เปิดลิสต์ 5 สตูดิโอไทยสุดเทพ! ผู้อยู่เบื้องหลังแอนิเมชันระดับโลก
ความสำเร็จของภาพยนตร์แอนิเมชันจากแดนมังกร Ne Zha 2 ทะยานสู่ระดับโลก โดยกลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดอันดับ 5 ของโลก รองจาก Titanic, Avatar: The Way of Water, Avengers: Endgame และ Avatar ได้สำเร็จ และที่น่ายินดียิ่งไปกว่านั้นคือ แอนิเมชันอันโด่งดังทั่วโลกที่ใช้เวลาผลิตรวมกว่า 5 ปี และทำงานร่วมกับสตูดิโอกว่า 20 แห่งเรื่องนี้ ยังมีทีมงานเบื้องหลังจากฝีมือสตูดิโอคนไทยคือ The Monk Studios และ YGGDrazil Group
ขณะที่อุตสาหกรรมแอนิเมชันทั่วโลกเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราก็จะยิ่งเห็นสตูดิโอไทยหลายแห่งมีบทบาทสำคัญในการเป็นหลังบ้านผู้สร้างสรรค์ผลงานแอนิเมชันที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะในฐานะผู้ออกแบบหรือสร้างสรรค์เทคนิคพิเศษให้กับบริษัทแอนิเมชันชั้นนำของโลก หรือการผลิตออริจินัลคอนเทนต์ไทยในแบบของตัวเองแล้วส่งออกไปสร้างชื่อในตลาดสากลด้วยก็ตาม
สตูดิโอแอนิเมชันไทยกับผลงานระดับโลก
เราอาจเคยได้ยินชื่อสตูดิโอไทยหลายแห่งที่มีศักยภาพสูง ผ่านการทำผลงานระดับโลกมาแล้วมากมาย โดยเฉพาะด้าน CGI, Visual Effects และ 3D Animation แสดงให้เห็นว่าในอุตสาหกรรมแอนิเมชันไทยมีบุคลากรที่สามารถพัฒนาและเติบโตสู่การแข่งขันในระดับโลกได้ อย่างเช่นสตูดิโอไทยผู้อยู่เบื้องหลังแอนิเมชันระดับโลกทั้ง 5 แห่งนี้ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ชื่อของประเทศไทยเป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมแอนิเมชันระดับนานาชาติ
1. เดอะมั้งค์ สตูดิโอ (The Monk Studios)
ผลงานเด่น: Ne Zha 2, Escape of the Gingerbread Mann!!!, Nine
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ The Monk Studios สตูดิโอแอนิเมชันที่ได้รับการยอมรับระดับโลก และเคยร่วมงานกับสตูดิโอดังมาแล้วมากมายทั้ง Disney, Warner Bros., Dream Works, Lucasfilm, Nickelodeon และ Cartoon Network ก่อตั้งโดย สุภณวิชญ์ สมสมาน ผู้มีประสบการณ์ทั้งในและต่างประเทศในฐานะรุ่นบุกเบิกของวงการวิชวลเอฟเฟ็กต์และแอนิเมชัน ด้วยประสบการณ์มากกว่า 30 ปี หลังจากเรียนจบด้านการทำภาพยนตร์และคอมพิวเตอร์กราฟิกโดยตรงจาก School of Visual Arts นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เขาก็ได้ทำงานให้กับบริษัท Rhythm & Hues Studios ในลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยเป็นทีมงานเบื้องหลังการทำ Visual Effects-Filmography หรือภาพกราฟิกเคลื่อนไหวร่วมกับคนแสดงในภาพยนตร์ชื่อดัง อาทิ Garfield, Cats & Dogs, Scooby-Doo, Elektra, Star Trek: Deep Space Nine, Waterworld, Batman Forever, และ Babe
