โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รวมเรื่องเล่าจากในวังกับ 'พระอารมณ์ขัน' ของในหลวงรัชกาลที่ 9 #คิดถึงพ่อ

SistaCafe

อัพเดต 19 ต.ค. 2560 เวลา 11.20 น. • เผยแพร่ 16 ต.ค. 2560 เวลา 07.40 น. • Pearrisa

วนกลับมาอีกครั้งแล้วนะคะกับเดือนตุลาคม เดือนแห่งความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของพสกนิกรชาวไทย
เชื่อว่าหลายๆ คนคงอดที่จะคิดถึง ' พ่อ 'ของแผ่นดินกันไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ท่านทรงงานอย่างหนักมาตลอดระยะเวลา 70 ปี เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรือง
ให้เกิดกับประเทศไทย
ในวันนี้เราจึงรวบรวม ' เรื่องเล่าจากในวังกับพระอารมณ์ขันของในหลวงรัชกาลที่ 9 '
ที่น้อยคนนักจะทราบว่า พระองค์ท่านทรงเป็นกษัตรย์ที่ไม่ถือพระองค์และมีพระเมตตาอันมากล้นต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า #เอาไว้อ่านกันในวันที่คิดถึงพ่อ

   

ตอน มิกกี้เมาส์

เมื่อครั้ง ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุุ่น เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ พอพระองค์ท่านทราบเรื่องแล้วจึงตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า " ไปบอกเขานะ เราไม่ใช่มิกกี้เมาส์ "
ที่มาของเรื่อง :หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน พระหมด

ครั้งหนึ่งขณะที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร พระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว แต่มีราษฎรผู้หนึ่งยังไม่ได้รับ จึงกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า " ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์ " ในหลวงทรงตรัสว่า " ขอเดชะ พระหมดแล้ว "
ที่มาของเรื่อง : หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน เป็นหมอ

ครั้งหนึ่งได้มีพิธีการถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์ทางนิติศาสตร์ พระองค์ทรงรับสั่งกับมหาดเล็กใกล้ชิดว่า " ฉันได้เป็นหมอความแล้ว " ต่อมาเมื่อมีการถวายปริญญาทางดิน ก็รับสั่งว่า" ตอนนี้เราเป็นหมอดินแล้ว " ไม่นานก็มีการถวายปริญญาทางดนตรีอีก จึ่งรับสั่งอีกว่า" ในตอนนี้เราเป็นหมอลำ "
ที่มาของเรื่อง : หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน ทรงพระครรภ์

ครั้งหนึ่งเมื่อหลายๆ ปีมาแล้ว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนัง แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญราชาศัพท์ ก็กราบบังคมทูลว่า " เอ้อ… ทรง… อ้า… ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ " พระองค์ก็ทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า " ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่ จะท้องได้ยังไง " แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่าหมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า " เอ้า… พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ " เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการเป็นภาษาอังกฤษไป
ที่มาของเรื่อง :หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน ให้เป็นช่าง

มีเรื่องนึงเคยฟังจากผู้ใหญ่มานานแล้ว มีช่างไปทำฝ้าเพดานในวังคนนึงกำลังยืนบนบันได ส่วนหัวอยู่ใต้ฝ้า อีกคนคอยจับบันไดอยู่ด้านล่าง พอดี ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จมา คนอยู่ข้างล่างเห็นในหลวงก็ก้มลงกราบ คนอยู่ด้านบนไม่เห็นก็บอกว่า " เฮ้ย จับดีๆ หน่อยสิ อย่าให้แกว่ง   " ในหลวงก็ทรงจับบันได้ให้ เขาก็บอกว่า " เออ ดีๆ เสร็จงานนี้จะให้เป็นช่างจริง " ( สงสัยคงจะเพิ่งเข้ามาทำงาน ยังไม่ผ่านโปร ) พอเสร็จก็ก้าวลง พอเห็นว่าในหลวงเป็นคนจับบันได้ให้ ถึงกับเข่าอ่อน จะตกบันได รีบลงมาก้มกราบ ในหลวงทรงตรัสกับช่างว่า
" แหม ดีนะที่ชมว่าใช้ได้ แถมจะปรับตำแหน่งให้เป็นช่างอีกด้วย "
ที่มาของเรื่อง :หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน คล่องราชาศัพท์

ครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายต่างก็แปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้ดีอย่างน่าฉงนของราษฎรผู้นั้น เมื่อ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า " ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวน พระพุทธเจ้าข้า "มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่าเป็นนกอะไรและมีกี่ตัว พ่อลิเกเก่าก็กราบบังคมทูลว่า " มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวที่ยังเล็กตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งพระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว "เรื่องนี้ ดร. สุเมร เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะ ไม่ยกเว้นแม้แต่ในหลวง…
ที่มาของเรื่อง :หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน ถวายพระเพลิง

มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุยทรงจะสูบมวนพระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมกับทูลว่า " ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า " ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงชะงักก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า " เรายังไม่ตาย ถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก "
ที่มาของเรื่อง : หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน คนในแบงค์

มีอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ยินมา เมื่อคราวที่ ทูลกระหม่อมหญิงจุฬาภรณ์ ประทับที่โรงพยาบาลศิริราช ช่วงเช้าตรู่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พยาบาลที่ถวายงานอยู่จึงไปรับสาย ก็มีเสียงปลายทางพูดว่า " ขอสายฟ้าหญิง " พยาบาลที่รับสายจึงถามกลับไปว่า " ขอประทานโทษค่ะ ใครจะเรียนสายด้วยคะ " " บอกเขาว่าคนในแบงค์โทรมา "อีกฝ่ายตอบกลับมา พยาบาลถามกลับไปว่า " ธนาคารไหนคะ " และคิดในใจว่าเช้าอย่างนี้โทรมาเรื่องอะไร แต่พอกลับมานั่งทบทวนว่า ' คนในแบงค์โทรมา ' ถึงกับตื่นเต้นตกใจขนลุกขนพองเพราะคนในแบงค์ก็คือในหลวงนั่นเอง
ที่มาของเรื่อง :**หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน ชื่อเดียวกัน

ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ เคยเล่าให้ฟังว่า ด้วยพระบุญญาธิการและพระบารมีในพระองค์นั้นมากล้น จนบางคนถึงกับไม่อาจระงับอาการกิริยาประหม่า ยามกราบบังคมทูลจึงมีผิดพลาดเสมอ แม้จะซักซ้อมมาเป็นอย่างดีก็ตาม ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงานว่า" ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า พลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลถวายรายงาน ฯลฯ " เมื่อคำกราบบังคมทูลจบ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงแย้มพระสรวลอย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า " เออดี เราชื่อเดียวกัน " ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิตดาลัย เพราะผู้กราบยังคมทูลรายงานตื่นเต้น จนกระทั่งจำชื่อตนเองไม่ได้
ที่มาของเรื่อง : หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน FBI

ครั้งหนึ่งที่ได้พระราชทานสัมภาษณ์แก่ผู้แทนของนิตยสาร Look พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้รับสั่งว่า " เมื่อครั้งประธานาธิบดีของท่านเสด็จมาเยือนประเทศไทย มีพวก FBI และหน่วย รปภ. ห้อมล้อมกันหนาแน่นไปหมดจนหาทางเดินไม่ได้ ถ้าฉันทำเช่นนั้นก็ไม่สามารถใกล้ชิดประชาชนได้ ถ้าผู้คนเบียดกันเข้ามาใกล้เกินไปจะมีคุณยายพูดขึ้นว่า ' หลีกทางให้ในหลวงหน่อยเถอะ ' คุณยายนั่นแหละคือ FBI ของฉัน "
*ที่มาของเรื่อง : หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต*

  

ตอน กี่กิโล

เรื่องพระราชอารมณ์ขันนี้ ม.ล.ปิ่น มาลากุล เคยเล่าให้ฟังว่า ที่มหาวิทยาลัยประสานมิตรปีหนึ่ง เมื่อพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จแล้ว มีพระราชดำรัสแก่ ม.ล.ปิ่น ว่า " วันนี้ฉันได้ให้ปริญญาบัตรไปกี่กิโล " ม.ล.ปิ่น มาลากุล อึกอักจนด้วยเกล้าฯ เพราะมิได้ให้ปลัดกระทรวงหรืออธิการบดีชั่งน้ำหนักไว้ก่อนเพื่อกราบบังคมทูล แต่ในปีต่อมาในโอกาสเช่นเดียวกัน อธิการบดีของมหาวิทยาลัยได้เตรียมพร้อมชั่งน้ำหนักใบปริญญาบัตรจำนวนทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้วล่วงหน้า ม.ล.ปิ่น มาลากุล จึงกราบทูลเสียงดังว่า " วันนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานปริญญาบัตรไปจำนวนทั้งหมด 230 กิโลกรัม "  ในทันทีนั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็มีพระราชดำรัสถาม ม.ล.ปิ่น ว่า " ฉันจะต้องได้อาหารสักกี่แคลอรี่ จึงจะพอชดเชยกับแรงงานที่ได้เสียไป "
ที่มาของเรื่อง :หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

