BKA ลุยปั้นพอร์ตบ้านแต่งใหม่ รับดีมานด์พุ่ง หนุนธุรกิจโตแกร่ง จ่อเทรด mai 22 เม.ย.นี้
นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA เปิดเผยว่า ผู้นำธุรกิจบริการซื้อขายบ้านมือสองตกแต่งใหม่ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ที่หุ้นละ 1.80 บาท มูลค่าระดมทุน 108 ล้านบาท พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 22 เม.ย.68
สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์นำไปขยายพอร์ตการให้บริการบ้านแต่ง (Flipping) เพิ่มขึ้น รวมถึงนำไปพัฒนาธุรกิจ Property Technology (Prop Tech) โดยสร้าง Platform ตัวกลางในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้บริษัท สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งผู้ต้องการซื้อและขายบ้านได้หลากหลายเพิ่มมากขึ้น จากการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลให้แก่ผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน และเทคโนโลยีระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) มาใช้ในการแนะนำบ้านให้กับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านได้เห็นภาพบ้านเสมือนจริงทางออนไลน์ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัท อย่างมีนัยสำคัญ
โดยแบ่งเป็น 3 ธุรกิจหลัก ดังนี้
1.ธุรกิจบ้านแต่ง เจ้าของบ้านมือสองจะทำสัญญาฝากขายบ้านกับบริษัท รวมทั้งยินยอมให้บริษัททำการปรับปรุงบ้าน โดยบริษัทจะวางเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาให้แก่เจ้าของบ้านก่อนเข้าปรับปรุงบ้านและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงทั้งหมด โดยมีสัดส่วนประมาณ 80% มีระยะเวลาดำเนินการ 6-8 เดือน
2.ธุรกิจบ้านฝาก บริษัททำหน้าที่เป็นนายหน้าซื้อขายบ้านมือสองตามสภาพเดิมที่เจ้าของบ้านนำมาฝากขายไว้ โดยมีรายได้จากค่านายหน้าตามที่ตกลงกันเมื่อขายบ้านหลังนั้นได้ โดยมีสัดส่วนประมาณ 1-2%
3.ธุรกิจบ้านตัด บริษัทซื้อบ้านมือสองมาทำการปรับปรุงเพื่อขาย ซึ่งได้มาจากการประมูลหรือซื้อโดยตรงจากเจ้าของทรัพย์สิน ในการทำธุรกิจบ้านตัดนี้ บริษัทจะซื้อบ้านมือสองเฉพาะเมื่อสามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสมเท่านั้นเพื่อให้มีอัตรากำไรที่ดี โดยมีสัดส่วนประมาณ 20%
ทั้งนี้ จุดเด่นที่น่าสนใจ บริษัทเป็นบ้านมือสองมีความได้เปรียบบ้านมือหนึ่ง ทั้งในด้านทำเล และราคาที่คุ้มค่ากว่า จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของผู้หาซื้อบ้าน โดยมองว่ายังมีศักยภาพการเติบโต จากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมถึงสถาบันการเงินและ AMC มีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ค้างอยู่ในระบบจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี ผู้นำในธุรกิจบ้านมือสองที่มีจำนวนบ้านมือสองตกแต่งใหม่พร้อมขายจำนวนมากในตลาด โดยให้บริการปรับปรุงและขายบ้านมือสอง ซึ่งมีรายได้กระจายไปในบ้านแต่ง บ้านฝาก และบ้านตัด หลายโครงการในทำเลที่ดี โดยไม่ได้โฟกัสไปที่โครงการใดโครงการหนึ่ง
อีกทั้ง ผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจมาเป็นระยะเวลามากกว่า 12 ปี อีกทั้งมีช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลบ้านมือสองได้ง่ายจากเว็บไซต์ และเครือข่าย Agent ที่มีความสะดวกรวดเร็ว ช่วยสนับสนุนการขายและสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัทได้มาก
นอกจากนี้บริษัทมีทีมงานดูแล เป็นทีมสถาปนิก วิศวกร และ Site Manager ควบคุมคุณภาพงาน โดยใช้ช่างรับเหมาภายนอก ซึ่งมีเครือข่ายจำนวนมาก
ส่วนผลกระทบจากแผ่นดินไหวพบว่ามีผู้สนใจเข้าชมบ้านมากขึ้นประมาณ 30% หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว เนื่องจากอาจมีผู้ที่ลังเลหรือกังวลเกี่ยวกับการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม
นอกจากนี้ บริษัทมีค่า P/E Ratio อยู่ที่ 10 เท่า สะท้อนระดับความน่าสนใจด้านมูลค่าหุ้นที่ยังไม่แพงนักเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.15 เท่า บ่งชี้ถึงโครงสร้างทางการเงินที่ยังอยู่ในระดับบริหารจัดการได้ และมีความยืดหยุ่นเพียงพอรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต