"ไทย" ปฏิเสธข้อกล่าวหา "กัมพูชา" อ้างโจมตีพลเรือน ลั่นสันติภาพต้องอยู่บนความจริง
วันนี้ (12 ธ.ค.2568) พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเอกสารที่ฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ต่อประชาคมโลก กรณีกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาเผยแพร่เอกสารข่าวที่กล่าวอ้างว่า ประเทศไทยใช้กำลังทหารโจมตีเป้าหมายพลเรือน เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บิดเบือนข้อเท็จจริงและขาดข้อมูลหลักฐานที่เชื่อถือได้ โดยข้อเท็จจริงมีดังนี้
1. ประเทศไทยไม่ใช่ฝ่ายเริ่มต้นความรุนแรง ประเทศไทยขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เปิดฉากโจมตีทางทหารก่อน ต่อกำลังพลของไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในดินแดนอธิปไตยของประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.2568 โดยมีการใช้ปืนใหญ่ อาวุธยิงวิถีโค้ง จรวด BM-21 และอากาศยานไร้คนขับอย่างต่อเนื่อง การดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นการตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองโดยชอบธรรมเท่านั้น
2. การปฏิบัติของไทยเป็นไปตามสิทธิในมาตรา 51 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ ประเทศไทยใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อยุติการโจมตีและคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน โดยยึดหลักความจำเป็น (Necessity) ความได้สัดส่วน (Proportionality) การจำแนกเป้าหมายทางทหาร (Distinction) อย่างเคร่งครัดตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL)
3. ประเทศไทยไม่เคยโจมตีพลเรือนหรือพื้นที่พลเรือน และขอปฏิเสธอย่างชัดเจนต่อข้อกล่าวหาเรื่องการโจมตีพลเรือน บ้านเรือน โรงเรียน วัด หรือโครงสร้างพื้นฐานพลเรือน ทุกเป้าหมายที่ฝ่ายไทยดำเนินการ เป็นเป้าหมายทางทหารที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าถูกใช้เป็นฐานยิง เป็นจุดควบคุมหรือสนับสนุนการโจมตีและเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความปลอดภัยของประชาชนไทย
4. ข้อกล่าวหาเรื่องการโจมตีเชิงลึกระยะ 80 - 90 กม. ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ข้อมูลที่ฝ่ายกัมพูชาระบุว่าไทยโจมตีเชิงลึกเข้าไปในดินแดนกัมพูชาเป็นวงกว้าง เป็นการกล่าวอ้างที่ขาดหลักฐานยืนยันและไม่ตรงกับลักษณะการปฏิบัติจริง การปฏิบัติของไทยเป็นการดำเนินการเฉพาะจุดต่อเป้าหมายทางทหารที่ก่อให้เกิดภัยคุกคามเท่านั้น
5. การอพยพประชาชนในกัมพูชาเป็นผลจากการตัดสินใจของฝ่ายกัมพูชาเอง ประเทศไทยไม่เคยมีนโยบายหรือการปฏิบัติที่มุ่งทำให้ประชาชนกัมพูชาต้องอพยพ การเคลื่อนย้ายประชาชนในฝั่งกัมพูชาเป็นการบริหารจัดการภายในของฝ่ายกัมพูชา และไม่อาจนำมาใช้กล่าวโทษฝ่ายไทยได้ รวมถึงกองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชามีการใช้เคหสถาน บ้านเรือน และอาคารของพลเรือนเป็นฐานที่ตั้งทางทหาร ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาและข้อกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน
6. ไทยยึดมั่นมนุษยธรรม และคำนึงถึงชีวิตพลเรือนเป็นอันดับแรก ไม่มีนโยบายทำร้ายประชาชนชาวกัมพูชา และไม่เคยถือว่าประชาชนเป็นศัตรู ประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ หลีกเลี่ยงการปฏิบัติในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อพลเรือนและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
7. ประเทศไทยต้องการสันติภาพที่แท้จริง และยังคงยืนยันว่า สันติภาพที่ยั่งยืนต้องตั้งอยู่บนข้อมูลความจริง ไม่ใช่การบิดเบือนข้อมูล และการลดความตึงเครียดจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายกัมพูชายุติการโจมตีและเคารพอธิปไตยของประเทศไทย
ประเทศไทยขอยืนยันต่อประชาคมโลกว่า ประเทศไทยไม่ใช่ผู้รุกรานและเริ่มความรุนแรง ประเทศไทยปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องประชาชนของตนเอง ตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ประเทศไทยยังคงเปิดกว้างต่อความร่วมมือ การสื่อสารด้วยความจริง และแนวทางสันติภาพ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศและเสถียรภาพของภูมิภาค
อ่านข่าว
ทภ.2 ชี้เขมรเติมอาวุธ-เติมกำลัง ยิงใส่ที่มั่นฝ่ายไทยในจุดล่อแหลม
"อนุทิน" คุยเหล่าทัพเตรียมข้อมูลหารือ "ทรัมป์" ย้ำไม่ใช่เจรจา