงหินสองวง คือวงหินโนนากะโดและวงหินมันสะ ด้านนอกล้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างยกพื้นและหลุมดิน โบราณสถานเก่าแก่แห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักในฐานะจุดรับพลังอีกจุดหนึ่งด้วย

โดยวงหินมันสะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เมตร นับเป็นวงหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาวงหินที่พบได้ในหมู่เกาะญี่ปุ่น แม้จะมีการกล่าวกันว่าวงหินถูกสร้างขึ้นเพื่อสื่อสารกับจักรวาล แต่ในปัจจุบัน วงหินโอยุถูกสันนิษฐานว่าเป็นสถานที่ที่ใช้ในการฝังศพและประกอบพิธีกรรมมากกว่า

วงหินโอยุถูกสร้างด้วยหินดีโอไรต์ซึ่งพบได้ตามก้นแม่น้ำและเมื่อเปียกน้ำจะสวยงามเป็นพิเศษ หินถูกจัดเรียงซ้อนกันในลักษณะวงกลมสองวงที่มีจุดศูนย์กลางเดียวกัน ในพื้นที่ระหว่างวงหินชั้นนอกและวงหินชั้นในยังมีกลุ่มหินที่ทำหน้าที่เหมือน “นาฬิกาแดด” โดยทิศที่เชื่อมไปยังจุดศูนย์กลางของวงกลมจะชี้ไปยังจุดที่พระอาทิตย์ตกในวันครีษมายัน (วันที่กลางวันยาวนานที่สุดของปี) อีกด้วย ทุกคนลองไปสัมผัสพลังงานโบราณจากศาสนสถานที่เก็บงำความลับแห่งจักรวาลนี้ให้ได้นะคะ

วงหินโอยุ

ที่อยู่ 27 Manza, Towadaoyu, Kazuno, Akita 018-5421, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Towadaminami นั่งรถแท๊กซี่ 9 นาที

5. ช่องเขาทาคาจิโฮะ จังหวัดมิยาซากิ

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

ช่องเขาทาคาจิโฮะ (高千穂峡) ตั้งอยู่ที่เมืองทาคาจิโฮะ เขตนิชิสึกิ จังหวัดมิยาซากิ ช่องเขาแห่งนี้ถูกกัดกร่อนโดยกระแสไพโรคลาสติก (กระแสก๊าซร้อน เถ้าถ่าน และหินภูเขาไฟ) จากภูเขาอาโสะเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นช่องเขารูปตัว V เช่นนี้ในที่สุด นอกจากจะปรากฏในตำนานเกี่ยวกับทายาทของเทพีอามาเทระสุแล้ว ช่องเขาแห่งนี้ยังเป็นจุดรับพลังที่เป็นที่นิยมที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย

น้ำตกมานาอิที่ช่องเขาทาคาจิโฮะเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ได้รับเลือกให้เป็นน้ำตกที่งดงามที่สุด 100 แห่งของญี่ปุ่น โดยสายน้ำที่ไหลหลั่งออกมาจากหน้าผาซึ่งปกคลุมด้วยต้นไม้สูงใหญ่ นับว่าเป็นไฮไลต์ของที่นี่เลยทีเดียว อีกทั้งเป็นทิวทัศน์ที่งดงามศักดิ์สิทธิ์เหมาะกับตำนานเทพเจ้าอย่างยิ่ง

ที่ช่องเขาทาคาจิโฮะ ทุกคนสามารถเช่าเรือพายไปจนถึงใต้น้ำตกมานาอิได้ เมื่อพายเรือผ่านส่วนแคบของช่องเขาไปแล้ว ทุกคนจะสามารถชมน้ำตกที่มีความสูงราว 17 เมตรได้จากระยะประชิด ฉะนั้นจึงขอเชิญทุกคนมาลองสัมผัสพลังอันงดงามและยิ่งใหญ่ของน้ำตกมานาอิด้วยตัวเองกันดูนะคะ!

ไม่ไกลจากหน้าผาของช่องเขาทาคาจิโฮะ ยังมีบึงโอโนะโกโระที่มี “เกาะโอโนะโกโระ” ซึ่งปรากฏอยู่ในตำนานของเทพอิซานางิและเทพอิซานามิอยู่ด้วย เกาะแห่งนี้ว่ากันว่าเป็นเกาะที่เทพอิซานางิและเทพอิซานามิแต่งงานกันและในปัจจุบันก็ยังมีการจัดงานเฉลิมฉลองอยู่เรื่อยมา ช่องเขาทาคาจิโฮะที่เปี่ยมด้วยบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์นี้จึงเป็นหนึ่งในจุดรับพลังที่ขอบอกว่าพลาดไม่ได้จริงๆ!