เรียกว่าคร่ำหวอดอยู่ในวงการแอนิเมชันอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในปัจจุบันได้ร่วมมือกับบริษัท โอริ แอนิเมชัน จำกัด ประเทศจีน ผลิตแอนิเมชันที่มุ่งบุกตลาดจีนและตลาดโลก อาทิ Ne Zha 2 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่กวาดรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
(Ne Zha 2 นาจา 2 - Official Trailer [ซับไทย] / Major Group)
นอกจากนั้น The Monk Studios ยังมีผลงานเด่นที่เป็นออริจินัลด้วย เช่น ภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้นเรื่อง Escape of the Gingerbread Mann!!! ซึ่งเป็นผลงานเรื่องแรกที่กวาดรางวัลได้มากถึง 18 รางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ต่าง ๆ ทั่วโลก และภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้นเรื่อง Nine ซึ่งดัดแปลงจากเรื่องสั้นตอนแมวสีเทา ผู้แลกชีวิตอมตะโดยยกหัวใจของตนเองให้กับปิศาจจากหนังสือนิยายภาพชื่อ Nine Lives ของทรงศีล ทิวสมบุญ ทั้งยังเป็นผลงานที่ได้รับ 11 รางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ตลอดจนยังมีผลงานด้านวิชวลเอฟเฟ็กต์ในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง ไซอิ๋ว 2017 คนเล็กอิทธิฤทธิ์ใหญ่ (Journey to The West 2) และได้ร่วมงานกับ Sony Home Entertainment ในภาพยนตร์เรื่อง Final Fantasy XV (2016) ร่วมงานกับ Paramount Pictures ด้านแอนิเมชันในภาพยนตร์เรื่อง Rango (2011) รวมทั้งงานด้านแอนิเมชันสามมิติ (3D Animation) และวิชวลเอฟเฟ็กต์ (Visual Effects) สำหรับภาพยนตร์ เกม โฆษณา และซีรีส์แอนิเมชันอีกจำนวนมาก
นอกจากเป็นผู้ผลิตงานแอนิเมชันแล้ว The Monk Studios ยังมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรไทยในสายงานแอนิเมชัน โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาร่วมฝึกงานมากกว่า 50 คนต่อปี และมีแผนขยายสาขาไปยังจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงประเทศอินเดีย เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดแอนิเมชันระดับโลก
2. อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGGDrazil Group)
ผลงานเด่น: Home Sweet Home, White Snake 2, Deep Sea, Ne Zha
สตูดิโอไทยผู้สร้างสรรค์ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์และสร้างชื่อในสายเกมเมอร์ไปทั่วโลกจากเกม Home Sweet Home Online (HSHO) สู่ภาคต่อ Home Sweet Home: Survive เกมผีที่ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ผีสัญชาติไทยออกมาสร้างความหลอนและน่าสะพรึงกลัวให้กับผู้เล่นอย่างล้นหลาม ทั้งในสหรัฐอเมริกาและจีนซึ่งถือเป็นตลาดเกมขนาดใหญ่ของโลก (ปัจจุบันทางสตูดิโอได้ประกาศปิดเซิร์ฟเวอร์โดยไม่มีการเปิดเผยสาเหตุตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา)
