โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ญี่ปุ่นในมุมเทา ๆ ที่นี่ไม่ใช่ซ่องโสเภณี แต่มันคือร้านอาหาร ! - เพจ Eak SummerSnow

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 06 มิ.ย. 2563 เวลา 10.46 น. • เพจ Eak SummerSnow

 

หลังจากที่ตอนนี้สถานการณ์การระบาดของไวรัสเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี ธุรกิจหลายๆอย่างก็เริ่มกลับมาเปิดให้บริการกันอีกครั้งนะครับ

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ มีธุรกิจอย่างหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากถูกปิดไปเพราะการระบาดของไวรัสเป็นเวลากว่า 2 เดือน ซึ่งก็คงไม่น่าแปลกถ้าธุรกิจที่ว่ามันนั้นมันเป็นธุรกิจทั่ว ๆ ไปอย่างร้านอาหาร ร้านตัดผม หรือห้าง แต่ธุรกิจเหล่านั้นมันก็ธรรมดาเกินไปครับ เพราะธุรกิจที่เราจะมาพูดกันวันนี้มันคือธุรกิจเทาๆอย่างนึงของญี่ปุ่น ที่แฝงตัวปะปนอยู่กับย่านที่อยู่อาศัยทั่วไปอย่างกลมกลืน ธุรกิจนี้ก็กลับมาเปิดอีกครั้งหลังจากสถานการณ์ไวรัสคลี่คลายเช่นกัน นั่นก็คือ ธุรกิจ “ซ่องโสเภณี” ในย่านโทบิตะชินจิ ย่านโคมแดงที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้านั่นเอง

ก่อนอื่นเราต้องมาพูดกันก่อนว่าการขายบริการทางเพศ หรือ “ซ่องโสเภณี” นั้นเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่นหรือไม่ ? แน่นอนว่าในปัจจุบันคำตอบคือไม่ครับ เพราะญี่ปุ่นมีกฎหมายห้ามค้าประเวณีมาตั้งแต่ปี 1958 หรือประมาณ 60 กว่าปีก่อน แต่แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่เคร่งครัดในกฎหมายและกฎระเบียบมากขนาดไหน แต่ก็เหมือนหลายๆที่บนโลกใบนี้ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่มันได้ปรับตัวให้กลมกลืนกับสังคมบนช่องโหว่ทางกฎหมายของประเทศนั้น ๆ

ในญี่ปุ่นเอง การขายบริการทางเพศก็ได้ถูกจดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายในแง่ของ “ธุรกิจอย่างอื่น” เช่นธุรกิจ Soaplands หรือที่ในบ้านเราอาจจะเรียกได้ว่าเป็น “อาบอบนวด” ที่ญี่ปุ่นก็จะจดทะเบียนในหมวดหมู่ของ “โรงอาบน้ำ” ที่แค่มีพนักงานบริการเฉย ๆ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกว่านั้นเลยจริงจริ๊ง เรื่องหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของลูกค้ากับพนักงาน ที่คนอื่นไม่สามารถเข้าไปเห็นได้ เช่นเดียวกับธุรกิจ “ซ่องโสเภณี” ที่ย่านโทบิตะชินจินี้ เขาก็จดทะเบียนในรูปแบบของ “ร้านอาหาร” ครับ ทุกร้านในย่านนี้จะถือเป็นร้านอาหารร้านหนึ่ง โดยที่มี “สมาคมธุรกิจร้านอาหารแห่งโทบิตะชินจิ” เป็นผู้ควบคุมความเรียบร้อยของ “ร้านอาหาร” ทั้งหมดในย่านนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นร้านอาหาร เขาก็จะต้องมีการเสิร์ฟอาหารจริง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ร้านพวกนี้ก็จะเสิร์ฟเป็นของว่างและเครื่องดื่มที่ราคาแพงมาก โดย “พนักงานเสิร์ฟ” จะนำอาหารขึ้นไปเสิร์ฟให้ถึงห้องส่วนตัว และหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างลูกค้ากับพนักงานเสิร์ฟก็ถือเป็นเรื่องของคนสองคนที่ไม่มีใครเข้าไปยุ่งได้ โดยที่ทางร้านจะมีป้ายเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “ไม่มีการขายบริการทางเพศ” แต่เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างลูกค้ากับ “พนักงานเสิร์ฟ” นั้นถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่เกิดจากความรัก ดังนั้นไม่มีกฎหมายข้อไหนที่จะห้ามให้คนมีความรักใช่ไหม ?

