โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

CGSI เคาะซื้อ THAI เป้า 10.80 บาท ชูกำไรโตต่อเนื่อง ลุยขยายฝูงบิน จับตารีซูมเทรดพรุ่งนี้!

ข่าวหุ้นธุรกิจ

อัพเดต 03 ส.ค. เวลา 13.43 น. • เผยแพร่ 03 ส.ค. เวลา 13.43 น. • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10.80 บาท โดยให้เหตุผลว่าบริษัทสามารถฟื้นฟูกิจการได้สำเร็จภายใต้โครงสร้างใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการหลุดพ้นจากสถานะรัฐวิสาหกิจ ซึ่งทำให้สามารถบริหารธุรกิจเชิงพาณิชย์ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

โดย CGSI ประเมินว่า ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของ THAI ในเดือนมิ.ย. 2568 และหุ้น THAI เตรียมจะเข้าซื้อขายในตลาดหันอีกครั้งในวันที่ 4 ส.ค.68 โดยครั้งนี้บริษัทกลับมาพร้อมกับงบดุลสะอาดขึ้น, การดำเนินงานที่มีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น และทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่งกว่าเดิม จึงเริ่มต้นวิเคราะห์หัน THAI ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 10.8 บาท ซึ่งจะเท่ากับ EV/EBITDA 5.5x ในปี 69 (ระดับเดียวกับสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบในภูมิภาค)

นอกจากนี้ ด้วยปัจจัยหนุนจากปริมาณที่นั่ง (capacty) ที่มีจำกัดทั่วโลกและราคาน้ำมันอากาศยานที่ลดลง เราจึงเชื่อว่าประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นและวินัยทางการเงินจะมีบทบาทสำคัญต่อการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันและความสามารถในการทำกำไรของ THAI ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าส่วนปัจจัยบวกที่จะช่วยให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นคือการที่บริษัทกลับมาทำกำไรและจ่ายเงินปันผล รวมทั้งความสำเร็จของแผนยกเครื่องฝูงบิน ขณะที่ downside risk จะมาจากราคาน้ำมันอากาศยานที่มันผวน, รายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (passenger yid) ที่ต่ำกว่าคาดและการส่งมอบเครื่องบินใหม่ล่าช้า

ปัจจุบัน THAI มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพหลังแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเราเชื่อว่าธุรกิจของ THAI ฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแกร่งจากการพลิกโฉมองค์กรหลังบริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการในเดือนมิ.ย.2563 โดยเราเชื่อว่า THAI มีความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานะเดิมที่เป็นรัฐวิสาหกิจ (SOE) จนกระทั่งในเดือนก.ค.68 บริษัทประสบความสำเร็จกับการปรับปรงโครงสร้างองค์กร, ปรับโครงสร้างหนี้, ลดตำแหน่งพนักงานที่ไม่จำเป็น รวมทั้งการปรับขบขนาดของกองบิน (feet) ให้เหมาะสมกับความต้องการในปัจจุบัน

นอกจากนี้การที่ THAI พ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจทำให้บริษัทหลดพ้นจากข้อจำกัดจากการเป็นองค์กรของภาครัฐและสามารถใช้แนวทางการบริหารจัดการในเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งเรามองว่าความพยายามเหล่านี้มีบทบาทอย่างมากต่อการพลิกฟื้นธุรกิจจนทำให้ THAI สามารถกลับมาทำกำไรจากการดำเนินงาน 2.26-2.46 หมื่นล้านบาทในปี 66-67 จากที่มีขาดทุนปี 64-65

อีกทั้งอุตสาหกรรมการบินได้ประโยชน์จากปริมาณที่นั่งที่ยังขาดแคลนทั่วโลกหลังการส่งมอบเครื่องบินลดลงจากสถิติสูงสดในปี 61 ถึง 30% จึงทำให้รายได้และอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (load factor) ในปัจจุบันยังคงแข็งแกร่งขณะที่เราคาดว่า THAI จะมีรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงเล็กน้อยจาก 2.98-3.06 บาท(RPK (ปริมาณการขนส่งผู้โดยสารล้านคน-กม.) ในปี 66-67 เป็น 2.80-2.85 บาท RPK ในปี 68-70 แต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีและสงกว่า 2.04-2.35 บาท/RPK ในปี 59-62 นอกจากนี้ เรายังคาดว่าราคาน้ำมันอากาศยานที่ปรับตัวลง 13% ในปี 68 (ตามประมาณการของ IATA) จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของ THAI

โดยคาดว่า THAI จะมีกำไรปกติต่อหุ้นเติบโตเฉลี่ย 14% CAGR ในปี 67-70 ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยที่แข็งแกร่งและราคาน้ำมันอากาศยานที่ลดลง ส่วนรายได้จากการให้บริการน่าจะเติบโตเฉลี่ย 5% CAGR ในปี 67-70 จากการที่ THAI ขยายฝูงบินจาก 79 ลำในปี 67 เป็น 100 ลำในปี 70 นอกจากนี้คาดว่าปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) จะเพิ่มขึ้นจาก 6.57 หมื่นล้านที่นั่ง-กม. ในปี 67เป็น 8:23 หมื่นล้านที่นั่ง-กม. ในปี 70 (8% CAGR) โดยมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารและรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยทรงตัวที่ 78% และ 2.80-2.85 บาท/RPK ตามลำดับ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...