โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ท่องเที่ยว

12 สถานที่ท่องเที่ยวใน “โทโฮคุ” ที่ไม่ไปไม่ได้!

conomi

อัพเดต 08 เม.ย. เวลา 17.35 น. • เผยแพร่ 08 เม.ย. เวลา 11.00 น. • conomi.co

“โทโฮคุ” คือชื่อของภูมิภาคที่ตั้งอยู่ค่อนไปทางเหนือของประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย 6 จังหวัดได้แก่ จังหวัดอะโอโมริ, จังหวัดอิวะเตะ, จังหวัดมิยะงิ, จังหวัดอะคิตะ, จังหวัดยะมะงะตะ และจังหวัดฟุคุชิมะ ภูมิภาคนี้อาจจะไม่ได้เด่นดังอย่างภูมิภาคคันไซหรือคันโต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่นี่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเด็ด ๆ มากมาย CONOMI ขอเสนอ 12 สถานที่ท่องเที่ยวในโทโฮคุที่ไม่ไปไม่ได้ จะมีที่ไหนบ้าง แล้วทำไมถึงต้องไปให้ได้ ตามมาดูกัน!

จังหวัดอะโอโมริ

1. ปราสาทฮิโระซะกิ

ปราสาทฮิโระซะกิ โทโฮคุ

ปราสาทฮิโระซะกิ (弘前城) ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1611 โดยตระกูลซึการุ แต่เดิมเป็นปราสาท 5 ชั้น แต่ถูกไฟไหม้จากฟ้าผ่า จึงได้มีการบูรณะใหม่ให้เหลือ 3 ชั้น ปัจจุบันเป็น 1 ใน 7 ปราสาทที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดของญี่ปุ่น ภายในจัดแสดงวัตถุโบราณ เช่น ชุดเกราะซามูไร เป็นต้น ด้วยความที่ปราสาทตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะฮิโระซะกิที่มีชื่อเสียงเรื่องจุดชมซากุระ ทำให้ภาพของปราสาทฮิโระซะกิท่ามกลางซากุระสีชมพูนั้นสวยจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย

ปราสาทฮิโระซะกิ

2. โฮโตเกะงะอุระ

โฮโตเกะงะอุระ โทโฮคุ

หากไปเยือนบริเวณคาบสมุทรชิโมคิตะ ในหมู่บ้านซาอิ จังหวัดอะโอโมริ จะพบกับหน้าผาและโขดหินสูงรูปร่างแปลกตาเรียงรายเป็นระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร หินผาเหล่านี้เกิดจากการเคลื่อนตัวของภูเขาไฟใต้ทะเลตั้งแต่เมื่อราว ๆ 20 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งถูกคลื่นลมทะเลกัดกร่อนทีละน้อยจนกลายเป็นหินรูปร่างแปลกตาที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนที่พบเห็นในปัจจุบัน แนะนำว่านอกจากเดินชมแล้วให้ล่องเรือชมด้วย เพื่อให้สามารถซึมซับความงามของโขนหินและท้องทะเลได้อย่างเต็มที่

โฮโตเกะงะอุระ

จังหวัดอิวะเตะ

1. ชายหาดโจโดงาฮามะ

ชายหาดโจโดงาฮามะ โทโฮคุ

ชายหาดโจโดงาฮามะ (浄土ヶ浜) ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดอิวะเตะเลยอย่างแท้จริง เม็ดทรายสีขาวสะอาดตัดกับน้ำทะเลสีครามและโขดหินรูปทรงมีเอกลักษณ์ทำให้หาดทรายแห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าค้นหาราวกับอยู่ในแดนสวรรค์ เราสามารถว่ายน้ำชมความงามใต้ท้องทะเลและนั่งเรือชมเกาะหินและถ้ำสีฟ้าได้ และแน่นอนว่าที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นจุดให้บริการนักท่องเที่ยว ห้องอาหาร ห้องน้ำและห้องอาบน้ำ ไปจนถึงบ้านพัก รับประกันความประทับใจและสะดวกสบายที่มีให้อย่างครบครัน

ชายหาดโจโดงาฮามะ

2. ภูเขาอิวะเตะ

ภูเขาอิวะเตะ โทโฮคุ

ภูเขาอิวะเตะ (岩手山) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดอิวะเตะด้วยความสูง 2,038 เมตร ทั้งยังเป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ภูเขาลูกนี้มักถูกเรียกว่า “นัมบุ คาตะฟูจิ” ที่แปลว่า “ภูเขาฟูจิผ่านครึ่งแห่งนัมบุ” เนื่องจากฝั่งของภูเขาที่ลาดเอียงเล็กน้อยดูคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ จุดที่แนะนำสำหรับการชมวิวภูเขาอิวะเตะสวย ๆ คือบริเวณสะพานไคอุนบาชิในโมริโอกะ จากตรงนั้นจะมองเห็นภูเขาอิวะเตะตั้งเด่นเป็นสง่าได้อย่างชัดเจน

ภูเขาอิวะเตะ

จังหวัดมิยางิ

1. หุบเขานารุโกะ

หุบเขานารุโกะ โทโฮคุ

หุบเขานารุโกะ (鳴子峡) เป็นหนึ่งในสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุเลยก็ว่าได้ ในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน หุบเขาแห่งนี้จะเปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม เหลือง สวยงามดึงดูดทุกสายตา จุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือบริเวณอุโมงค์รถไฟเชื่อมกับสะพานโอะฟุคะซาวะ ซึ่งในฤดูใบไม้ร่วงจะเห็นวิวรอบด้านเป็นใบไม้เปลี่ยนสีละลานตาสวยงามมาก ๆ นอกจากนี้ใกล้ ๆ กับหุบเขานารุโกะยังมีพิพิธภัณฑ์โคเคชิ (ตุ๊กตาไม้ญี่ปุ่น) และนารุโกะออนเซนให้เข้าไปเที่ยวชมและผ่อนคลายความเหนื่อยล้าด้วย

หุบเขานารุโกะ

2. ปีศาจหิมะจูเฮียว

ปีศาจหิมะจูเฮียว

ปีศาจหิมะจูเฮียว (みやぎ蔵王の樹氷) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในฤดูหนาวที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เมื่อหิมะและน้ำค้างไปเกาะบนกิ่งก้านของต้นไม้จนหนาเตอะกลายเป็นรูปร่างที่ดูคล้ายกับปีศาจหิมะ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “จูเฮียว” ที่แปลว่า “ต้นไม้น้ำแข็ง” นั่นเอง ในญี่ปุ่นมีสถานที่ที่เกิดปรากฏการณ์นี้หลายแห่ง แต่ที่โด่งดังที่สุดก็คือปีศาจน้ำแข็งแห่งมิยะงินี้ ซึ่งจะอยู่บริเวณรอบ ๆ หุบเขาซาโอและซาโอ สกี รีสอร์ท ดังนั้นใครที่ไปเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดที่นี่ก็จะมีโอกาสได้เห็นปีศาจน้ำแข็งด้วย

ปีศาจหิมะจูเฮียว

จังหวัดอะคิตะ

1. เทศกาลโยโคเตะ คามาคุระ

เทศกาลโยโคเตะ คามาคุระ โทโฮคุ

เทศกาลเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 450 ปี จัดขึ้นในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ของทุกปีที่เมืองโยโคเตะ จังหวัดอะคิตะ โดยจะมีการสร้างกระท่อมน้ำแข็งขนาดย่อม เรียกว่า “คามาคุระ” ที่จุคนได้ประมาณ 3-4 คนตามจุดต่าง ๆ ทั่วเมือง ภายในมีกองไฟเล็ก ๆ สำหรับนั่งผิงไฟและย่างโมจิ และมีแท่นบูชาทำจากหิมะเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าแห่งน้ำอยู่ด้วย ในช่วงค่ำระหว่างหกโมงเย็นถึงสามทุ่ม เด็ก ๆ จะออกมาพูดเชิญชวนผู้ที่สัญจรผ่านไปมาให้เข้าไปในคามาคุระ พร้อมแจกโมจิและอามาซาเกะ (เหล้าหวานอุ่น ๆ ทำจากข้าวที่มีปริมาณแอลกอฮอลน้อยมากหรือไม่มีเลย) เป็นเทศกาลที่มีเสน่ห์และดึงดูดให้ผู้คนเดินทางไปเที่ยวเมืองโยโคเตะในแต่ละปี

2. หินก็อตซิลล่า

หินก็อตซิลล่า คามาคุระ

แลนด์มาร์กท้องถิ่นของจังหวัดอะคิตะที่มีชื่อเสียงจากหน้าตาของหินที่เหมือนกับก็อตซิลลา สัตว์ประหลาดตัวใหญ่จากภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก สำหรับเวลาที่คนนิยมไปเยี่ยมชมและถ่ายรูปหินก็อตซิลล่านี้มากที่สุดคือช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เพราะหากมองผ่านหินก็อตซิลลาไปยังดวงอาทิตย์จะเห็นภาพที่เหมือนกับเจ้าก็อตซิลล่ากำลังปล่อยลูกไฟสีส้มออกจากปาก ทั้งน่ามหัศจรรย์และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน

หินก็อตซิลล่า

จังหวัดยะมะงะตะ

1. แม่น้ำโมกามิ

แม่น้ำโมกามิ โทโฮคุ

แม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดยะมะงะตะที่หล่อเลี้ยงนับหมื่นนับแสนชีวิตตลอดระยะทางยาว 224 กิโลเมตร ที่นี่มีบริการล่องเรือชมแม่น้ำโมกามิที่สวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล ในฤดูใบไม้ผลิจะได้ชมดอกซากุระและดอกสึสึจิสีแดงชมพูที่พร้อมใจกันบานทั่วทั้งภูเขา ชมป่าไม้เขียวขจีสดชื่นหัวใจในฤดูร้อน ชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และพบกับวิวทิวทัศน์สีขาวโพลนสุดลูกหูลูกตาในฤดูหนาว โดยในเรือที่ให้บริการเที่ยวชมแม่น้ำก็มีหลังคากันแดดกันหิมะ และมีไกด์คอยบรรยายด้วย วิวสวยระดับชาติแบบนี้ ไปแค่ครั้งเดียวไม่พอแน่นอน

แม่น้ำโมกามิ

2. กินซังอนเซ็น

กินซังอนเซ็น

“กินซังอนเซ็น” (銀山温泉) หรือที่แปลตรง ๆ ได้ว่า “น้ำพุร้อนภูเขาสีเงิน” เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่คงเสน่ห์ของเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เห็นได้จากเรียวกังไม้ตลอดสองข้างทาง บริเวณใจกลางเมืองทำเป็นถนนคนเดินไม่เปิดให้รถวิ่งผ่าน ทำให้สามารถเดินเล่นกินบรรยากาศเมืองเก่าได้อย่างรื่นรมย์ เมื่อตกกลางคืน เรียวกังทั้งหลายจะพร้อมใจกันเปิดไฟสีเหลืองทอง โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่มีหิมะสีขาวปกคลุมเมืองด้วยแล้ว ยิ่งกลายเป็นทัศนียภาพที่งดงามราวกับหลุดเข้าไปในโลกแฟนตาซีเลยทีเดียว

กินซังอนเซ็น

จังหวัดฟุคุชิมะ

1. หมู่บ้านโออุจิจูคุ

หมู่บ้านโออุจิจูคุ โทโฮคุ

หมู่บ้านโบราณที่เคยเป็นที่พักแรมของพ่อค้า ซามูไร และนักเดินทางทั้งหลายที่เดินทางด้วยเท้าในสมัยเอโดะ ปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทั้งร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ ตลอดสองข้างทางโดยที่ยังคงลักษณะของบ้านโบราณสมัยเอโดะเอาไว้ดังเดิม แม้แต่เสาไฟฟ้าก็เอาลงดินหมดเพื่อให้คงความเป็นเมืองโบราณให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์และวัดให้เข้าไปเยี่ยมชมด้วย

หมู่บ้านโออุจิจูคุ

2. มิฮารุ ทากิซากุระ

มิฮารุ ทากิซากุระ

ต้นซากุระยืนหนึ่งขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่าเป็นต้นซากุระที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองมิฮารุ ใจกลาง จังหวัดฟุคุชิมะ “ทากิซากุระ” แปลตรงตัวได้ว่า “ซากุระน้ำตก” ซึ่งก็เป็นไปตามลักษณะของกิ่งซากุระสายพันธุ์นี้ที่ห้อยย้อยลงมาเป็นสายราวกับน้ำตก มิฮารุ ทากิซากุระมีขนาดใหญ่กว่าต้นซากุระทั่วไป โดยมีขนาดเส้นรอบวงลำต้น 9.5 เมตร และคาดว่ามีอายุมากกว่า 1,000 ปีแล้ว ทำให้ผู้คนจำนวนมากอยากเดินทางไปเห็นให้ได้ด้วยตาของตัวเองสักครั้ง

กินซังอนเซ็น

โทโฮคุเป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่พรั่งพร้อมไปด้วยวิวธรรมชาติ ประเพณีญี่ปุ่นดั้งเดิม รวมถึงยังมีอาหารรสเลิศอีกมากมายให้เราได้ค้นหา ใครอยากลองสัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นที่นอกจากตัวเมืองใหญ่ลองไปเที่ยวภูมิภาคนี้สักครั้งสิคะ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...