โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

10 เหตุผลสุดประหลาดใจ ที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย

SistaCafe

อัพเดต 15 พ.ค. 2560 เวลา 08.15 น. • เผยแพร่ 15 พ.ค. 2560 เวลา 08.15 น. • อานิโมเน่_Anemone

อาการอ่อนเพลียเรื้อรังเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก แถมยังเป็นภัยใกล้ตัวที่ใครๆ ไม่คาดคิดอีกด้วย หากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อ่อนเพลียเรื้อรังบ่อยครั้ง มาดูเหตุผลไปพร้อมๆ กันดีกว่าว่าเพราะอะไร คือเหตุผลที่ทำให้สาวๆ อ่อนเพลีย

 

1. เกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ

สำหรับใครที่นอนหลับวันละกว่า 8 ชั่วโมงแต่ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะเกิด ภาวะหยุดหายใจขณะที่นอนหลับอยู่ก็เป็นไปได้ ซึ่งวิธีสังเกตว่าคุณมีภาวะนี้อยู่หรือไม่ก็คือดูว่าตัวเองนอนกรนหรือเปล่าค่ะ หากนอนกรน ก็มีภาวะเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ

 

2. ผลข้างเคียงของยา

บางคนที่เกิดอาการอ่อนเพลียเรื้อรังไม่ใช่เพระาปัญหาสุขภาพ แต่เกิดจากผลข้างเคียงของยามากกว่าค่ะ โดยผลข้างเคียงของยาที่จะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียมีหลายชนิดด้วยกัน อย่างยาแก้แพ้บางตัวกินแล้วง่วงตลอดเวลา ยารักษาโรคซึมเศร้าเองก็เช่นกัน ส่งผลให้คุณอยากพักผ่อนตลอดเวลา ดังนั้นหากคุณอ่อนเพลีย อยากนอนอยู่ตลอด ลองสังเกตดูว่ากินยาอะไรไปหรือเปล่า จะทำให้รู้สาเหตุได้

 

3. ดื่มกาแฟมากเกินไป

หลายคนคงจะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เอ๊ การกินกาแฟส่งผลอะไรต่อร่างกายกันละเนี่ย ขอตอบว่าแท้จริงแล้วการกินกาแฟนี่ล่ะค่ะ ที่ส่งผลเสียต่อร่างกายจนเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ดื่มกาแฟไม่เป็นเวล่ำเวลา ดื่มตอนเย็นหรือตอนดึก ส่งผลให้ระบบการนอนหลับของร่างกายแปรปรวนมากกว่าเดิม นานวันเข้าก็จะทำให้การนอนของเราผิดเวลาและอ่อนเพลียได้ในตอนกลางวันนั่นเองค่ะ

  

4. ขับน้ำออกจากร่างกายมากเกินไป

บางคนมุ่งหวังจะลดน้ำหนักให้น้อยลงกว่าเดิม ทำให้ทานยาที่กระตุ้นการคายน้ำออกจากร่างกาย ยกตัวอย่างเช่นยาลดความอ้วนบางชนิดที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ส่งผลให้เราอ่อนเพลียสะสม ดังนั้นการทานยาลดความอ้วนจึงต้องระมัดระวังให้มากนะคะ

 

5. การเล่นโทรศัพท์มือถือก่อนนอน

สาวๆ ทราบหรือไม่ว่าการเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนส่งผลให้เรานอนหลับไม่สนิทค่ะ เพราะว่าแสงสีฟ้าจากเจ้าเครื่องมือสื่อสารเหล่านี้จะไปยับยั้งเมลาโทนนินซึ่งมีส่วนทำให้ร่างกายนอนหลับสนิท เมื่อเล่นโทรศัพท์ก่อนนอน เจ้าสารเมลาโทนินก็หลั่งได้ไม่เต็มที่และก่อให้เกิดการนอนได้ไม่เต็มที่ตามมา พาให้เกิดโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง

 

6. ขาดการออกกำลังกาย

 หากว่าคุณเป็นคนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนก็ถึงเวลาที่จะปฏิวัติตัวแล้วค่ะ เพราะการไม่ออกกำลังกายมาก่อนเลยจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ง่าย เซื่องซึม ออกแรงนิดๆ หน่อยๆ ก็เหนื่อยและที่สำคัญยังไม่มีภูมิคุ้มกันโรคอีกด้วย

 

7. ออกกำลังกายมากเกินไป

สำหรับคนที่ออกกำลังกายมากเกินที่ร่างกายจะรับไหวก็ส่งผลเสียไม่น้อยเลยค่ะ เพราะคุณจะพบว่าวันไหนที่คุณวิ่งมากๆ คุณก็จะเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย ทำอะไรก็ไม่มีแรง ซึ่งการออกกำลังกายที่ถูกต้องเราควรออกแต่พอดีก็เพียงพอและทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วนะคะ

  

8. หักโหมลดความอ้วน

สาวๆ ที่หักโหมลดความอ้วนคงเคยสังเกตตนเองและสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเองยามที่ลดความอ้วน คุณจะสังเกตว่าร่างกายของคณอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า ไม่มีแรงจะทำอะไร  ที่เป็นเช่นนั้นเพราะคุณไม่ได้ทานอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั่นเอง

  

9. ขาดธาตุเหล็ก

ธาตุเหล็กมีหน้าที่สำคัญในการเสริมการทำงานของเม็ดเลือดแดง ซึ่งมีหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจนไปส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อขาดธาตุเหล็กการส่งออกซิเจนไปเซลล์ต่างๆ ก็ทำได้ไม่เต็มที่ ก่อให้เกิดอาการที่แสดงออกก็คือการอ่อนเพลียนั่นเอง

 

10. เป็นโรคซึมเศร้า

การป่วยโรคซึมเศร้าจะส่งผลทางกายคือทำให้คุณรู้สึกอ่อนเพลีย อยากพักผ่อนตลอดเวลา และไม่อยากทำอะไร ใครที่หมดพลังชีวิตลองดูนะคะว่าตัวเองป่วยโรคนี้อยู่หรือเปล่า

 

สำหรับใครที่เป็นโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง มาดูกันว่าคุณป่วยเป็นโรคใดหรือไม่ หากป่วยแล้วรีบทำการรักษาเพื่อให้สุขภาพของคุณไม่มีโรคใดๆ มากล้ำกรายนะคะ

ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง http://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...