เปิด 11 ชื่อเรียกอื่นของ “ประเทศญี่ปุ่น” พร้อมที่มาและความหมาย!
เราจะเรียก “ประเทศญี่ปุ่น” ด้วยคำอื่นแทนได้ไหม? ทุกคนเคยสังเกตไหมว่านอกจากชื่อประเทศที่เป็นทางการแล้ว แต่ละประเทศก็ล้วนมีชื่อเรียกอื่น ๆ ทั้งชื่อโบราณ ชื่อเล่น นามแฝง ฉายา หรือสมญานามที่ผู้คนตั้งขึ้นมา อย่างประเทศไทยเราก็มีชื่อเก่าอย่างสยาม สมญานามอย่างดินแดนแห่งรอยยิ้ม หรือชื่อที่เป็นนามนัยอย่างขวานทอง ประเทศญี่ปุ่นเองก็มีชื่อเรียกอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นชื่อที่คนไทยคุ้นเคยก็อย่างเช่น ยามาโตะ แดนปลาดิบ แดนอาทิตย์อุทัย แต่จริง ๆ แล้วญี่ปุ่นก็มีชื่อเรียกอื่น ๆ อีกเยอะมากมาตั้งแต่สมัยโบราณ เราจะมายกตัวอย่างพร้อมอธิบายที่มาและความหมายของชื่อเหล่านี้ค่ะ
1. 倭 (Wa, Yamato)
倭 อ่านว่า Wa หรือ Yamato เป็นชื่อที่ชาวจีนใช้เรียกญี่ปุ่นมาตั้งแต่ก่อนคริสต์ศักราช โดยในภาษาจีนจะออกเสียงว่า Wō ญี่ปุ่นจึงเรียกประเทศของตนว่า Wakoku (倭国) ตามอิทธิพลของจีน แต่ตัวคันจิ 倭 นั้นมีความหมายถึงความเสื่อมถอย หัวอ่อน และยังหมายถึงคนแคระหลังค่อม ซึ่งเป็นความหมายในเชิงลบ จึงถูกมองว่าไม่เหมาะกับการเป็นชื่อประเทศ จึงได้เปลี่ยนมาเป็น Yamato (大和) และต่อมาก็เปลี่ยนเป็น Nihon (日本) ในภายหลัง
แล้วทำไมตัวคันจิ 倭 จึงสามารถอ่านว่า Yamato ได้?
ทฤษฎีแรก กล่าวว่าเดิมทีบริเวณนี้เรียกกันว่า Yamato มาก่อนแล้ว จากนั้นตัวอักษร 倭 ก็ถูกนำเข้ามาจากประเทศจีน ทำให้ตัวอักษร 倭 จึงอ่านว่า Yamato ทว่าอีกทฤษฎีหนึ่งให้ข้อมูลว่า พื้นที่ที่ปัจจุบันคือจังหวัดนารานั้นในอดีตราวศตวรรษที่ 3 เคยเป็นแคว้นยามาโตะ ตัวคันจิ 倭 จึงอ่านว่า Yamato
2. 大和 (Yamato)
大和 อ่านว่า Yamato เป็นชื่อเรียกที่เก่าแก่และแฝงความหรูหรา สง่างาม มีระดับ โดยในอดีตราวศตวรรษที่ 3 พื้นที่ที่ปัจจุบันคือจังหวัดนารานั้นเคยเป็นแคว้นยามาโตะซึ่งเป็นแคว้นที่ทรงอำนาจที่สุดในเวลานั้น มีกษัตริย์ยามาโตะเป็นผู้ปกครองญี่ปุ่นโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่นารา ดินแดนทั้งหมดจึงถูกเรียกว่า Yamato
นอกจากนี้ ในรัชสมัยของจักรพรรดินีเก็นเมอิ (จักรพรรดิองค์ที่ 43 ช่วงปลายสมัยอาสึกะถึงช่วงต้นสมัยนารา) ได้มีการออกกฎที่เรียกว่า Koujinijikarei (好字二字化令) เป็นคำสั่งที่ระบุว่าในชื่อสถานที่อย่างเช่นชื่อจังหวัด เมือง หรือดินแดนต่าง ๆ ควรประกอบด้วยตัว “คันจิที่มีความหมายเป็นมงคลสองตัว” จึงมีทฤษฎีว่าหลังจากประกาศใช้กฎนี้ ได้มีการเติมตัว 大 เข้าไปกับตัว 倭 กลายเป็น 大倭 (Yamato) และว่ากันว่าตัวอักษรแบบย่อของตัว 倭 คือ 和 สุดท้ายจึงกลายเป็นคำว่า 大和 (Yamato)
3. 日出る国 (Hiizurukuni)
日出る国 อ่านว่า Hiizurukuni เป็นชื่อเรียกที่แฝงความชื่นชม ยกย่อง บ้างก็เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Hiizurutokoro (日出処) แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ดินแดนอาทิตย์อุทัย ย้อนไปในช่วงที่จีนเรียกญี่ปุ่นว่า Wa เจ้าชายโชโตกุได้ส่งจดหมายไปถึงจักรพรรดิแห่งราชวงศ์สุยโดยมีใจความว่า
*「日出処天子至書日没処天子無恙・・・」
(จักรพรรดิแห่งแดนอาทิตย์อุทัยส่งจดหมายไปถึงจักรพรรดิแห่งแดนอาทิตย์อัสดง…)*
เนื่องจากญี่ปุ่นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจีน จึงถูกเรียกว่าดินแดนที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือแดนอาทิตอุทัย ส่วนจีนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของญี่ปุ่น จึงถูกเรียกว่าดินแดนที่พระอาทิตย์ตกหรือแดนอาทิตย์อัสดง นอกจากนี้ยังกล่าวกันว่าการที่เจ้าชายใช้คำว่า 天子 ซึ่งปกติจะใช้เฉพาะกับจักรพรรดิของจีนเท่านั้น เพราะพระองค์ทรงต้องการให้มีฐานะทัดเทียมกับจีน
4. 葦原中国 (Ashihara no Nakatsukuni)
葦原中国 อ่านว่า Ashihara no Nakatsukuni บ้างก็เรียกว่า Toyoashihara no Nakatsukuni (豊葦原中国) หรือ Nakatsukuni (中津国) เป็นชื่อเรียกที่เก่าแก่ตามตำนานของญี่ปุ่น หมายถึงโลกตรงกลางที่อยู่ระหว่าง Takamagahara (高天原) แดนสวรรค์ที่เหล่าทวยเทพอาศัยอยู่ และ Yomi no Kuni (黄泉の国) โลกหลังความตาย จึงเรียกญี่ปุ่นที่เป็นโลกระหว่างกลางว่า Ashihara no Nakatsukuni (葦原中国)
5. 瑞穂の国 (Mizuho no Kuni)
瑞穂の国 อ่านว่า Mizuho no Kuni เป็นชื่อที่แฝงความชื่นชมว่าเป็นประเทศแห่งข้าวที่อุดมสมบูรณ์ ชุ่มฉ่ำ เนื่องจากญี่ปุ่นสามารถปลูกข้าวได้เป็นจำนวนมาก ในบันทึกนิฮงโชกิได้กล่าวถึงพื้นที่ประเทศญี่ปุ่นไว้ว่า
「豊葦原千五百秋瑞穂国」
(Toyoashihara no Chiioaki no Mizuho no Kuni)
ซึ่งมีความหมายถึง ดินแดนที่ต้นกกเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์และนาข้าวที่ออกรวงชุ่มฉ่ำอยู่เสมอนั่นเอง
6. 敷島 (Shikishima)
敷島 อ่านว่า Shikishima เป็นชื่อเรียกเก่าแก่ สามารถเขียนได้ทั้ง 敷嶌, 式島 และ 磯城島 คำว่า Shiki (敷) เป็นชื่อที่ตั้งของพระราชวัง Shiki no Mizukaki no Miya (磯城瑞籬宮) ของจักรพรรดิสุจิน (จักรพรรดิองค์ที่ 10) ซึ่งปัจจุบันคือจังหวัดนารา ส่วนคำว่าShima (島) ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าเกาะ แต่หมายถึง ขอบเขตที่ปกครองโดยจักรพรรดิ จึงเรียกประเทศญี่ปุ่นที่ปกครองโดยจักรพรรดิว่า Shikishima (敷島)
7. 言霊の幸う国 (Kotodama no Sakiwau Kuni)
言霊の幸う国 อ่านว่า Kotodama no Sakiwau Kuni เป็นชื่อที่แฝงความชื่นชมว่าเป็นประเทศที่ความสุขเกิดขึ้นได้ด้วยพลังของคำพูด คำว่า Kotodama (言霊) หมายถึง พลังอันเร้นลับที่อยู่ในคำพูด ตั้งแต่สมัยโบราณชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าคำพูดล้วนมีพลังแฝงอยู่ ในหนังสือรวมบทกวีมังโยชูก็มีกวีหลายบทที่เรียกชื่อญี่ปุ่นด้วยชื่อนี้ เช่น
「しきしまの大和の国は言霊のさきはふ国ぞまさきくありこそ」
(ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พลังแห่งคำพูดนำมาซึ่งความสุข ขอให้คงความสงบสุขสืบไป)
8. 秋津島 (Akitsushima, Akitsujima)
