โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘เสี่ยหนู’ไม่ก้าวล่วง‘ภูมิธรรม’นั่ง มท.1 แทน ย้ำ‘ภูมิใจไทย’เสนอคุมกัญชาแล้ว แต่เจอคว่ำเพราะเกมการเมือง

แนวหน้า

เผยแพร่ 30 มิ.ย. เวลา 17.00 น.

‘เสี่ยหนู’ไม่ก้าวล่วง‘ภูมิธรรม’คุมมท.แทน ย้ำ‘ภูมิใจไทย’เสนอคุมกัญชาแล้วแต่เจอคว่ำเพราะเกมการเมือง

วันที่1 กรกฎาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง’ ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นการทำงานหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ว่า เวลานี้งานในพรรคมีมากขึ้น เพราะต้องลงพื้นที่พบปะประชาชนให้มากขึ้นในทุกภาคของประเทศ เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับตัวแทนของพรรคที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในอนาคต

ส่วนรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุดที่เพิ่งมีการโปรดเกล้าฯ ในวันที่ 1 ก.ค. 2568 โดยเป็น ครม. ที่ไม่มีพรรคภูมิใจไทย ตนได้เห็นแล้วซึ่งก็รู้จักกันหมด อาทิ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ตนเคยเป็นก่อนจะลาออกเมื่อพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ซึ่งล่าสุด ครม. ใหม่ ได้ให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ย้ายจากตำแหน่ง รมว.กลาโหม มาเป็น รมว.มหาดไทย แทนนั้น จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะทราบตั้งแต่ก่อนเข้าร่วมรัฐบาลแล้วว่าหากพรรคเพื่อไทยได้กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย ก็จะให้นายภูมิธรรมเป็นผู้กำกับดูแล

ซึ่งเท่าที่ทราบ นายภูมิธรรมเคยเป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย มาก่อน จึงไม่จำเป็นต้องมาทำความคุ้นเคยกับงาน แต่เรื่องนโยบายก็ต้องเป็นเรื่องของนายภูมิธรรม ส่วนที่มีการพูดกันว่านายภูมิธรรมจะเข้าไปโละการแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงฯ อย่างแน่นอน เรื่องนี้ตนเห็นว่าต้องดูฝีมือและความตั้งใจของคน อย่างช่วงที่ตนยังเป็น รมว.มหาดไทย ตนแต่งตั้งหรือให้ความเห็นชอบผู้บริหารในกระทรวงฯ

โดยเฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนคัดเลือกจากผู้ที่มีความพร้อมในทุกมิติ พร้อมที่จะทำงานให้กระทรวงมหาดไทยได้ ซึ่งก็เป็นที่ค่อนข้างประจักษ์ชัดในหมู่แวดวงข้าราชการว่าตนเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ที่ตนแต่งตั้ง แต่นายภูมิธรรมจะมองอย่างไรก็เป็นเรื่องของท่าน ไม่ใช่เรื่องของตนแล้ว แต่ถามว่าแล้วจะย้ายไปไหนอีก เพราะตำแหน่งปลัดกระทรวงคือข้าราชการซี 11 เป็นระดับสูงสุดแล้ว ไม่ใช่ตำแหน่งระดับอธิบดี ที่ยังสามารถย้ายไปเป็นรองปลัด เป็นผู้ว่าฯ หรือผู้ตรวจฯ ได้

หรือหากจะย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่น ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอนจากเจ้าตัวด้วย แต่เรื่องนี้ตนก็ไม่กล้าไปฟันธงว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบันจะถูกย้ายหรือไม่ ให้เป็นเรื่องของรัฐมนตรีท่านใหม่ไป ส่วนตนหมดหน้าที่ไปแล้ว ส่วนคำถามว่ารายชื่อ ครม. ล่าสุด มีติดใจในตำแหน่งใดบ้างหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าตนไม่ได้เป็นคนแต่งตั้ง แต่มีหน้าที่ตรวจสอบและให้กำลังใจว่าคนเรากว่าจะมาถึงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งทั้งประเทศมีเพียง 36 คน ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ก็ขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด ทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมืองและประชาชน เพราะนั่นคือสิ่งที่จะช่วยป้องกันอันตรายทั้งหลายทั้งปวง

ทั้งนี้ หากถามในฐานะคนนอก ตนก็ยังสงสัยอยู่ว่า รัฐบาลในช่วงที่ยังมีพรรคภูมิใจไทยอยู่ด้วยก็เป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งอยู่แล้ว อาจถือว่าเข้มแข็งที่สุดในรอบ 20-30 ปีมานี้เลยด้วยซ้ำเพราะมีเสียงสนับสนุนถึง 320 เสียง แต่ขณะนี้ไม่มีใครทราบว่ารัฐบาลมีกี่เสียง ก็เดาๆ กันไปว่าน่าจะเกินกึ่งหนึ่ง แต่ฟันธงได้เลยว่ารัฐบาลมีความเข้มแข็งไม่เท่าเดิม ดูจากการใช้เวลาวางตัวบุคคลเพื่อตั้ง ครม. และตนก็เคยพูดแล้วว่าหากไม่มีพรรคภูมิใจไทยอยู่ด้วยรัฐบาลก็คงบริหารประเทศไม่สะดวกราบรื่น ส่วนที่บอกว่ารัฐบาลอาจอยู่ได้ไม่นาน ตนก็ไม่อยากพูดคำนั้น