ช่องเขาทาคาจิโฮะ

ที่อยู่ Mukoyama, Takachiho, Nishiusuki District, Miyazaki 882-1103, Japan การเดินทาง นั่งรถบัสจากสถานี JR Kumamoto (3 ชั่วโมง) หรือ JR Nobeoka (1 ชั่วโมงครึ่ง) มาลงที่ป้าย Takachiho

6. ภูเขาอาโสะ จังหวัดคุมาโมโตะ

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

ภูเขาอาโสะ (阿蘇山) คือภูเขาไฟที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือภูมิภาคอาโสะของจังหวัดคุมาโมโตะ ภูเขาไฟแห่งนี้มีแอ่งยุบปากปล่องที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก อีกทั้งยังมีจุดรับพลังที่แข็งกล้ากระจัดกระจายอยู่มากมายเหนือรอยเลื่อนที่มีความยาวที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็นจุดรับพลังที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่ง

ทุกคนอาจรู้จักภูเขาอาโสะรวมๆ ในชื่อ “ภูเขาอาโสะ” แต่ความจริงแล้วชื่อภูเขาอาโสะยังหมายรวมถึงพื้นที่บริเวณกว้างไม่ว่าจะเป็นยอดเขาทั้งห้าแห่งอาโสะ แอ่งกระจาด หรือที่ราบปากปล่องอีกด้วย ภูเขาไฟอาโสะที่ยังคุกรุ่นอยู่ทำให้พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แค่ได้ไปยืนอยู่ก็สามารถรับพลังอันยิ่งใหญ่ของผืนแผ่นดินได้แล้ว

เมื่อพูดถึงภูเขาอาโสะ หลายคนอาจนึกถึงยอดเขานากะดาเกะก่อน ยอดเขาที่ตั้งอยู่บริเวณปากปล่องภูเขาไฟนี้มีทะเลสาบที่เกิดจากน้ำฝนและตาน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน เมื่อน้ำในทะเลสาบได้รับความร้อนจากแมกมาของภูเขาไฟแล้ว อุณหภูมิน้ำสามารถสูงถึง 90 องศาเลยทีเดียว นอกจากนี้ ปริมาณแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ในน้ำยังทำให้น้ำมีสีเขียวมรกตและเป็นประกายอย่างน่าตื่นตาตื่นใจอีกด้วย ในประเทศญี่ปุ่นมีภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่ผู้คนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมถึงปากปล่องได้ไม่มากนัก ที่นี่จึงเป็นไม่กี่ที่ที่ทุกคนสามารถเข้าไปรับพลังความร้อนจากโลกของเราได้โดยตรง

ภูเขาอาโสะ

ที่อยู่ Takawara, Aso, Kumamoto 869-2223, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Aso นั่งรถบัสมาลงป้าย Asosanjo Terminal

7. เกาะยาคุชิมะ จังหวัดคาโกชิมะ

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

เกาะยาคุชิมะ (屋久島) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดคาโกชิมะ เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่ยังมีพืชพรรณโบราณหลงเหลืออยู่มากมาย โดยในปี 1993 เกาะยาคุชิมะที่มีพืชพรรณล้ำค่าอยู่เป็นจำนวนมากก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และป่าลึกลับที่ปราศจากสัมผัสของมนุษย์แห่งนี้ยังเป็นจุดรับพลังที่ผู้คนมากมายเดินทางมาเพื่อเยียวยาจิตใจด้วย

ช่องเขาชิราทานิอุนซุยคือสวนป่าซึ่งตั้งอยู่บริเวณต้นน้ำของแม่น้ำชิราทานิ ในสวนป่าแห่งนี้มีเส้นทางชมธรรมชาติให้ทุกคนได้เดินชมความงามของป่าที่ปกคลุมด้วยมอส อีกทั้งระหว่างทางยังมีต้นสนยาคุซุงิโบราณ และผืนป่าที่ว่ากันว่าเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้กำกับฮายาโอะ มิยาซากิในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “เจ้าหญิงโมโนโนะเกะ” อีกด้วย โดยในปัจจุบัน ผืนป่าดังกล่าวก็ถูกเรียกว่า “ป่าเจ้าหญิงโมโนโนะเกะ” ตามชื่อภาพยนตร์นั่นเอง หากทุกคนได้ลองเดินลึกเข้าไปในป่าและเงี่ยหูฟังเสียงธารน้ำไหลที่แว่วมา จิตใจของทุกคนจะต้องรู้สึกสดชื่นและได้รับการเยียวยาแน่ๆ

เมื่อเดินลึกเข้าไปจากช่องเขาชิราทานิอุนซุย ทุกคนจะได้พบกับหินก้อนยักษ์ที่เรียกว่า “หินไทโกะ” จากหินไทโกะทุกคนสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของยอดเขามิยาโนะอุระได้สุดลูกหูลูกตา ซึ่งเราบอกได้คำเดียวว่าเป็นทิวทัศน์ที่มหัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง หากพิจารณาความยากลำบากในการเข้ามาถึงแล้ว เป็นไปได้ว่าเดิมทีก้อนหินแห่งนี้ไม่ใช่จุดที่ให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชม แต่เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของผืนป่าแห่งนี้ต่างหาก

นอกจากนี้ ยังมีต้นสนโจมงซุงิที่เป็นจุดรับพลังที่พลาดไม่ได้อีกด้วย ว่ากันว่าต้นสนโจมงซุงิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะยาคุชิมะนั้น มีอายุมากกว่า 3000 ปีเลยทีเดียว เพียงได้ไปยืนอยู่ตรงหน้า ก็สามารถสัมผัสพลังจากสิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่มาแต่โบราณกาลนี้ได้ เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการมาเติมพลังหลังจากต้องเหน็ดเหนื่อยกับชีวิตในเมืองอย่างยิ่ง!

