สมาคมประกันวินาศภัยไทย จัดทำมาตรฐานกลางการซ่อมรถยนต์ เพิ่มความชัดเจนค่าขาดประโยชน์ สร้างเกณฑ์กลางลดข้อพิพาท
สมาคมประกันวินาศภัยไทยจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง "กรอบระยะเวลาการจัดซ่อมรถยนต์ระหว่างบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อการชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ" เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 โดยมีบริษัทประกันวินาศภัยเข้าร่วมลงนามจำนวน 32 บริษัท ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมประกันภัยไทยในการสร้างมาตรฐานกลางด้านการซ่อมรถยนต์
สร้างเกณฑ์กลางลดข้อพิพาท
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้จัดทำกรอบระยะเวลาการจัดซ่อมรถยนต์ให้เป็น "เกณฑ์กลาง" ที่สามารถนำไปใช้ได้ในทุกบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้านค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถให้มีความชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งอุตสาหกรรม
การกำหนดเกณฑ์นี้คำนึงถึงความเป็นธรรมต่อผู้เอาประกันภัย และสะท้อนความเป็นจริงของกระบวนการซ่อมรถยนต์ในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยลดข้อพิพาทและลดจำนวนเรื่องร้องเรียนด้านค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้บริษัทประกันภัยสามารถประเมินจำนวนวันที่เหมาะสมได้อย่างเป็นระบบ และช่วยให้ผู้เอาประกันภัยได้รับการชดเชยที่สะท้อนงานซ่อมจริง ลดข้อโต้แย้งและเพิ่มความพึงพอใจต่อการให้บริการ
3 องค์ประกอบหลักของเกณฑ์มาตรฐาน
เกณฑ์การจัดซ่อมรถยนต์ที่สมาคมฯ จัดทำขึ้นมีหลักการสำคัญคือ การประเมินเวลาอย่างเป็นธรรม สะท้อนงานซ่อมที่แท้จริง และยึดข้อมูลเชิงเทคนิคของอู่ซ่อมรถมาตรฐานทั่วประเทศ โดยพิจารณาจาก 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
หนึ่ง พิจารณาตามลักษณะงานซ่อม
สอง จำนวนชิ้นงาน
สาม จำนวนวันซ่อมตามจริง
การกำหนดกรอบระยะเวลาในการจัดซ่อมนี้ช่วยให้บริษัทประกันภัยมีแนวทางที่ชัดเจน เที่ยงตรง และสะท้อนสภาพการซ่อมจริงมากที่สุด ในการพิจารณาการชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถได้อย่างเป็นธรรม
กระบวนการจัดทำที่รอบคอบ
การจัดทำ "กรอบระยะเวลาการจัดซ่อมรถยนต์ระหว่างบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อการชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ" คณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ได้มีการประชุมหารือร่วมกับบริษัทสมาชิกที่ประกอบธุรกิจประกันภัยรถยนต์อย่างต่อเนื่อง และแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านงานซ่อมจริงของอู่ทั่วประเทศ พร้อมรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากทุกบริษัท เพื่อให้เกณฑ์เวลาที่กำหนดสามารถสะท้อนสภาพปัญหาและข้อเท็จจริงได้ครบถ้วนที่สุด
ก้าวสำคัญของอุตสาหกรรม
การลงนามร่วมของบริษัทประกันวินาศภัยในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทย ที่สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันของทุกบริษัทในการพัฒนามาตรฐานการซ่อมรถยนต์ให้ชัดเจน เป็นธรรม และนำไปใช้ได้จริงในทางปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการร้องเรียน เสริมประสิทธิภาพการจ่ายค่าสินไหมทดแทน และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนผู้ใช้รถทั่วประเทศ
32 บริษัทร่วมลงนาม
บริษัทประกันวินาศภัยที่รับประกันภัยรถยนต์เข้าร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงฯ จำนวน 32 บริษัท ประกอบด้วยผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งไทยและต่างประเทศ ประกอบด้วย
1. บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)
2. บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน)
3. บริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
4. บริษัท จรัญประกันภัย จำกัด (มหาชน)
5. บริษัท เจมาร์ท ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
6. บริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน)
7. บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
8. บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
9. บริษัท ทูนประกันภัย จำกัด (มหาชน)
10. บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน)
11. บริษัท ไทยพัฒนาประกันภัย จำกัด (มหาชน)
12. บริษัท ไทยไพบูลย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
13. บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน)
14. บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน)
15. บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน)
16. บริษัท นิวอินเดีย แอสชัวรันซ์ จำกัด (สาขาประเทศไทย)
17. บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)
18. บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด (มหาชน)
19. บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทย
20. บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
21. บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
22. บริษัท รู้ใจประกันภัย จำกัด (มหาชน)
23. บริษัท สตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
24. บริษัท สหมงคลประกันภัย จำกัด (มหาชน)
25. บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
26. บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)
27. บริษัท เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
28. บริษัท เอไอจีประกันภัย จำกัด (มหาชน)
29. บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน)
30. บริษัท แอลเอ็มจีประกันภัย จำกัด (มหาชน)
31. บริษัท ไอแคร์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน)
32. บริษัท ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย จำกัด (มหาชน)