โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

พฤติกรรมการกิน ที่ทำร้ายกระเพาะอาหารแบบไม่รู้ตัว

SistaCafe

อัพเดต 25 ก.ค. เวลา 08.00 น. • เผยแพร่ 25 ก.ค. เวลา 08.00 น. • SistaCafe

ฮัลโหล สวีดัด สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวซิสที่น่ารักทุกคนค่าาา วันนี้กลับมาพบกับดอลลี่กันอีกแล้ว และเช่นเคย ! มีดอลลี่ก็ต้องมีสาระ! >< โดยหัวข้อที่จะพูดถึงในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพแบบเน้น ๆ กับ พฤติกรรมการกิน ที่ทำร้ายกระเพาะอาหารแบบไม่รู้ตัว นั่นเองค่ะ หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นชินกับพฤติกรรมบางอย่าง หรือไม่คิดว่าพฤติกรรมเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ทำร้ายสุขภาพของเราอยู่ ดังนั้นวันนี้ดอลลี่เลยต้องเป็นกูรูที่จะมาบอกทุกคนนั่นเอง ถ้าอยากรู้กันแล้ว อย่ารอช้า ตามไปอ่านกันได้เล้ยยย ~

พฤติกรรมการกิน ที่ทำร้ายกระเพาะอาหารแบบไม่รู้ตัว

พฤติกรรมทำร้ายกระเพาะ ชอบรับประทานอาหารไม่ตรงเวลาบ่อย ๆ

เปิดมาด้วยข้อแรกที่ดอลลี่คิดว่าเพื่อน ๆ หลายคนน่าจะเป็นกันบ่อยใช่มั้ยล่าาา ไม่ใช่แค่เพื่อน ๆ นะ เพราะบ่อยครั้งหรือแทบจะทุกวันเลยที่ดอลลี่ก็รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ตื่นสายบ้าง ขี้เกียจรับประทานบ้าง หรือไม่ก็ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาทานบ้าง ขอบอกว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ! เพราะหากรับประทานอาหารไม่ตรงเวลาบ่อย ๆ จะส่งผลเสียต่อกระเพาะอาหารของเราแบบสุด ๆ เมื่อปล่อยไปนาน ๆ เพื่อน ๆ อาจมีอาการปวดท้อง รวมไปถึงทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร แถมตอนที่เพื่อน ๆ ไม่ได้รับประทานอาหารสมองของเราก็ไม่มีสารอาหารไปเลี้ยง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำไม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน หรือขี้เกียจยังไง เมื่อถึงเวลาของการรับประทานอาหารก็อย่าลืมหาอะไรใส่ท้องด้วยนะคะซิส

พฤติกรรมควรเลี่ยง มีความเครียดสะสม วิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา

ข้อถัดมาอาจจะไม่ใช่การกิน แต่เป็นพฤติกรรมประจำที่คนคิดมาก หรืออ่อนไหวง่ายน่าจะเป็นกันมากที่สุด เพราะในเรื่องของความเครียดไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว และไม่มีใครที่จะอารมณ์ดีได้ตลอดเวลาอย่างแน่นอนค่ะ หลาย ๆ คนคงจะได้ยินคำว่า " ความเครียดลงกระเพาะ " ใช่มั้ยล่ะคะ เครียดลงกระเพาะ คือ ภาวะความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะในระบบย่อยอาหารที่เกิดจากความเครียด ซึ่งอวัยวะต่าง ๆ ในส่วนนั้นมีเส้นประสาทอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อเกิดความเครียด สมองจะสั่งการให้น้ำย่อยหลั่งออกมามากกว่าปกติ และกระเพาะอาหารถูกกระตุ้นให้บีบตัวมากยิ่งขึ้น ทำให้ในช่องท้องมีการระคายเคืองดังนั้นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือความเครียด และความวิตกกังวลมากเกินไป พยายามหากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำนะซิส

การกินที่ควรเลี่ยง ดื่มกาแฟบ่อย ๆ หรือมากเกินไป

ข้อถัดมาพฤติกรรมประจำวันสำหรับคนวัยทำงานโดยเฉพาะ หากไม่ดื่มกาแฟสักแก้วก่อนไปทำงานก็คงจะไม่มีแรง ง่วงซึมทั้งวันเป็นแน่ แต่ขอบอกว่าพฤติกรรมนี้นี่แหละค่ะซิสที่ทำร้ายระบบย่อยอาหารของเราโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากกาแฟ มีคาเฟอีน และสารคาเฟอีนในกาแฟจะไปกระตุ้นตัวรับมัสคารินิก ทำให้ลำไส้เกิดการบีบรัดถ้าบริโภคในปริมาณมากก็อาจส่งผลให้กระเพาะยืดตัวและกระตุ้นให้เกิดแก๊สโตรโคลิกรีเฟล็กซ์ขึ้นมาอันจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเรานั่นเอง ดังนั้นหากใครที่จำเป็นต้องรับประทานกาแฟในทุก ๆ วันแล้วล่ะก็ ดอลลี่อยากแนะนำว่าควรเว้นช่วง และหาเครื่องดื่มอย่างอื่น เช่น น้ำผลไม้เปรี้ยวจี๊ด กระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นแทนดีกว่านะคะ