เกาะยาคุชิมะ

ที่อยู่ Yakushima, Kumage District, Kagoshima, Japan การเดินทาง จากจังหวัดคาโกชิมะ นั่งเครื่องบิน Japan Air Commuter 35 นาที หรือนั่งเรือ Ferry Yakushima 2 ประมาณ 4 ชั่วโมง

8. พระราชวังหลวง กรุงโตเกียว

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

พระราชวังหลวง (皇居) ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของปราสาทเอโดะ ย่อมเป็นหนึ่งในจุดรับพลังที่รวบรวมพลังของธรรมชาติเอาไว้ หากพิจารณาตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว พระราชวังหลวงยังตั้งอยู่บนทำเล ‘วังมังกร’ หรือทำเลที่มงคลที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย ในปัจจุบัน พื้นที่ของพระราชวังหลวงก็ยังอุดมไปด้วยพลังที่จะปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป

แม้ว่าพื้นที่เกือบทั้งหมดของพระราชวังหลวงจะเรียกได้ว่าเป็นจุดรับพลัง แต่จุดที่เราอยากแนะนำที่สุดและเป็นจุดที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้คือสวนตะวันออก (Higashi Gyoen) ที่เคยเป็นที่ตั้งของหอคอยป้อมชั้นในของปราสาทเอโดะและยังเป็นสวนที่ร่มรื่นกว้างขวาง ได้ชื่อว่าเป็นจุดที่อุดมไปด้วยพลังของธรรมชาติจุดหนึ่ง

สวนนิโนะมารุเป็นสวนซึ่งตั้งอยู่บนที่ตั้งเดิมของเขตพระราชฐานชั้นรองและชั้นนอกของปราสาทเอโดะ หลังได้รับการบูรณะแล้ว พื้นที่แห่งนี้ก็กลายเป็นสวนขนาดใหญ่สำหรับการเดินเล่นที่รวบรวมพืชพันธุ์จากทุกจังหวัดทั่วประเทศญี่ปุ่นเอาไว้ นอกจากนี้ สวนนิโนะมารุยังมีผืนป่าร่มรื่นกว้างขวาง เป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับการมาเดินเล่นพักผ่อน อีกทั้งยังมอบพลังฮีลใจให้กับผู้ที่มาเยี่ยมเยือนอีกด้วย

พระราชวังหลวง

ที่อยู่ 1-1 Chiyoda, Chiyoda City, Tokyo 100-8111, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Tokyo เดิน 6 นาที

9. ทะเลสาบมะชู จังหวัดฮอกไกโด

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

ทะเลสาบมะชู (摩周湖) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของฮอกไกโดคือทะเลสาบที่ก่อตัวขึ้นบริเวณหลุมยุบปากปล่องภูเขาไฟ เนื่องจากทะเลสาบแห่งนี้มักถูกปกคลุมด้วยสายหมอกอยู่เสมอ ทำให้มองเห็นผืนน้ำได้ไม่ชัดนัก ทะเลสาบแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า “ทะเลสาบสายหมอกมะชู” เป็นทะเลสาบที่เต็มไปด้วยความงามและความลี้ลับ

ทะเลสาบมะชูยังได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่มีความใสเป็นลำดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากทะเลสาบแห่งนี้ไม่ได้รับน้ำจากแม่น้ำสายไหน ทำให้น้ำในทะเลสาบปราศจากสิ่งปนเปื้อนและมีสีน้ำเงินเข้มเป็นเอกลักษณ์ จนถูกเรียกว่า “สีน้ำเงินมะชู” ที่ยังดึงดูดความสนใจจากผู้คนจนถึงทุกวันนี้ ใครได้มาเห็นผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มของทะเลสาบมะชูคงไม่พ้นรู้สึกเหมือนจะถูกดูดลงไปในผืนน้ำเสียให้ได้ และสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์คงทำให้หลายคนรู้สึกได้รับการเยียวยาจิตใจด้วยเหมือนกัน โดยสีของผืนน้ำจะต่างกันไปเล็กน้อยในแต่ละวัน เป็นความลี้ลับของธรรมชาติอย่างแท้จริง

ในภาษาไอนุ ทะเลสาบมะชูยังหมายถึง “ทะเลสาบของเทพแห่งภูเขา” โดยจุดที่ทุกคนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบได้ชัดเจนและรับพลังจากเทพแห่งภูเขาได้ดีเป็นพิเศษ คือจุดชมวิวอุระมะชู ที่อยู่ค่อนข้างต่ำและมีโอกาสเกิดหมอกน้อย เป็นโลเคชั่นลับที่ผู้คนมักมองข้ามเมื่อมาถึงทะเลสาบมะชู ผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มและความสงบนิ่งของทะเลสาบมะชูจะช่วยชำระล้างจิตใจของทุกคนได้แน่นอน

ทะเลสาบมะชู

ที่อยู่ Teshikaga, Kawakami District, Hokkaido, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Sapporo นั่งรถไฟ 4 ชั่วโมงครึ่งไปลงสถานี JR Kushiro จากนั้นต่อรถไฟสาย JR Semmo Main 1 ชั่วโมงครึ่งไปลง JR Teshikaga

