โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ใช้ AI แบบสกินแคร์พันล้าน 'MizuMi' ปั้น Virtual Character มัดใจ Gen Z

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 01 พ.ย. เวลา 17.41 น. • เผยแพร่ 02 พ.ย. เวลา 07.30 น.
วริษฐา สืบพันธ์วงษ์

มิซึมิ (MizuMi) แบรนด์สกินแคร์สัญชาติไทยอายุ 10 ปี ที่ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโต ทั้งในแง่ของการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Product : NPD) และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากได้เข้าไป “ตั้งไข่” วางรากฐานธุรกิจ พร้อมทำตลาดในเวียดนาม และมาเลเซียเป็นที่เรียบร้อย

จากการสำรวจข้อมูลบน Creden Data เพิ่มเติม พบว่าผลประกอบการ บริษัท มิซึฮาดะ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์ “มิซึมิ” ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยใน
ปี 2565 มีรายได้ 531 ล้านบาท เป็นกำไร 110 ล้านบาท ถัดมาในปี 2566 มีรายได้ 1,067 ล้านบาท กำไร 216 ล้านบาท และปี 2567 ที่ผ่านมา มีรายได้ 1,763 ล้านบาท กำไร 295 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เคล็ดลับที่ทำให้ “มิซึมิ” ประสบความสำเร็จ ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์สกินแคร์ Top of Mind ของใครหลาย ๆ คน ไม่ได้มีแค่ “สินค้า” ที่เติบโตด้วยพลัง Word of Mouth เท่านั้น แต่ยังได้มีการนำเทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการระบบหลังบ้าน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมอีกด้วย

MizuMi_กันแดด

ศึกษาตลาดก่อนลงมือ

ในงาน Bitkub Summit 2025 เมื่อเร็ว ๆ นี้ “หนุย-วริษฐา สืบพันธ์วงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท มิซึฮาดะ กรุ๊ป เป็นหนึ่งในวิทยากรที่ขึ้นบรรยายในหัวข้อ“Thai SMEs Reshape 2026 ทางรอด SMEs ไทย” พร้อมกับได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจของแบรนด์ “มิซึมิ” หลากหลายแง่มุม

เธอเล่าว่า หลังตัดสินใจว่าจะผันตัวจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนมาทำธุรกิจส่วนตัว ก็เลือกทำในสิ่งที่สนใจมากที่สุด คือ“สกินแคร์” เพราะพื้นฐานเป็นคนผิวแพ้ง่ายทำให้ชื่นชอบการศึกษาเกี่ยวกับงานวิจัย หรือส่วนผสมต่าง ๆ อยู่แล้ว และเชื่อว่าเป็นสิ่งที่สามารถอยู่ด้วยกันได้ทุกวันโดยไม่เบื่อ

“เคยทำงานในบริษัทคอร์ปอเรต หลังเรียนจบ ประมาณ 2 ปี แต่รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร เพราะเป็นคนชอบคิดนอกกรอบ และสร้าง
คอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ จนบางทีก็รู้สึกอึดอัดเวลาอยู่ในห้องประชุม จึงคิดว่าน่าจะเหมาะกับการทำอะไรของตนเองมากกว่า”

แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเองก็มีการทำการบ้าน และศึกษาตลาดก่อน จนพบว่าตลาดสกินแคร์ในขณะนั้น หรือเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน มีแต่แบรนด์ต่างชาติเป็นผู้เล่นหลัก และมีแบรนด์ไทยที่ดูเป็นมืออาชีพค่อนข้างน้อยมาก จึงตัดสินใจวางโพซิชั่นแบรนด์เป็น “Premium Mass” มีระดับราคาอยู่ที่ 300-500 บาท เป็นช่องว่างเล็ก ๆ ที่เหลืออยู่ระหว่างแบรนด์แมสกับเคาน์เตอร์แบรนด์

ในช่วงแรกของการปลุกปั้นแบรนด์มีสินค้าแค่ชนิดเดียว คือ “ครีมกันแดดหลอดฟ้า” ซึ่งถือเป็น Hero Product มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากมีงบประมาณจำกัดจึงต้องการสร้างการรับรู้ให้ชัดว่าแบรนด์เก่งเรื่องอะไร และกว่าที่แบรนด์จะเป็นที่รู้จักในวงกว้างได้ต้องใช้เวลาเกือบ 5 ปี