นอกจากผลงานเกมแล้ว อิ๊กดราซิล กรุ๊ป ภายใต้การนำของ ธนัช จุวิวัฒน์ ผู้รั้งตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ยังได้สร้างสรรค์งานด้านภาพยนตร์แอนิเมชันโดยการแตกบริษัทออกมาเป็น บริษัท วายจีจี โกลบอล จำกัด (YGG Global) หรือ YGGG เคยร่วมลงทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ และบริษัท เจ้อเจียงฮัวกั๋วซาน คัลเจอร์ มีเดีย จำกัด จากจีน ด้วยทุนสูงกว่า 450 ล้านหยวน หรือ 2,500 ล้านบาท เพื่อร่วมมือกันผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันทั้งหมด 5 เรื่อง ในระยะเวลา 5 ปี สำหรับลงในสตรีมมิงแพลตฟอร์ม นอกจากนั้น อิ๊กดราซิลยังมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลงานที่กวาดรายได้จาก China Box Office อย่างถล่มทลาย เช่น White Snake 2, Deep Sea และ Ne Zha ภาคแรกที่ฉายในปี 2019
(White Snake 2 | Final Trailer / Light Chaser Animation)
อิ๊กดราซิล กรุ๊ป มีความมุ่งมั่นที่จะนำซอฟต์พาวเวอร์ไทยผสานกับการสร้างสรรค์ผลงานสู่ตลาดจีนและทั่วโลก และยังมีแผนต่อยอดเกมไปสู่การผลิตเป็นซีรีส์หรือภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูดอีกด้วย
3. ริฟฟ์ สตูดิโอ (RiFF Studio)
ผลงานเด่น: ONI: Thunder God's Tale, Evangelion: 3.0+1.0 Thrice Upon a Time, Bloody Bunny
อีกหนึ่งสตูดิโอแอนิเมชันไทยที่ก่อตั้งโดย วีรภัทร ชินะนาวิน สรพีเรศ ทรัพย์เสริมศรี และสรรเพชญ์ สาตราวาหะ ซึ่งมีส่วนร่วมในผลงานระดับนานาชาติมากมาย อย่างการผลิตแอนิเมชันให้ Netflix และแพลตฟอร์มสตรีมมิงอื่น ๆ จากผลงานที่มีชื่อเสียง เช่น ONI: Thunder God's Tale (Netflix) พวกเขามีเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์งานแอนิเมชันคุณภาพสูงเพื่อยกระดับวงการแอนิเมชันไทยให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เหมือนดังเช่นทุกคนที่รักผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ของสตูดิโอจิบลิ
ผลงานเด่นของ RiFF Studio ที่รู้จักกันดี เช่น เบิร์ดแลนด์ แดนมหัศจรรย์ (Flying with Bird) และได้ร่วมสร้างเทคนิคแอนิเมชันพิเศษในภาพยนตร์หลายเรื่องของค่าย GDH อาทิ เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ (2015) กระดึ๊บ (2010) และ SuckSeed ซักซีด ห่วยขั้นเทพ (2011) นอกจากนี้ ยังมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์พญานาคด้วยเทคนิคแอนิเมชันที่สมจริงในภาพยนตร์ นาคี 2 และได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์แอนิเมชันญี่ปุ่นที่โด่งดังทั่วโลกอย่าง Evangelion: 3.0+1.0 Thrice Upon a Time และสร้างสรรค์ผลงานซีรีส์แอนิเมชันเรื่อง Bloody Bunny จำนวน 15 ตอนเผยแพร่บน YouTube และนำเสนอความเป็นไทยผ่านแอนิเมชันขนาดสั้นเรื่อง Raam - The Bridge To Lanka ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเรื่อง รามเกียรติ์ โดยจับคาแรกเตอร์หนุมานออกมาเป็นหนึ่งเรื่องในชุด Force of Will The Movie (2018) ซึ่งทำร่วมกับสตูดิโอญี่ปุ่นอีก 5 แห่งที่เป็นบริษัททำเกมการ์ด (Trading Card Game) ชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น