10. บิเสะโนะวารุมิ จังหวัดโอกินาวะ

เกาะหลักโอกินาว่าเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่นักท่องเที่ยวมากมายหลั่งไหลไปเยี่ยมเยือนในประเทศญี่ปุ่น ในเขตบิเสะซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ ว่ากันว่ามีหาดทรายแห่งหนึ่งที่มีเทพเจ้าสถิตอยู่ หาดแห่งนั้นมีชื่อว่าบิเสะโนะวารุมิ (備瀬のワルミ) โดยหาดแห่งนี้เกิดจากหน้าผาหินสองฝั่งที่แยกออกจากกัน โดยคำว่า “วารุมิ” หมายถึง “หน้าผาหิน” ในภาษาท้องถิ่นนั่นเอง

เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก ใครแวะไปเยี่ยมเยือนก็อาจหลงทางกันบ้าง ฉะนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็น ‘โลเคชั่นลับ’ อย่างแท้จริง เดิมทีทุกคนอาศัยลัดเลาะถนนสายแคบไปจนสุดทางในช่วงน้ำลง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมาเส้นทางตรงนี้ก็ถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้า จึงนิยมพายเรือคายัคไปเยี่ยมชมกันแทน ซึ่งเมื่อไปถึงก็จะได้พบกับผืนฟ้าและผืนน้ำอันสงบนิ่งที่จะทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า

บิเสะโนวารุมิ

ที่อยู่ Motobu, Kunigami District, Okinawa 905-0207, Japan การเดินทาง จากเมืองนาฮะ นั่งรถบัสจากป้าย Kencho Mae ประมาณ 2 ชั่วโมงมาลงที่ป้าย Okinawa Churaumi Aquarium (Kinenkoen Mae) เดินประมาณ 10 นาทีจะถึงหมู่บ้านบิเสะ (หมุดในแผนที่ด้านล่าง) จากหมู่บ้านบิเสะ ใช้บริการเช่าเรือคายัคและไกด์เพื่อพายไปยังบิเสะโนะวารุมิได้

11. โขดหินห้าสี เกาะเซ็นซุยจิมะ จังหวัดฮิโรชิมะ

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

เมืองท่าโทโมโนะอุระ เมืองฟุคุยามะ จังหวัดฮิโรชิมะ เป็นสถานที่ที่มีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับซากาโมโตะ เรียวมะ จากท่าเรือโทโมโนะอุระแห่งนี้ ทุกคนสามารถนั่งเรือไปยังเกาะเซ็นซุยจิมะซึ่งมีธรรมชาติอันงดงามปราศจากสัมผัสของมนุษย์ได้

เกาะเล็กๆ แห่งนี้เป็นสถานที่เดียวในญี่ปุ่นที่ทุกคนสามารถชมโขดหินห้าสี (仙酔島 五色岩) สีฟ้า สีแดง สีเหลือง สีขาว และสีดำได้ในที่เดียว อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักในฐานะจุดรับพลังที่สามารถรับพลังอันเก่าแก่ของโลกใบนี้ได้อีกด้วย ทุกคนลองมาชมทิวทัศน์อันกร้าวแกร่งของผาหินที่ลัดเลาะชายฝั่งไปกว่าหนึ่งกิโลเมตรนี้ดูนะคะ!

โขดหินห้าสี

ที่อยู่ Ushiroji Tomocho, Fukuyama, Hiroshima 720-0202, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Fukuyama ออก South Exit นั่ง Tomotetsu Bus มาลงที่ Tomonoura (鞆の浦) จากนั้นขึ้นเรือโดยสารมาเกาะเซ็นซุยจิมะ เดินตามเส้นทางมาจะถึงโขดหินห้าสี

12. น้ำตกฟุคุโรดะ จังหวัดอิบารากิ

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

หากพูดถึงน้ำตกที่โด่งดังที่สุดสามแห่งของญี่ปุ่นแล้ว จะต้องมีน้ำตกเคะงน เมืองนิกโก จังหวัดโทจิงิ น้ำตกนะจิ เมืองคุมาโมโตะ จังหวัดคุมาโมโตะ และที่ที่เราจะแนะนำในวันนี้คือน้ำตกฟุคุโรดะ (袋田の滝) เมืองไดโกะ จังหวัดอิบารากินั่นเอง โดยน้ำตกแห่งนี้กล่าวได้ว่ามาชมหนึ่งครั้งยังไม่พอ เพราะไม่ว่าฤดูกาลไหนก็มีธรรมชาติอันสวยงามให้ดูชม จึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จากแทบทุกจังหวัดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว แม้ทิวทัศน์ของน้ำตกท่ามกลางใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วงจะงดงาม แต่ภาพของน้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็งไปทั้งสายในฤดูหนาวก็เป็นทิวทัศน์ที่น่าค้นหาจนยากจะบรรยาย

แต่นอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว น้ำตกฟุคุโรดะยังเป็นจุดรับพลังจุดหนึ่งอีกด้วย ความพิเศษของน้ำตกแห่งนี้คือระดับความสูง 120 เมตร ความกว้าง 73 เมตร และสายน้ำที่ไหลหลั่งลงมาเป็นสี่ชั้น โดยว่ากันว่าน้ำตกแห่งนี้ช่วยยับยั้งความรู้สึกในแง่ลบและอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน

นอกจากนี้ น้ำตกแห่งนี้ยังได้ชื่อว่าสามารถเยียวยาแผลใจได้อีกด้วย ฉะนั้นใครที่เพิ่งผิดหวังในรัก ใครที่อยากจะมูฟออนไปสู่รักใหม่ ก็สามารถมารักษาแผลใจที่น้ำตกแห่งนี้ได้เช่นกัน

น้ำตกฟุคุโรดะ

ที่อยู่ 3-19 Fukuroda, Daigo, Kuji District, Ibaraki 319-3523, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Fukuroda นั่งรถบัส/แท๊กซี่ 7-10 นาที

13. บึงชิโนบาสึ สวนสาธารณะอุเอโนะ กรุงโตเกียว

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

เมื่อลงรถไฟที่สถานี JR อุเอโนะและเดินออกมาอีกนิดหน่อย ทุกคนจะพบกับสวนสาธารณะอุเอโนะ สวนสาธารณะอันร่มรื่นที่จะทำให้ทุกคนลืมว่ากำลังอยู่ในมหานครอันวุ่นวายได้เลยทีเดียว แม้จะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในฐานะจุดรับพลังนัก แต่ความจริงแล้ว บึงชิโนบาสึ (不忍池) ที่ตั้งอยู่กลางสวนอุเอโนะก็เป็นจุดรับพลังจุดหนึ่งเหมือนกัน

บึงชิโนบาสึที่แผ่ขยายออกไปกลางสวนอุเอโนะคือพื้นที่อันเงียบสงบที่จะทำให้ทุกคนมีเวลาฮีลใจและลืมความว้าวุ่นของเมืองหลวงเป็นปลิดทิ้ง หากเดินสำรวจบริเวณรอบๆ บึงอีกสักหน่อย ทุกคนก็อาจพบเห็นภาพทิวทัศน์อันสงบสุขที่เริ่มเลือนหายไปจากชีวิตประจำวันของพวกเรา อย่างภาพบรรดาเด็กน้อยที่วิ่งเล่นกันอย่างสดใส หรือรถเข็นขายอาหารที่ตั้งเรียงรายราวกับงานวัด ที่บึงชิโนบาสึยังมีเรือพาย เรือถีบ และเรือเป็ด รวมทั้งสิ้นสามชนิดให้ทุกคนเช่า หากทุกคนได้ลองนั่งเรือรอบบึงชิโนบาสึช้าๆ ดูสักรอบ ทุกคนจะได้รู้สึกสดใสและลืมความเหนื่อยล้า ความว้าวุ่นของชีวิตประจำวันไปได้เป็นปลิดทิ้งแน่นอน

บึงชิโนบาสึ

ที่อยู่ 5-20 Uenokoen, Taito City, Tokyo 110-0007, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Ueno เดินเข้าสวนสาธารณะอุเอโนะเดิน 8-11 นาที

14. สวนชินจุกุเกียวเอ็น กรุงโตเกียว

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

พื้นที่สีเขียวที่ดูราวกับโอเอซิสกลางป่าคอนกรีตแห่งนี้คือ สวนชินจุกุเกียวเอ็น (新宿御苑) นับจากเปิดให้ผู้คนเยี่ยมชมในปี 1879 สวนชินจุกุเกียวเอ็นก็เป็นสถานที่ที่ผู้คนมากมายมาพักผ่อนหย่อนใจกันมากกว่า 100 ปีแล้ว ในปัจจุบัน สวนชินจุกุเกียวเอ็นยังได้รับการขนานนามว่าเป็นจุดรับพลังแห่งหนึ่งอีกด้วย

ภายในสวนแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น ทุกคนสามารถรับพลังจากธรรมชาติที่ยากจะสัมผัสได้ในเมืองหลวงอย่างเต็มที่ ปล่อยใจให้สบายไปกับธรรมชาติในสวน ชื่นชมทิวทัศน์ที่ผันเปลี่ยนไปตามฤดูกาลทั้งสี่ และปล่อยพลังงานลบในตัวเองออกไป เปิดพื้นที่ให้พลังงานจากแสงอาทิตย์เข้ามาเติมเต็มทุกคน นอกจากนี้ สวนชินจุกุเกียวเอ็นยังเป็นจุดรับพลังที่แทบจะเรียกได้ว่าถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยอีกด้วย เป็นจุดที่คู่ควรแก่การมาเดินเล่นอย่างยิ่ง

สวนชินจุกุเกียวเอ็น

ที่อยู่ 11 Naitomachi, Shinjuku City, Tokyo 160-0014, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Sendagaya เดิน 4 นาทีจะถึงทางเข้าสวน

