โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ : เมารถ เมาเรือ ป้องกันได้

แนวหน้า

เผยแพร่ 19 พ.ค. 2567 เวลา 17.00 น.

การเดินทางขึ้นรถ ลงเรือ (รวมถึงเครื่องบิน) ไปเหนือล่องใต้ ทำให้ผู้เดินทางสนุกสนาน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางเพื่อพักผ่อนและท่องเที่ยว ทำให้พบเจอผู้คน ประสบการณ์ใหม่ๆ และทำให้ชีวิตมีสีสัน เพราะได้อยู่ในสถานที่ซึ่งแตกต่างไปจากการอยู่อาศัยตามปกติประจำวัน

แต่การเดินทางที่ราบรื่นก็ทำให้ผู้เดินทางสนุกสนาน แต่ก็มีบางคนเมื่อต้องเดินทางไกลๆ แล้วต้องเจอะเจอปัญหาเมารถ เมาเรือ บางคนเมาจนกลัวการเดินทางไกล แล้วบอกว่าขออยู่กับบ้านดีกว่า เพราะเดินทางไกลทุกครั้งก็ป่วยทุกครั้ง

อาการเมารถ เมาเรือ (Motion Sickness) เกิดจากความไม่สอดคล้องระหว่างข้อมูลทางประสาทสัมผัสที่สมองได้รับจากหูชั้นใน ซึ่งรับรู้การเคลื่อนไหว กับตาที่มองเห็นสภาพโดยรอบ รวมถึงส่วนอื่นๆ ของร่างกาย อาการเมาแบบนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อเดินทางด้วยรถ เรือ และเครื่องบิน บางรายเกิดอาการได้ เมื่อเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกที่มีการหมุนเหวี่ยง หรือเคลื่อนที่เร็วมากๆ

อาการที่เกิดคือ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ปวดหัวเหงื่อแตก น้ำลายไหล หายใจติดขัด หน้าซีด เป็นต้น แต่อาการเมารถ เมาเรือนั้น ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า ทำไมบางคนเป็น แล้วบางคนไม่เป็น แต่มีการรวบรวมข้อมูลและทราบถึงปัจจัยเสี่ยงขั้นต้นได้แก่ เด็กช่วงอายุ 2-12 ปี มักมีอาการเมารถเมาเรือได้ง่าย ผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน หรืออยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือรับประทานยาฮอร์โมน จะมีอาการเมารถ เมาเรือได้ง่ายกว่าปกติ ปัจจัยเสี่ยงอีกข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือข้อมูลทางกรรมพันธุ์ คนที่มีญาติสายตรงมีอาการเมารถ เมาเรือ จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป

คนที่เคยเมารถ เมาเรือ ต้องกังวลใจก่อนการเดินทางทุกครั้ง แต่จริงๆ แล้ว เราสามารถลดความเสี่ยงการเกิดการเมารถ เมาเรือได้ด้วยเทคนิคดังต่อไปนี้ คือพักผ่อนให้เพียงพอก่อนการเดินทาง หากพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เกิดอาการได้ง่าย และรุนแรงขึ้น ในกรณีการเดินทางโดยรถขอเลือกที่นั่งด้านหน้า ส่วนการเดินทางโดยเครื่องบินให้เลือกที่นั่งบริเวณปีก และเลือกที่นั่งริมหน้าต่างเพื่อสามารถมองออกไปข้างนอกได้ แล้วดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารมื้อเล็กๆ จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกาเฟอีน แล้วใช้เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจ โฟกัสอยู่กับลมหายใจเข้า-ออก หรือฟังเพลง และใช้การบำบัดด้วยกลิ่นหอม เช่น การดมยาดม หรือใช้น้ำมันหอมระเหย สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการเมารถ เมาเรือได้ หรือใช้การอมยาอมก็ช่วยได้เช่นกัน

สำหรับคนที่มักจะมีอาการเมารถ เมาเรืออยู่แล้ว หรือเมื่อเป็นแล้วมีอาการรุนแรง ก็มียาที่ใช้เพื่อป้องกัน และบรรเทาอาการได้ ตัวยาที่นิยมใช้มากที่สุดคือ dimenhydrinate ชนิดเม็ดขนาดเม็ดละ 50 มิลลิกรัม ซึ่งมีชื่อการค้ามากมาย ยานี้เป็นยาต้านฮิสตามีน ออกฤทธิ์ต้านอาการเมารถ เมาเรือ โดยมีผลยับยั้งอาการวิงเวียน คลื่นไส้ ที่เกิดจากอาการเมารถ เมาเรือได้ หากทราบว่าเป็นคนเมารถเมาเรืออยู่ก่อนแล้ว ควรกินยานี้ 1 เม็ด ก่อนออกเดินทางประมาณ ½ ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยาดูดซึม และออกฤทธิ์ได้ทันเวลา และเมื่อเริ่มจะเกิดอาการอีกก็สามารถกินซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดสูงสุดต่อวันที่รับประทานได้คือ 400 มิลลิกรัม หรือไม่เกิน 8 เม็ดต่อวันส่วนอาการข้างเคียงหลังใช้ยาที่พบบ่อยคือ ปากแห้ง ตาพร่า ง่วงนอน วิงเวียน อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงที่กล่าวมานี้ ก็ถือว่าไม่รุนแรง เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ยาช่วยลดอาการเมารถ เมาเรือ เพราะยาจะทำให้การเดินทางราบรื่นมากขึ้น

นอกจาก dimenhydrinate แล้ว อาจจะมีผู้สงสัยว่าแล้วยาที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนตัวอื่น เช่น domperidone ใช้ได้ไหม เพราะยา domperidone ออกฤทธิ์บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนที่ทางเดินอาหารเป็นหลัก อาจช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ แต่อาการอื่นๆ จากการเมารถ เมาเรือ เกิดที่สมองและหูชั้นใน domperidone จึงไม่สามารถช่วยได้ดีเหมือนกับ dimenhydrinate

อาการเมารถ เมาเรือ เป็นเรื่องทรมานของใครหลายคน แต่สามารถป้องกัน และลดอาการรุนแรงได้ เพียงแต่ต้องอาศัยการใช้ยาเพื่อป้องกันอาการเมาล่วงหน้า โดยกินยาก่อนออกเดินทางประมาณ 30 นาที แต่หากมีอาการเมามาก กินยาเพียงหนึ่งชนิด แล้วยังไม่หายเมารถ เมาเรือ แนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรเพิ่มเติม

รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม และ รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...