  

ตอน ไม่เสวยปลานิล

ต้องไม่ลืมว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่โปรดเสวยปลานิล ทุกครั้งที่มีผู้นำปลานิลไปตั้งเครื่องเสวย จะโบกพระหัตถ์ให้ย้ายไปไว้ที่อื่น โดยไม่รับสั่งอะไรเลย จนวันหนึ่งมีผู้กล้าหาญชาญชัยกราบบังคมทูลถามว่า " เพราะเหตุใดจึงไม่โปรดเสวยปลานิล " มีกระแสรับสั่งว่า " ก็เลี้ยงมันมาเหมือนลูกแล้วจะกินมันได้อย่างไร "
ที่มาของเรื่อง : หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน ไปไหมเสี่ย

เมื่อสมัยก่อนเสด็จแปรพระราชฐานไปยังหัวหิน มักจะเสด็จออกไปยังตลาดหัวหินบ่อยครั้ง และบางครั้งก็เสด็จโดยลำพังด้วยพระองค์เอง มีครั้งหนึ่งระหว่างจะเสด็จกลับ ซาเล้งที่ตลาดทูลถามว่า " ไปไหมเสี่ย " ปรากฏว่า ' เสี่ย ' พระองค์นี้สนพระทัยก็ตรัสจ้างไปยังพระราชวังไกลกังวล โดยที่ซาเล้งคนนั้นไม่รู้นึกว่าเป็นข้าราชการ แต่พอถึงหน้าพระราชวังทหารสั่งวันทยาวุธเท่านั้นแหละ ซาเล้งถึงรู้ว่า' เสี่ย ' ที่มาส่งน่ะเป็นใคร
ที่มาของเรื่อง : หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน ญาติกับฉัน

ครั้งหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทางทะเล ระหว่างทางผ่านเกาะช้าง ทรงถามข้าราชการท้องถิ่นคนหนึ่งว่า " เกาะนั้นชื่ออะไร " ข้าราชการทูลตอบว่า " เกาะนั้นทรงพระนามว่า เกาะช้างพะย่ะค่ะ " พระองค์จึงตรัสว่า " ถ้างั้นก็เป็นญาติกับฉันน่ะสิ "
ที่มาของเรื่อง :หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต

   

ตอน ไม่มีบัตร

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดเสด็จพระราชดำเนินระยะไกลตามชายทะเลจากหน้าพระราชวังและเสด็จกลับมาในตอนเย็นๆ อยู่บ่อยๆ เมื่อเสด็จกลับถึงปรากฏว่าทหารนั้นไม่ให้พระองค์เข้า" ไม่ได้ครับ ไม่มีบัตรผ่านเข้าไม่ได้ " ทหารทูล " ขอโทษที ฉันไม่มีบัตร แต่เอาเป็นว่าตอนนี้เธอมีธนบัตรไหม " ทรงตอบ ทหารว่า" มีครับ ทำไมหรือ " ก็ทรงตรัสว่า " นั่นแหละบัตรของฉัน "
*ที่มาของเรื่อง : หนังสือพระราชอารมณ์ขันของท่านวิลาศ มณีวัต*

   

และทั้งหมดนี้ก็เป็น 15 เรื่องเล่าจากในวังเกี่ยวกับพระอารมณ์ขันของในหลวงรัชกาลที่ 9
ที่แฝงไปด้วยพระเมตตาต่อพสกนิกร ถึงแม้ว่าพระองค์ท่านจะทรงเสด็จสู่สวรรคาลัย
แต่คุณงามความดีของพระองค์จะยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของชาวไทยไปตลอดกาล

  

ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง https://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...