“ยุคนั้นยังไม่มีโซเชียลมีเดีย หรือการใช้กลยุทธ์ CEO Branding มาช่วยสร้างการรับรู้ ดังนั้น ชื่อแบรนด์จึงมีความสำคัญมาก ๆ”

ที่มาของชื่อ “มิซึมิ” มาจากภาษาญี่ปุ่น 2 คำ คือ Mizu ที่แปลว่า น้ำ และ Mi ที่แปลว่า ความงาม เมื่อนำมารวมกันเป็นความงามที่มาจากน้ำ แม้จริง ๆ แล้วจะไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ แต่ต้องการสื่อสารว่าเป็นแบรนด์ที่อ่อนโยน เหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่าย และใช้เทคโนโลยีการผลิตจากญี่ปุ่น

ใช้ AI อัพสปีดธุรกิจ

“วริษฐา” เล่าต่อด้วยว่า เมื่อมาถึงยุคที่ AI มีบทบาทกับการดำเนินธุรกิจบริษัทมีการนำ AI มาใช้ในหลายส่วน ตั้งแต่งานหลังบ้าน เช่น การบริหารคลังสินค้า และการจัดการออร์เดอร์ ที่ดูแลเอง 100% ปัจจุบันสามารถจัดการได้ประมาณ 300,000 ออร์เดอร์ต่อเดือน จากเดิมทำได้แค่ 1,000 ออร์เดอร์ต่อวัน

นอกจากนี้ ยังนำ AI เข้ามาช่วยจัดการเรื่อง “Packing List” ต้องตั้งสเตชั่นแพ็กของอย่างไร เพื่อให้สามารถจัดส่งออร์เดอร์ได้รวดเร็วตามเกณฑ์ของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น การส่งแบบ Express Delivery ที่ลูกค้าสั่งสินค้าแล้วต้องได้ทันทีในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งจะมีออร์เดอร์ลักษณะนี้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ

ไปจนถึงงานหน้าบ้าน เช่น การทำแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ซึ่งเทคโนโลยี AI ได้เข้ามาช่วยลดเวลาในการทำงานของทีมกราฟิกได้เยอะมาก ที่สำคัญ ทีมอินเฮาส์สามารถจัดการได้เองทั้งหมด และเปิดโอกาสให้แบรนด์ได้ทำสิ่งใหม่ ๆ มากขึ้น

ขยายตลาดเจาะ GEN Z

ล่าสุด “มิซึมิ” เปิดตัวโปรเจ็กต์ใหม่ คือ MizuMi UV Slayer ที่มีการเดบิวต์ Vitual Character จำนวน 2 ตัว ได้แก่ Glucia และ Hyaura เพื่อเป็นตัวแทนในการโปรโมตผลิตภัณฑ์กันแดดใหม่ โดยจะเข้าไปอยู่ในคอนเทนต์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง, วิดีโอสั้น และมิวสิกวิดีโอ มุ่งหวังให้เป็นแคมเปญที่ “เร้าใจ” และเข้าถึงกลุ่ม Gen Z ได้อย่างดี

“ถ้าปีนี้ และปีหน้าใครยังไม่เริ่มนำ AI เข้ามาใช้ โดยส่วนตัวมองว่าเหนื่อยแล้ว เพราะเป็นเทคโนโลยีที่มาเร็วมาก และมีอะไรใหม่ ๆ อัพเดตอยู่ตลอด”

“วริษฐา” ทิ้งท้ายเป็นคำแนะนำฝากถึงผู้ประกอบการมือใหม่ด้วยว่าต้องเรียนรู้ และปรับตัวให้เร็ว และอย่าลืมวิเคราะห์ความเสี่ยงของธุรกิจ ยิ่งในจังหวะที่เศรษฐกิจไม่เป็นใจ ยิ่งเป็นโอกาสดีที่จะได้เช็กสุขภาพธุรกิจว่าอ่อนแอเรื่องใดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่วิ่งไปข้างหน้า เพราะจะเป็นการวิ่งที่ไม่มีอะไรพร้อมเลย

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ใช้ AI แบบสกินแคร์พันล้าน ‘MizuMi’ ปั้น Virtual Character มัดใจ Gen Z

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...