秋津島 อ่านว่า Akitsushima หรือ Akitsujima สามารถเขียนได้ทั้ง 秋津洲 และ蜻蛉島 เป็นชื่อเรียกที่เก่าแก่โดยคำว่า Akitsu (秋津) หมายถึง แมลงปอ ในบันทึกนิฮงโชกิมีเนื้อหาระบุว่าจักรพรรดิทรงกวาดตามองพื้นที่ประเทศและกล่าวว่าเป็นประเทศแสนวิเศษที่รายล้อมไปด้วยภูเขาเรียงต่อกันดั่งแมลงปอผสมพันธุ์กัน จึงตั้งชื่อเรียกประเทศญี่ปุ่นว่า Akitsushima (秋津島)
อีกทั้งในบันทึกโคจิกิยังมีการเรียกประเทศญี่ปุ่นว่า Ooyamato Toyoakitsushima (大倭豊秋津島) และในนิฮงโชกิก็เรียกประเทศญี่ปุ่นว่า Ooyamato Toyoakitsushima (大日本豊秋津洲) นอกจากนี้ในบทกวีวากะหลายบทก็มีคำว่า Akitsushima ปรากฎอยู่ด้วย
9. 扶桑 (Fusou)
扶桑 อ่านว่า Fusou เป็นชื่อเรียกเก่าแก่ ในตำนานจีนกล่าวว่าต้นไม้ยักษ์ที่เติบโตบนเกาะทางด้านสุดฝั่งตะวันออกที่เป็นจุดที่พระอาทิตย์ขึ้นจะเรียกว่า Fusou (扶桑) ซึ่งในประเทศจีนก็ใช้คำนี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ทำให้ญี่ปุ่นจึงเรียกประเทศของตนว่า Fusoukoku (扶桑国) ไปด้วย
ในสมัยเฮอันก็มีหนังสือหลายเล่มที่มีคำว่า Fusou (扶桑) อยู่ในชื่อหนังสือ เช่น หนังสือประวัติศาสตร์ Fusouryakuki (扶桑略記) และหนังสือรวมโคลงกลอนจีน Fusoushu (扶桑集)
10. Zipangu ดินแดนแห่งทองคำ
ชื่อนี้มาจากบันทึกการเดินทางของมาร์โคโปโลที่เขาได้เขียนระหว่างการเดินทางไปยังตะวันออกไกล และเขียนเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นว่า Zipangu หรือ Cipangu ในบันทึกระบุว่า “ญี่ปุ่นอุดมไปด้วยทองคำ อาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นล้วนทำจากทองคำ” ชาวยุโรปในเวลานั้นจึงขนานนามญี่ปุ่นว่า “Zipangu ดินแดนแห่งทองคำ” นอกจากนี้ยังสันนิษฐานกันว่า Zipangu เป็นต้นกำเนิดของคำว่า Japan ในภาษาอังกฤษอีกด้วย
11. 八島 (Yashima, Hachitou)
八島 อ่านว่า Yashima หรือ Hachitou เป็นชื่อที่แฝงความสง่างาม หรูหรา สามารถเขียนได้ทั้ง 八洲 หรือ 大八洲, 大八島 (Ooyashima) ชื่อนี้แปลว่า 8 เกาะ ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงจำนวน 8 เกาะแบบตรงตัว แต่หมายถึงมีจำนวนมาก เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประกอบด้วยเกาะจำนวนมาก
ในบันทึกโคจิกิและนิฮงโชกิยังปรากฎคำว่า八つの島 เป็นคำเก่าที่ใช้เรียกหมู่เกาะญี่ปุ่น 8 เกาะ ประกอบด้วย
- 淡路 (Awaji, ปัจจุบันคือเกาะอาวาจิ)
- 伊豫之二名島 (Iyonofutanashima, ปัจจุบันคือชิโกกุ)
- 隱伎之三子島 (Okinomitsugonoshima, ปัจจุบันคือหมู่เกาะโอกิ)
- 筑紫 (Tsukushi, ปัจจุบันคือคิวชู)
- 伊岐 (Iki, ปัจจุบันคือเกาะอิคิ)
- 対馬(Tsushima, ปัจจุบันคือเกาะสึชิมะ)
- 佐渡(Sado, ปัจจุบันคือเกาะซาโดะ)
- 大倭豊秋津島 (Ooyamatotoyoakitsushima, ปัจจุบันคือฮอนชู)
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ชื่อเรียกส่วนใหญ่จึงตั้งขึ้นมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณและบันทึกไว้จนถึงปัจจุบัน หลาย ๆ ชื่อแฝงความหมายที่สง่างาม ไพเราะ แสดงให้เห็นว่าผู้คนในสมัยก่อนก็มองว่าญี่ปุ่นเป็นดินแดนที่ทั้งสวยงามและน่าอัศจรรย์เช่นกัน
สรุปเนื้อหาจาก jpnculture