15. ทะเลสาบบิวะ จังหวัดชิกะ

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

ทะเลสาบบิวะ (琵琶湖) ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่กว้างที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ทะเลสาบบิวะเป็นทะเลสาบโบราณที่ถือกำเนิดขึ้นราว 4 ล้านปีก่อน ครั้งหนึ่งทะเลสาบบิวะเคยตั้งอยู่ในบริเวณจังหวัดมิเอะ แต่หลังการเปลี่ยนรูปร่างทีละเล็กทีละน้อยตลอดช่วงเวลาหลายปี ก็กลายเป็นทะเลสาบบิวะอย่างที่เราเห็นในที่สุด โดยทะเลสาบบิวะไม่เพียงเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและสายธารชีวิตของจังหวัดชิกะเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการหล่อเลี้ยงเมืองอื่นๆ ในบริเวณโดยรอบอีกด้วย ทิวทัศน์ของสายน้ำที่ไหลเรื่อยมาโดยไร้การเปลี่ยนแปลง จะเป็นทิวทัศน์ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นและเย็นใจลงได้แน่นอน

Biwa Lake Spring

แต่ในบริเวณทะเลสาบบิวะเอง ยังมีจุดที่พลังงานกล้าแข็งเป็นพิเศษ นั่นคือเกาะจิคุบุที่ว่ากันว่าเป็นเกาะที่มีเทพเจ้าสถิตอยู่ ในสมัยโบราณ เกาะจิคุบุก็เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการเคารพบูชา ทุกคนเองก็ลองมารับพลังศักดิ์สิทธิ์ของท่านเทพกันให้ได้นะคะ

ทะเลสาบบิวะ

ที่อยู่ Shiga, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Otsu เดิน 10 นาที

16. ทุ่งเซ็นโจกาฮาระ จังหวัดโทจิงิ

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

ทุ่งเซ็นโจกาฮาระคือพื้นที่ชุ่มน้ำซึ่งตั้งอยู่ในเมืองนิกโก จังหวัดโทจิงิ แม้ชื่อทุ่งแห่งนี้จะแปลได้ว่า “ทุ่งสมรภูมิ” แต่ความจริงแล้ว ที่ตรงนี้ไม่เคยมีการต่อสู้เกิดขึ้นมาก่อนหรอกค่ะ ทุ่งแห่งนี้ได้ชื่อมาจากตำนานการต่อสู้ระหว่างเทพ “ฟุตาระ” (เทพงู) แห่งภูเขานันไต กับเทพ “อาคากิ” (เทพตะขาบ) แห่งภูเขาอาคากิเท่านั้น สถานที่ที่เล่าลือว่าเป็นสมรภูมิระหว่างเทพแห่งนี้ปัจจุบันถือเป็นจุดรับพลังแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมจากเส้นทางเดินป่าที่มีการจัดทำไว้อีกด้วย

นอกจากเป็นจุดรับพลังแล้ว บรรดาพืชพันธุ์และสิ่งมีชีวิตบนภูเขาสูงที่หาที่ไหนไม่ได้ยังเป็นเสน่ห์ที่น่าดูชมอีกอย่างของทุ่งเซ็นโจกาฮาระ และเนื่องจากทุ่งแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในอนุสัญญาแรมซาร์ (อนุสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ) ทุกคนจึงสามารถชื่นชมทิวทัศน์ที่แทบไม่ถูกแตะต้องโดยมนุษย์ได้

หากทุกคนได้ลองย่างก้าวไปบนเส้นทางเดินป่า ดื่มด่ำไปกับพลังของธรรมชาติอันล้ำลึก และลืมความวุ่นวายของชีวิตประจำวันไปให้หมดสิ้น จิตใจและร่างกายของทุกคนจะได้รับการเยียวยาอย่างแน่นอน

ทุ่งเซ็นโจกาฮาระ

ที่อยู่ Chugushi, Nikko, Tochigi 321-1661, Japan การเดินทาง จากสถานี JR Nikko นั่งรถบัส 65 นาทีมาลงป้าย Sambonmatsu (三本松) จากนั้นเดิน 1 นาที

17. ช่องเขาฮิวกามิ จังหวัดฟุกุโอกะ\

ช่องเขาฮิวกามิ (日向神峡) คือช่องเขาความยาวหกกิโลเมตรในบริเวณเขื่อนฮิวกามิ เมืองยาเมะ จังหวัดฟุกุโอกะ

ทุกคนสามารถมองเห็นหมู่หินรูปร่างแปลกตาที่ยื่นออกมาของช่องเขาฮิวกามิได้จากถนนสายหลักและบริเวณรอบทะเลสาบของเขื่อน โดยในช่วงฤดูใบไม้แดงและช่วงที่หิมะตกจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากเป็นพิเศษ ในบริเวณช่องเขาฮิวกามิยังมีจุดรับพลังที่เรียกว่า “เคย์โฮกิอิวะ” (หินเคย์โฮกิ) ซึ่งว่ากันว่าเกิดจากอาชาสวรรค์เตะผาหินของช่องเขาจนเป็นรู และยังมีตำนานว่าเทพเจ้าทั้งหลายเคยหลงใหลในความงามของช่องเขาฮิวกามิจนลงมาเที่ยวเล่นยังโลกมนุษย์อีกด้วย

สถานที่แนะนำอีกแห่งหนึ่งของช่องเขาฮิวกามิ คือจุดอธิษฐานเพิ่มดวงความรักอย่าง “หินหัวใจ” ซึ่งเป็นหมู่หินที่ก่อรูปร่างคล้ายหัวใจขึ้น โดยทุกคนสามารถชมหินหัวใจได้จากสองจุด