พฤติกรรมทำร้ายระบบย่อย ชอบรับประทานอาหารรสจัดบ่อย ๆ

ข้อนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องค้านหัวชนฝาแน่นอน เพราะการชอบรับประทานอาหารรสจัดกลายเป็นนิสัยและความชอบของคนไทยไปแล้ว ! ดอลลี่ก็ 1 ในนั้นค่ะ แหะ ๆ หากวันไหนที่ต้องรับประทานอาหารรสชาติจืดชืด ไม่ถูกจริตกับตนเอง ก็คงจะไม่แฮปปี้ไปทั้งวัน แต่ !! ถึงจะชอบแค่ไหนก็ควรพักเบรกตัวเองไว้ก่อนนะคะซิส ด้วยความปรารถนาดีและความห่วงใยต่อน้องกระเพาะของเรารับประทานได้ แต่ต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะไม่บ่อยครั้งจนเกินไป ถ้าไม่อยากให้ร่างกายเราพังแล้วละก็นะ

กินแบบนี้เสี่ยงโรคกระเพาะ รับประทานยาตอนท้องว่าง

อ๊ะ ๆ สำหรับใครที่ต้องทานยาประจำ หรือรู้สึกไม่ค่อยสบายแล้วอยากจะรับประทานยาพาราเซตามอลสักเม็ด แต่ยังไม่ได้รับประทานอาหารต้องเบรกตัวเองอย่างด่วน ๆ เลยค่ะซิส ! เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งยาจะมีผลข้างเคียงที่สำคัญคือ การระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้อาจเกิดเอฟเฟคตามมา อย่างเช่น เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ดังนั้นการรับประทานยาพร้อมหรือหลังอาหารทันทีจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ รวมไปถึงยาบางชนิดก็ต้องการกรดในกระเพาะอาหารที่ช่วยในการดูดซึมยาเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งกรดในกระเพาะอาหารจะหลั่งสูงสุดในระหว่างที่รับประทานอาหารเท่านั้น (แต่สำหรับยาที่ต้องทานก่อนรับประทานอาหารถือว่าเป็นข้อยกเว้น)

ตัวการทำร้ายกระเพาะ ดื่มน้ำอัดลมทุกวัน

ไหน ! สายน้ำอัดเลิฟเวอร์มาทางนี้กันให้ไวค่ะ เพราะดอลลี่จะบอกว่า " งดบ้างก็ได้นะซิส " อย่างที่ใครหลาย ๆ คนก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าน้ำอัดลมไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากนัก และเป็นตัวที่ทำร้ายระบบย่อยอาหารได้อย่างมากเลย หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหารเยอะ อีกทั้งยังเกิดการปวดท้องหลายคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่าดื่มน้ำอัดลมมาก ๆ แล้วจะกัดกระเพาะนั่นเองค่ะ

พฤติกรรมการกินผิด ๆ เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด

มาต่อกันที่ข้อสุดท้าย กับการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด ดอลลี่เชื่อว่าเป็นพฤติกรรมที่ใครหลาย ๆ คนน่าจะเป็นกันมากที่สุดการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดจะทำให้กระเพาะของเรารับหน้าที่ในการย่อยอาหารไปเต็ม ๆ ยิ่งพวกอาหารที่ย่อยยากอย่างเนื้อสัตว์ หากเราเคี้ยวไม่ละเอียดแล้วล่ะก็ เมื่ออาหารลงไปถึงกระเพาะ กระเพาะก็จะหลั่งกรด และมีการบีบตัวที่ค่อนข้างสูงกว่าปกติ เพื่อช่วยในการย่อยของเรา และจะทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย ดังนั้นอย่ารีบรับประทาน ค่อย ๆ ทานจะดีที่สุดค่ะ

ควรทานอะไร ให้ดีต่อกระเพาะอาหาร ?

เพื่อสุขภาพที่ดีของกระเพาะอาหาร แนะนำเพื่อน ๆ ควรทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย และหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการหลั่งกรดหรือทำให้อาหารไม่ย่อย เช่น อาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด มันจัด หรืออาหารทอด รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และน้ำอัดลม

  • อาหารอ่อน ย่อยง่าย ข้าวต้ม โจ๊ก ซุป หรืออาหารที่ปรุงสุกจนนิ่ม
  • อาหารที่มีกากใยสูง ผักใบเขียว ผลไม้ เช่น กล้วย แอปเปิล มะละกอ และธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีท
  • อาหารที่มีโปรตีนย่อยง่าย เนื้อปลา ไก่ ไข่ขาว เต้าหู้
  • อาหารที่มีไขมันดี อะโวคาโด น้ำมันมะกอก

สรุป

เป็นยังไงกันบ้างคะซิสกับ พฤติกรรมการกิน ที่ทำร้ายกระเพาะอาหารแบบไม่รู้ตัวเชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องมีสัก 1 ใน 7 พฤติกรรมแน่นอนที่เผลอทำไปโดยไม่รู้ถึงผลเสีย คราวนี้รู้แล้วก็ควรลดหรือเลี่ยงไม่ให้เป็นการทำร้ายสุขภาพของเรานะคะ สำหรับวันนี้ดอลลี่ก็ต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้าบ๊าย บาย ~

บทความแนะนำ

อ่านบทความต้นฉบับได้ที่: SistaCafe.com ครบเครื่องเรื่องบิวตี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...