(ตัวอย่างภาพยนตร์ นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ | Mantra Warrior | Official Trailer / RiFF Studio)
และล่าสุดกับโปรเจ็กต์ที่ดึงเอาคอนเทนต์รสชาติแบบไทยนำเสนอสู่สากลอย่างภาพยนตร์แอนิเมชัน นักรบมนตรา ตำนานแปดดวงจันทร์ แอนิเมชันไซไฟสัญชาติไทยแท้เรื่องแรกที่ RiFF Studio ลงทุนสร้างเองด้วยงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ใช้เวลากว่า 3 ปีในการพัฒนา โดยได้แรงบันดาลใจจากวรรณคดีรามเกียรติ์ มาตีความปรับเนื้อหาไปสู่การสร้างคาแรกเตอร์ซูเปอร์ฮีโร่แนวสงครามอวกาศที่เชื่อมต่อวัฒนธรรมร่วมสมัย เพื่อเป็นการดึงซอฟต์พาวเวอร์ไทยออกไปสู่สากล
4. อิ๊กลู สตูดิโอ (IGLOO Studio)
ผลงานเด่น: ๙ ศาสตรา, My Daemon, A Town Where We Live
ในยุคปัจจุบันการ์ตูนไทยได้พัฒนาไปสู่แอนิเมชันดิจิทัลที่มีคุณภาพสูงและได้รับการยอมรับในตลาดนานาชาติ รวมถึงการ์ตูนไทยที่มีการเผยแพร่ทางออนไลน์ ผลงานแอนิเมชันไทยอย่าง ๙ ศาสตรา The Legend of Muay Thai: 9 Satra (2018) ได้รับรางวัล Best Animated Feature Film จากเทศกาลภาพยนตร์ในต่างประเทศ เป็นผลงานคอนเทนต์ไทยที่สร้างชื่อเสียงในระดับโลกจากฝีมือของสตูดิโอแอนิเมชันสัญชาติไทยแห่งนี้ ที่ก่อตั้งโดย ณัฐ ยศวัฒนานนท์ ผู้สร้างสรรค์งานแอนิเมชันและการออกแบบที่มีคุณภาพสูง ผู้เชี่ยวชาญด้าน CGI และแอนิเมชัน 3D สำหรับภาพยนตร์ เกม และโฆษณา โดยเคยร่วมงานกับบริษัทระดับโลก เช่น Riot Games และ Square Enix และการร่วมมือกับ Netflix ประเทศญี่ปุ่นผลิต Original Anime Series เรื่อง My Daemon
([Animation Breakdown] The Legend of Muay Thai : 9 Satra : Behind the Scenes of the Action Scene / IGLOO STUDIO)
IGLOO Studio ยังเป็นสตูดิโอที่สะท้อนภาพบรรยากาศและเรื่องราวในแบบไทยผ่านผลงานต่าง ๆ มากมาย อย่างโฆษณาน้ำผลไม้ Malee ตอน “Aomori no Kisetsu” ที่บอกเล่าเรื่องและบรรยากาศของวิถีชีวิตประจำวันแบบไทย ๆ เอาไว้ หรือภาพยนตร์แอนิเมชันโฆษณาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเรื่อง A Town Where We Live วันแห่งฝัน คืนแห่งแสง ซึ่งก็สะท้อนภาพชีวิตแบบไทยไว้เช่นเดียวกัน
ล่าสุด IGLOO Studio ยังได้ร่วมมือกับบริษัท โทโฮ โกลบอล อินคอร์ปอเรชั่น ในเครือของ TOHO Animation ซึ่งมีชื่อเสียงในวงการแอนิเมชันระดับโลก โดยการเข้าถือหุ้น 32% เพื่อขยายสู่ตลาดสากล
5. กันตนา แอนิเมชัน สตูดิโอ (Kantana Animation Studios)
ผลงานเด่น: ก้านกล้วย, Echo Planet
ภายใต้ร่มใหญ่ กันตนา กรุ๊ป ผู้ผลิตคอนเทนต์ละครและภาพยนตร์มาอย่างยาวนานกว่า 73 ปี ก่อนขยายสายการผลิตไปสู่งานโปรดักชันด้านแอนิเมชันระดับสากล สร้างเป็นผลงานภาพยนตร์แอนิเมชันสามมิติเรื่องแรกของไทยที่คนไทยรู้จักกันดีอย่าง ก้านกล้วย (Khan Kluay) ช้างศึกคู่พระทัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ใช้เวลาสร้างนานกว่า 3 ปีก่อนเปิดตัวในปี พ.ศ.2549 ด้วยงบประมาณ 150 ล้านบาท และทำรายได้สูงสุดในบ็อกซ์ออฟฟิศไทยปีนั้นถึง 91 ล้านบาท ได้รับรางวัล Best Feature Film จาก International Animation Festival ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ (2006) รางวัล Best Animation Feature จากเทศกาลภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 16 ทั้งยังได้รับการนำไปฉายในต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอินเดีย จากความสำเร็จที่ได้รับ จึงเกิดเป็นแอนิเมชันภาคต่อ ก้านกล้วย 2 (The Adventure of Khan Kluay) ในปี พ.ศ. 2552 นับเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันไทยเรื่องแรกที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ และเป็นจุดเริ่มต้นของแรงขับในอุตสาหกรรมแอนิเมชันไทยขณะนั้นให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล
นอกจากนั้น Kantana Animation Studios ยังผลิตแอนิเมชันไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ เอคโค่ จิ๋วก้องโลก (Echo Planet) ภาพยนตร์แอนิเมชันไทยเรื่องแรกที่ฉายในระบบ 3D Stereoscopic ที่ได้รับการเผยแพร่ในต่างประเทศ บอกเล่าเรื่องราวของเด็กชายชาวป่าและน้องสาวที่สามารถสื่อสารกับธรรมชาติได้ เพื่อนำเสนอประเด็นในด้านสิ่งแวดล้อม
ความท้าทายและโอกาสของคอนเทนต์ไทยในแอนิเมชันระดับโลก
ข้อมูลจาก Exactitude Consultancy คาดการณ์ว่า ตลาดแอนิเมชันโลกจะมีมูลค่าเพิ่มสูงถึง 410.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2030 โดยตลาดใหญ่กว่า 40% อยู่ที่อเมริกาเหนือ ยิ่งไปกว่านั้นการขยายตัวของอุตสาหกรรมเกมและการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือนจริง VR (Virtual Reality) และเทคโนโลยีการแสดงสิ่งของเสมือนบนสภาพแวดล้อมจริง AR (Augmented Reality) จะเปิดช่องทางใหม่ ๆ สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชันในอนาคต จึงพอมองเห็นได้ว่า ตลาดแอนิเมชันทั่วโลกจะยังขยายการเติบโตได้อีกมาก
ที่ผ่านมา เรามักได้เห็นภาพสะท้อนถึงความพยายามในการศึกษาและพัฒนาแอนิเมชันไทยในหลากหลายมิติ ทั้งในด้านการออกแบบคาแรกเตอร์ การส่งเสริมวัฒนธรรมและสังคมไทยผ่านเนื้อหา และการพัฒนาคุณภาพของแอนิเมชันไทยเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดสากลได้
โดยปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้คอนเทนต์ไทยในแอนิเมชันเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้ ส่วนหนึ่งมาจากการนำเสนอเอกลักษณ์ไทยผ่านแอนิเมชันด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เช่น การดัดแปลงตำนานพื้นบ้าน ประวัติศาสตร์ นำมาสร้างเป็นแอนิเมชันที่โดดเด่นและแปลกใหม่ ตัวอย่างเช่น ๙ ศาสตรา ที่นำศิลปะมวยไทยมาผสมผสานกับแนวแฟนตาซี และการพัฒนาการออกแบบคาแรกเตอร์ไทยให้แข่งขันได้ในตลาดสากล เช่น หนุมานในรูปแบบซูเปอร์ฮีโร่