หนึ่งคือจุดแวะพักที่มีป้ายเขียนว่า “絶景ビューポイント” ซึ่งทุกท่านสามารถมายังจุดชมวิวแห่งนี้ได้ตามป้ายนำทางของเขื่อนฮิวกามิ และในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ทุกคนสามารถชมหินหัวใจพร้อมชมดอกซากุระไปพร้อมกัน อีกที่หนึ่งที่พวกเราอยากแนะนำ คือ “สะพานเคย์โฮกิ” ที่ตรงนี้มีระฆังที่ช่วยให้สมหวังในรักชื่อว่า “ระฆังแห่งความสุข” ตั้งอยู่ด้วย หลังลั่นระฆังแล้ว จะบอกความรู้สึกที่ผ่านมาต่อกันหรือถ้าเป็นใครที่เพิ่งอกหักรักคุดมา จะระบายความผิดหวังออกมาให้หมดปอดเลยก็ได้

ช่องเขาฮิวกามิ

ที่อยู่ Yabemura Kitayabe, Yame, Fukuoka 834-1401, Japan การเดินทาง จาก Yame IC ของ Kyushu Expressway ขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง

18. ภูเขาสึคุบะ จังหวัดอิบารากิ

ที่เที่ยว ญี่ปุ่น ธรรมชาติ

ขณะที่เมืองสึคุบะกำลังมุ่งหน้าสู่โลกสมัยใหม่อย่างต่อเนื่องภูเขาสึคุบะ (筑波山) ยังคงเก็บรักษาอดีตอันเก่าแก่ของเมืองสึคุบะเอาไว้

ความจริงแล้ว ภูเขาสึคุบะและศาลเจ้าภูเขาสึคุบะได้รับการเคารพบูชาในฐานะภูเขาของเทพเจ้ามาเป็นเวลาช้านาน กล่าวได้ว่าเป็นจุดหมายยอดนิยมที่มีตำนานและเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์มากมาย อีกทั้งยังเป็นภูเขาที่เป็นที่ชื่นชอบของบรรดานักปีนเขา และเป็นจุดรับพลังที่ผู้คนมากมายแวะเวียนมาเยี่ยมอีกด้วย

ที่ภูเขาสึคุบะ มีต้นสนยักษ์อายุมากกว่า 800 ปี ที่นอกจากเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นจุดรับพลังอีกแห่งหนึ่ง

แม้ว่าโดยปกติการแตะต้องต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จะเป็นเรื่องที่ไม่สมควร แต่ว่าที่ภูเขาสึคุบะทุกคนสามารถไปสัมผัสกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ ฉะนั้น ทุกคนลองไปสัมผัสพลังชีวิตของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุกว่า 800 ปีด้วยมือของตัวเองกันเถอะ

ว่ากันว่า “มามิยะ รินโซ” ผู้ค้นพบช่องแคบมามิยะ (หรือช่องแคบทาร์ทารีในภาษาอังกฤษ) ได้มาอธิษฐานให้เดินทางปลอดภัยกับหินที่เรียกกันว่าหินศักดิ์สิทธิ์ของภูเขาสึคุบะในเวลานั้น ซึ่งหลังจากนั้น มามิยะ รินโซก็ได้ค้นพบช่องแคบมามิยะและประสบความสำเร็จในชีวิต หินดังกล่าวจึงถูกเรียกว่า “หินริชชิน” (หรือ “หินตั้งตัว”) เป็นต้นมา และในปัจจุบันหินริชชินก็เป็นจุดรับพลังที่ขึ้นชื่อเรื่องความสำเร็จในหน้าที่การงานที่นักเดินทางมักแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนกัน

เมื่อเดินตามเส้นทางขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ทุกคนจะได้พบกับหินประหลาดที่ยื่นออกมา ตรงนี้คือจุดรับพลังที่มีชื่อเสียงของภูเขาสึคุบะ ชื่อว่า “เบ็งเคย์นานะโมโดริ” (เบ็งเคย์ไปกลับเจ็ดครั้ง) ที่ว่ากันว่า เบ็งเคย์ซึ่งเป็นข้ารับใช้ผู้แกล้วกล้าของมินาโมโตะ โนะ โยชิสึเนะเห็นหินที่ทำท่าเหมือนจะร่วงหล่นลงมานี้ ก็เกิดหวั่นกลัวจนเดินไปๆ กลับๆ ถึงเจ็ดครั้ง นอกจากนี้ จุดนี้ยังเป็นจุดที่ว่ากันว่าเป็นเส้นแบ่งระหว่างโลกมนุษย์และเขตแดนศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย หากเดินลอดไปก็จะรู้สึกสดชื่นเหมือนได้ชำระความมัวหมองออกไปจากจิตใจ ใครได้มาเยือนภูเขาสึคุบะ ก็มาเดินลอดหินก้อนนี้กันให้ได้นะคะ!