ซึ่ง “ร้านอาหาร” ในรูปแบบนี้เขาจะคิดบริการตามเวลา ยิ่งใช้เวลารับประทานอาหารนานก็จะยิ่งราคาแพง ส่วนรายละเอียดในการรับประทานอาหารนั้นจะขอข้ามไปเพราะไม่ได้จะมาเขียนเชิญชวนให้ใครไปนะครับ แต่เราจะมาพูดกันถึงข้อเท็จจริงว่ามันมีสิ่งแบบนี้อยู่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น

เมื่อลูกค้าอิ่มออกจาก “ร้านอาหาร” แล้ว เขาก็จะมีการแจกลูกกวาดให้กับลูกค้าทุกคน ไม่ได้ให้เอาไว้กินเป็นของหวาน แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าลูกค้านั้นได้ “ทานอาหารอิ่มแล้ว” เมื่อเดินผ่านร้านอื่น ๆ คุณเจ้าของร้านเขาก็จะไม่เสียเวลาเชิญชวนหรือตื้อลูกค้าให้เข้า “ร้านอาหาร“ อื่นอีก เพราะลูกค้าอิ่มแล้ว …

สิ่งที่เกิดขึ้นย่านนี้นั้น คนขายรู้ ลูกค้ารู้ ทุกคนรู้ ยกเว้นตำรวจที่ไม่รู้ … อาจจะเหมือนบ้านเราที่เดินตรวจแถวพัทยาแล้วบอกว่าไม่พบการขายบริการทางเพศนั่นแหละ จะบ้าเหรอ จริง ๆ ตำรวจเขาก็รู้ดียิ่งกว่าใครนั่นแหละ แต่สาเหตุที่เขาไม่สามารถจับได้ก็เพราะว่าธุรกิจเทา ๆ แบบนี้ในญี่ปุ่นก็มักจะมียากูซ่าอยู่เบื้องหลัง ซึ่งปกติตำรวจก็จะไม่ค่อยอยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับยากูซ่า ถ้าไม่มีการล้ำเส้นเกินไป เรื่องนี้ก็เช่นกัน … มันก็ง่ายกว่าถ้าตำรวจจะขอเชื่อว่าย่านโทบิตะชินจินี้ เป็นร้านอาหารจริง ๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาบอกว่าตั้งแต่เปิดย่าน โทบิตะชินจิมา มีการปิดย่านนี้ไปแค่ 3 ครั้งเท่านั้น และครั้งนี้เป็นครั้งที่ต้องหยุดให้บริการนานที่สุดเพราะเป็นการที่ต้องหยุดเนื่องจากการระบาดของไวรัส โดย 2 ครั้งก่อนหน้านี้ที่ย่านนี้ต้องปิดคือตอนงานพระราชพิธีพระบรมศพพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ กับงานประชุม G20 ที่ทางการต้องขอให้ปิดย่านนี้ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศญี่ปุ่น และกลัวว่าต่างชาติจะเข้าใจผิด (ไม่แน่ใจว่าเข้าใจผิดนี่หมายถึงอะไร เข้าใจผิดว่าที่นี่ไม่ใช่ “ร้านอาหาร” น่ะเหรอ ?) ที่จริงมีการขอความร่วมมือให้ปิดอีกครั้งหนึ่งตอนงานประชุม APEC summit เมื่อปี 1995 ด้วยนะครับ แต่ในครั้งนั้นย่านนี้ก็ไม่ได้ปิดแต่อย่างใด แค่เพียงจะไม่มี “เด็กเสิร์ฟ” มานั่งเรียกลูกค้าอยู่ตรงประตูร้านเท่านั้น

ซึ่งหลังจากการกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง ทางกลุ่ม “สมาคมธุรกิจร้านอาหารแห่งโทบิตะชินจิ” เขาก็ร่อนจดหมายกันตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ว่าร้านทั้งหมดจะกลับมาเปิดได้ในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน โดยในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เขาก็ออกจดหมายอ้างว่าได้ทำการจัดชุดตรวจ covid มาทำการตรวจน้อง ๆ "เด็กเสิร์ฟ" ทั้งหมดแล้ว และไม่มีใครมีผลเป็นบวกเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งอันนี้จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ …

แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงมาตรการการ Social distancing อะไรแต่อย่างใด เข้าใจว่าเพราะ ”ร้านอาหาร” แบบนี้มันคงเว้นระยะกันยาก … โดยเขาบอกแค่ว่าทาง “สมาคมธุรกิจร้านอาหารแห่งโทบิตะชินจิ” ได้ทุ่มเงินมากกว่าเดือนละ 5 แสนเยน เพื่อซื้อชุดตรวจโควิดมาเตรียมไว้ที่ร้านทุกร้านเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเหล่าลูกค้าไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ … อืมมมมมม

อ้างอิงข่าวจาก tokyoreporter , osakabros

ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ

ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม

Facebook :Eak SummerSnow

Youtube : Eak SummerSnow

 

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...