นอกจากนี้ การที่ตลาดแพลตฟอร์มสตรีมมิงเปิดกว้าง อาทิ Netflix, Disney+, และ Amazon Prime กำลังขยายตลาดในเอเชียและมองหาเนื้อหาที่แตกต่าง นอกจากซีรีส์แอนิเมชันจากญี่ปุ่นและเกาหลีที่ได้รับความนิยมแล้ว สำหรับคอนเทนต์ไทย หากมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นก็มีโอกาสเติบโตได้เช่นกัน
การที่สตูดิโอไทยมีโอกาสได้ร่วมงานกับสตูดิโอระดับโลกมากขึ้น ยังช่วยให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีแอนิเมชันระดับสูงหรือได้ร่วมมือกับนักสร้างสรรค์นานาชาติ ที่นับเป็นบันไดอีกขั้นที่จะทำให้แอนิเมเตอร์ไทยเป็นผู้ช่วยผลิต (Outsourcing) ให้กับตลาดต่างชาติได้ โดยเฉพาะงานด้าน CGI และ VFX ซึ่งเป็นที่ยอมรับ
ขณะที่ความท้าทายสำคัญของสตูดิโอผู้ผลิตไทยในอุตสาหกรรมแอนิเมชันซึ่งพบร่วมกัน ส่วนใหญ่มักมีปัญหาในเรื่องต้นทุนการผลิตที่สูง และการสร้างแอนิเมชันคุณภาพสูงซึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณจำนวนมาก อีกทั้งการแข่งขันด้านการตลาดและการช่วงชิงโอกาสในการเข้าถึงผู้ชมของคอนเทนต์แอนิเมชันไทยก็ยังขาดการสนับสนุนด้านการโปรโมตในตลาดโลก และยังมีคู่แข่งรายใหญ่ระดับสากลอย่างแอนิเมชันจากญี่ปุ่น สหรัฐฯ ฯลฯ ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่นั่นเอง
สตูดิโอแอนิเมชันไทยกำลังเปลี่ยนโฉมวงการแอนิเมชันโลก ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพระดับสากลและการร่วมมือกับบริษัทต่างประเทศ พวกเขากำลังนำซอฟต์พาวเวอร์ไทยออกสู่เวทีโลก และพิสูจน์ให้เห็นว่า แอนิเมชันไทยมีศักยภาพที่จะก้าวไกลได้ไม่แพ้ชาติใด การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทุกภาคส่วนจะเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้แอนิเมชันไทยกลายเป็นอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
ที่มา : เว็บไซต์ "themonkstudio.com"
เว็บไซต์ "ygg-cg.com"
เว็บไซต์ "riff-studio.com"
เว็บไซต์ "igloostudio.com"
เว็บไซต์ "kantana.com"
บทความ “คุยกับ RiFF Studio ทีมสร้างแอนิเมชันไทย เจ้าของแอนิเมชันเมย์ไหนฯ ที่ฝันไกลถึงการสร้างสตูดิโอแบบ Ghibi” โดย ปณชัย อารีเพิ่มพร
บทความ “‘นาจา 2’ สมศักดิ์ศรีภาพยนตร์แอนิเมชันรายได้สูงสุดตลอดกาล” จาก bangkokbiznews.com
บทความ "‘เดอะมั้งค์ สตูดิโอ’ กับภารกิจพาแอนิเมเตอร์ไทยไปสู่ระดับโลก” จาก siamrath.co.th
บทความ “RiFF Studio ปั้นภาพยนตร์ ‘นักรบมนตรา’ แอนิเมชันคุณภาพ เตรียมส่งลงจอเงินเร็วๆ นี้” จาก mgronline.com
บทความ “รู้จัก Igloo Studio บริษัทแอนิเมชัน ของคนไทย ฝีมือระดับโลก” จาก longtungirl.com
บทความ “‘Raam The Bridge to Lanka’ ปั้น ‘รามเกียรติ์’ เป็นแอนิเมชันไทยสู่สากล!” จาก มติชนสุดสัปดาห์
บทความ “ชม RAAM – THE BRIDGE TO LANKA ตัวอย่างอนิเมชั่นสุดเจ๋งฝีมือคนไทย ที่ดัดแปลง หนุมาน ได้เท่สุดๆ” จาก news.dexclub.com
บทความ “IGLOO STUDIO AND TOHO GLOBAL FORGE CREATIVE PARTNERSHIP TO ENHANCE ANIMATION GLOBALLY - IGLOO STUDIO” โดย igloostudio.com
บทความ “Animation Market” จาก exactitudeconsultancy.com