โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

”จตุพร ดำเนินชาญวนิชย์“ พาทัวร์อาณาจักร Double A ฐานผลิตใหญ่ส่งขาย 130 ประเทศ!

ข่าวหุ้นธุรกิจ

เผยแพร่ 13 มี.ค. เวลา 15.04 น. • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

นายจตุพร ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการบริหาร บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) หรือ Double A ได้พาทีมงานของรายการ “เสือร้องไห้” เยี่ยมชมกิจการและฐานปฎิบัติการสำคัญของกระดาษ Double A ที่รองรับดีมานด์จากทั่วโลกกว่า 130 ประเทศ

นายจตุพร เปิดเผยว่า ตนเองเป็นผู้บริหารรุ่นที่ 3 ของบริษัท ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการผลิตกระดาษอย่างครบวงจรปัจจุบัน โดยปัจจุบันบริษัทมีกระบวนการผลิตชิ้นไม้สับที่จะนำไปทำเป็นกระดาษในปริมาณ 8,500 ตันต่อวัน หรือประมาณ 2.7 ล้านตันต่อปี โดยวัตถุดิบหลักของชิ้นไม้สับมาจากต้นกระดาษที่บริษัทพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา

สิ่งสำคัญ คือ วัตถุดิบทั้งหมดที่ใช้ในกระบวนการผลิตมาจาก การปลูกต้นกระดาษโดยตรง ไม่ใช่จากป่าธรรมชาติ ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดด้านความยั่งยืนที่บริษัทให้ความสำคัญมาโดยตลอด 30 ปีที่ผ่านมา พร้อมๆกับการที่บริษัทดำเนินโครงการ ส่งเสริมการปลูกต้นกระดาษ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีเกษตรกรในเครือข่ายกว่า 5,500 ราย ที่ร่วมกันปลูกและผลิตไม้เพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิต ซึ่งไม่เพียงช่วยให้บริษัทมีวัตถุดิบที่เพียงพอ แต่ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืนอีกด้วย ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่ากระดาษ Double A ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทำลายทรัพยากรป่าไม้

สำหรับกระบวนการผลิตนั้น นายจตุพร ให้ข้อมูลว่า เมื่อไม้เข้าสู่โรงงาน กระบวนการผลิตเยื่อกระดาษจะเริ่มต้นด้วยการปอกเปลือกไม้โดยใช้ เครื่องปอกเปลือก (Debarker) เพื่อแยกเปลือกไม้ออกจากเนื้อไม้ จากนั้นเนื้อไม้จะถูกทำความสะอาดและสับเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดประมาณ 1x1 นิ้ว ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเยื่อกระดาษ

จากนั้นชิ้นไม้สับขนาด 1x1 นิ้วจะถูกลำเลียงผ่าน สายพานลำเลียงไปยังโรงเยื่อ เพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตเยื่อ โดยกระบวนการเริ่มต้นจาก การต้มเยื่อ โดยชิ้นไม้สับจะถูกส่งเข้า หม้อต้มเยื่อ (Digester) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกระสวยอวกาศ ภายในหม้อต้มจะใช้น้ำยาต้มเยื่อและความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 160-170 องศาเซลเซียส เพื่อละลายลิกนิน ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่ยึดเกาะเส้นใยไม้เข้าด้วยกัน กระบวนการนี้เป็นแบบต่อเนื่อง โดยชิ้นไม้สับจะถูกเติมจากด้านบน และค่อยๆ เคลื่อนตัวลงมา ใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง จุดประสงค์ของการต้มเยื่อคือ การแยกเส้นใยเซลลูโลสออกจากลิกนิน เพื่อให้ได้เยื่อที่พร้อมสำหรับกระบวนการถัดไป

ทั้งนี้ เมื่อเยื่อกระดาษผ่านกระบวนการต้ม จะมีการใช้น้ำยาเคมีเพื่อละลายลิกนิน ซึ่งเป็นสารที่ยึดเส้นใยไม้เข้าด้วยกัน หลังจากกระบวนการนี้ เยื่อที่ได้จะมี สีน้ำตาล ซึ่งเรียกว่า เยื่อคราฟท์ (Kraft Pulp) ก่อนที่จะนำเยื่อสีน้ำตาลผ่านกระบวนการ คัดแยกและล้างสน ด้วยน้ำยาดำ (Black Liquor) ซึ่งเป็นของเหลวที่ประกอบด้วยลิกนินและสารเคมีที่ใช้ในการต้มเยื่อออก กระบวนการนี้ช่วยทำให้เยื่อบริสุทธิ์มากขึ้นและพร้อมสำหรับกระบวนการฟอกในขั้นตอนต่อไป