ภูเขาสึคุบะ

ที่อยู่ Tsukuba, Ibaraki 300-4352, Japan การเดินทาง จากสถานี Akihabara นั่งรถไฟ Tsukuba Express ประมาณ 45 นาทีไปลงสถานี Tsukuba (つくば駅) หรือ จากสถานี JR Ueno นั่งรถไฟด่วน 45 นาทีไปลงสถานี Tsuchiura

19. ช่องเขาคู่รัก จังหวัดโทคุชิมะ

ช่องเขาคู่รัก (恋人峠) เมืองมิมะ จังหวัดโทคุชิมะเป็นจุดรับพลังแห่งรักที่ตั้งอยู่ข้างทางหลวงซึ่งลัดเลาะผ่านภูเขา ว่ากันว่าหากนำแม่กุญแจไปคล้องยังรั้วของช่องเขาแห่งนี้ก็จะสมหวังในความรัก เป็นจุดหมายที่คู่รักมากมายจากทั่วประเทศแวะเวียนมาเยี่ยมกัน

ใกล้ๆ กันนั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติกอย่าง “สะพานคู่รัก” และระฆังอินฟินี่อีกด้วย

ช่องเขาแห่งนี้ยังเป็นฉากหลังของความรักอันน่าเศร้าระหว่างเจ้าชายกับเจ้าหญิงตระกูลเฮย์เกะ โดยว่ากันว่านี่เป็นจุดที่เจ้าชายแห่งตระกูลเฮย์เกะผู้พ่ายแพ้ในสงคราม ต้องพรากจากเจ้าหญิงที่หนีตามมาของเขา ในปัจจุบัน ช่องเขาแห่งนี้เป็นจุดรับพลังที่คู่รักมากมายมาเพื่อสาบานรักนิรันดร์ต่อกัน
ทุกท่านไม่อยากลองมาสัมผัสพลังแห่งรักยังหุบเขาลึกแห่งนี้กันบ้างหรือคะ?

ช่องเขาคู่รัก จังหวัดโทคุชิมะ

ที่อยู่ Anabukicho Kuchiyama, Mima, Tokushima 777-0006, Japan การเดินทาง จาก Wakimachi IC ของ Tokushima Expressway ขับรถประมาณ 20 นาที

20. ร้านโซบะมิยูริ ยูซุยอัน จังหวัดโทจิงิ

View this post on Instagram

A post shared by 野田 愛実 (@maatan09)

หลายคนเห็นแล้วอาจสงสัย “นี่เราไปรับพลังที่ร้านโซบะได้ด้วยเรอะ?” แต่ว่า ทุกคนเข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ ร้าน “มิยูริ ยูซุยอัน” ที่เมืองนิกโก จังหวัดโทจิงิ เป็นร้านโซบะจริงๆ

โซบะของร้านนี้ถูกตระเตรียมโดยน้ำแร่ธรรมชาติที่ไหลผ่านในท้องที่ ทำให้มัดใจคนมาแล้วไม่ว่าจะคนในท้องที่หรือนักเดินทางจากทั่วประเทศ
แต่ว่า นอกจากคนที่มาที่นี่เพื่อชิมโซบะแสนอร่อยแล้ว ที่นี่ยังดึงดูดคนที่หวังมารับพลังจากจุดรับพลังอีกด้วย

ร้านมิยูริ ยูซุยอันใช้น้ำแร่ธรรมชาติจาก “หินตาน้ำอาชิซาวะ” เป็นน้ำแร่ธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายใต้ธรรมชาติอันแสนพิเศษ

สาเหตุหนึ่งมาจากสนามแม่เหล็กที่ล้อมรอบบริเวณนี้อยู่ โดยสนามแม่เหล็กในบริเวณนี้มีแรงดูดมากกว่า 5000 เกาส์ ทำให้แม่เหล็กไม่สามารถทำงานได้ในบริเวณนี้ สนามแม่เหล็กอันทรงพลังนี้มีประโยชน์ต่อพวกเราอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาไหล่ที่ปวดเมื่อย หรือช่วยลดอาการขี้หนาวด้วยการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ การดื่มน้ำที่มีพลังแม่เหล็กยังช่วยชะลอวัยด้วยการกำจัดสารอนุมูลอิสระที่กระตุ้นการสูงอายุ หมายความว่านอกจากจะได้รับประทานโซบะอร่อยๆ แล้ว ทุกคนยังจะได้รับพลังดีๆ เข้าร่างกายอีกด้วย หากใครมีโอกาสมาที่จังหวัดโทจิงิ ก็แวะมารับประทานกันให้ได้นะคะ

ร้านโซบะมิยูริ ยูซุยอัน ที่อยู่ 345 Serisawa, Nikko, Tochigi 321-2804 การเดินทาง จากสถานี Nakamiyori-Onsen นั่งรถแท๊กซี่ 6 นาที

ไปชาร์จพลังกับจุดรับพลังทั่วญี่ปุ่นกันเถอะ!

พวกเราก็ได้แนะนำจุดรับพลังหรือพาวเวอร์สป็อตทั่วประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว

แม้เราจะเรียกรวมๆ ว่า ‘จุดรับพลัง’ แต่ถึงกระนั้น จุดรับพลังก็มีหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันเข้มข้น หรือสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการเยียวยา

ฉะนั้นทุกคนสามารถเลือกแวะไปเยี่ยมเยือนจุดรับพลังต่างๆ เหล่านี้ได้ ตามสภาพกายและใจของตัวเองกันเลยนะคะ

สรุปเนื้อหาจาก Tripa
ผู้เขียน Laventeli

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...