ส่วนกระบวนการฟอกเยื่อที่ผ่านการล้างแล้วยังคงมี สีน้ำตาล และต้องผ่านการฟอกเพื่อให้ได้เยื่อสีขาว กระบวนการฟอกประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การฟอกด้วยกรดแล้วล้าง การฟอกด้วยด่างเพื่อดึงน้ำยางไม้ออก และการฟอกด้วยกรดอีกครั้งเพื่อให้เยื่อขาวสะอาด นอกจากนี้ อาจมีการบำบัดเยื่อด้วยออกซิเจนก่อนการฟอก เพื่อกำจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกเพิ่มเติม หลังจากผ่านกระบวนการฟอกแล้ว เยื่อจะมีลักษณะเป็น เยื่อน้ำ (Slurry Pulp) ซึ่งจะถูกส่งต่อไปยังโรงกระดาษ เพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตกระดาษต่อไป

นอกจากกระบวกการผลิตที่ซับซ้อน Double A ยังให้ความสำคัญกับ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยของเหลือจากกระบวนการผลิตเยื่อกระดาษ จะถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เปลือกไม้ จากกระบวนการปอกเปลือก และ ลิกนิน ที่แยกออกจากกระบวนการต้มเยื่อ จะถูกนำไปใช้เป็น เชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล เพื่อผลิตไอน้ำและไฟฟ้าใช้ในโรงงาน

ขณะเดียวกัน น้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตเยื่อ ก็จะผ่านกระบวนการบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่ในการรดน้ำต้นไม้ หรือแบ่งปันให้กับชุมชน ซึ่งแนวทางดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริม เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด

ด้วยการบริหารจัดการแบบ โรงงานบูรณาการ (Fully Integrated Mill) บริษัทดำเนินกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ครอบคลุมตั้งแต่การเพาะกล้าไม้ การปลูกต้นกระดาษ การผลิตชิ้นไม้สับ การผลิตเยื่อกระดาษ จนถึงกระบวนการผลิตกระดาษสำเร็จรูป การดำเนินงานในลักษณะนี้ช่วยลดต้นทุนและลดพลังงานที่ใช้ในกระบวนการผลิต โดยเฉพาะการลดความจำเป็นในการขนส่งเยื่อน้ำระหว่างโรงงาน ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในด้านการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน บริษัทมีบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ถึง 1,200 ไร่ ซึ่งสามารถจุน้ำได้มากถึง 35 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน โครงการดังกล่าวไม่เพียงช่วยให้โรงงานมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับกระบวนการผลิตตลอดทั้งปี แต่ยังช่วยลดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนโดยรอบได้อีกด้วย ทั้งนี้ น้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตจะผ่านกระบวนการบำบัดอย่างเข้มงวดให้ได้ค่าที่สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนด ก่อนจะนำไปใช้รดน้ำต้นกระดาษหรือแบ่งปันให้กับชุมชนในพื้นที่

นอกจากนี้ บริษัทมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการความยั่งยืนโดยคำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนควบคู่กันไป โดยตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ผ่านการใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานชีวมวล ซึ่งในพื้นที่ Double A มีอ่างน้ำที่ติดตั้ง โซลาร์ลอยน้ำ ขนาดกำลังการผลิต 150 MW เพื่อนำมาใช้ในไลน์การผลิตและใช้กับรถบรรทุกไฟฟ้า (EV Truck) ที่บริษัทเริ่มนำมาใช้ในการขนส่งสินค้า เพื่อลดการปล่อยมลพิษ

ขณะเกียวกัน ต้นกระดาษที่ปลูกยังมีส่วนช่วยในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กระบวนการของเราเพื่อให้มันใกล้ชิดกับ Net Zero

“ เราก็ภาคภูมิใจมากๆ ที่สินค้าของ Double A เราก็ส่งออกไปมากกว่า 130 ประเทศทั่วโลก ไม่ใช่แค่ว่าเขารู้จักแบรนด์เรา แต่เขาก็เชื่อมั่นในแบรนด์เราด้วย คือเรื่องของคุณภาพเราเองใช้วัตถุดิบจากที่พี่ๆ เห็นมาเราใช้วัตถุดิบที่ผลิตโดยเกษตรกรไทย แล้วก็สามารถแปรรูปในเมืองไทยทั้งหมดอยู่ในที่ปราจีนบุรี” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร ยังบอกว่า บริษัทให้ความสำคัญกับนวัตกรรมด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการ Upcycling Project ซึ่งนำขวดพลาสติกที่เก็บจากทะเลมาผลิตเป็นถุงผ้า เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกและสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

สุดท้ายนี้ บริษัทดำเนินธุรกิจภายใต้คติประจำใจ "Better Paper, Better World" ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าการผลิตกระดาษที่ดีไม่ได้เป็นเพียงแค่การส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงให้กับผู้บริโภค แต่ยังสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกในระยะยาว ด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ตั้งแต่การบริหารจัดการวัตถุดิบ การใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...