“อย่างไรก็ตาม ในความเป็นประชาชนเราก็อยากให้รัฐบาลมีความมั่นคง ส่วนของตัวผมเองที่มาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เราก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ ตรงไหนไม่ดีก็ต้องบอกว่าไม่ดี ตรงไหนที่ดูแล้วมีสิ่งไม่ชอบมาพากลเราก็ต้องนำออกมาตีแผ่ ไปหาหลักฐานอะไรต่างๆ ออกมา ตรงไหนที่ดูแล้วมันมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ความมีเกียรติภูมิของประเทศ นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่เราถอนตัวออกมา” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า เมื่อกล่าวถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งมี่เรื่องร้องเรียนอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ โดยความสัมพันธ์ส่วนตัวก็มีความปรารถนาดีต่อกัน แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยออกมาจากการร่วมรัฐบาล ตนก็ไม่ได้พูดคุยกับ น.ส.แพทองธาร อีก เพราะด้วยบทบาทหน้าที่การงานก็ไม่รู้จะคุยกันด้วยเรื่องอะไรแล้ว รวมถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส.แพทองธาร ก็ไม่ได้ติดต่อมาเช่นกัน

อนึ่ง ตอนที่พรรคภูมิใจไทยยังอยู่ร่วมรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มาเจรจากับตนว่า นอกจากขอให้ตนย้ายจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ไปเป็น รมว.สาธารณสุข ยังบอกให้ย้ายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 2 คน จากพรรคภูมิใจไทยออกไปด้วย นั่นคือความตั้งใจที่พรรคเพื่อไทยอยากคุมกระทรวงมหาดไทยเพียงพรรคเดียว แต่จากรายชื่อ ครม. ล่าสุด มีตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์มาเป็น รมช.มหาดไทย ก็แสดงว่าทำอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ได้

ส่วนที่มีข้อสังเกตว่า เมื่อตนไม่ยอมทำตามคำขอของพรรคเพื่อไทย ในการย้ายไปดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข นโยบายกัญชาที่พรรคภูมิใจไทยเคยผลักดันไว้ก็ถูกจัดการทันที ประเด็นนี้ตนย้อนถามกลับว่าถูกจัดการอย่างไร อยากให้ลองนำประกาศฉบับเก่าและใหม่มาเทียบกันดูเพราะจะเห็นว่าเหมือนกันเป๊ะ ไม่มีอะไรแตกต่างกันยกเว้นหัวข้อ ตนก็มองว่าบางทีก็มีการเอาใจนาย

แต่ตนก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นฝีมือของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขคนปัจจุบัน แต่คงมีทีมงานเสนอเข้ามา เพียงแต่ช่วงหลังๆ นายสมศักดิ์อาจไม่มีเวลาไปดูในรายละเอียด เพราะเอกสารที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศออกมาก็ไม่ได้แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาการควบคุมกัญชาคือการออกกฎหมาย ซึ่งจะเป็นการแก้ไขที่ชัดเจนที่สุด และพรรคภูมิใจไทยก็เคยเสนอกฎหมายแล้วแต่ถูกคว่ำ ตนก็เคยพูดในตอนนั้นว่าเป็นเกมการเมือง หักกันให้เกิดความเสียหาย

“พรรคภูมิใจไทยเล่นเกมแบบนี้ไม่เป็น เราทำงานอย่างเดียว เราไม่เคยคิดร้าย ไม่เคยใส่ร้ายป้ายสีใคร ไม่เคยเล่นเกมทางการเมืองเพื่อให้เกิดความเสียหายทางชื่อเสียง เพราะเราคิดว่าตรงนั้นมันไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน สิ่งที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์มากที่สุดคือสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยทำมาโดยตลอด ก็คือการทำงานให้กับพวกเขา ไม่ได้ไปเล่นเกมการเมืองอะไร ดูสิตั้งแต่ผมออกมามีกี่ข้อหาที่โดน ไปรับจ้างผู้นำกัมพูชามาถล่มนายกฯ แต่ละคำที่พูดออกมาก็คิดได้อย่างเดียวว่าคนที่พูดคงต้องการเอาใจเจ้านายอย่างเต็มที่ ซึ่งความจริงมันเกิดขึ้นไม่ได้อยู่แล้ว” นายอนุทิน ระบุ

นายอนุทิน ยังกล่าวอีกว่า ประเทศใครใครก็รัก ต่อให้จงเกลียดจงชังกันขนาดไหนตนก็ไม่เอาเรื่องความมั่นคงหรือศักดิ์ศรีของบ้านเมืองไปแลกกับความสะใจเป็นอันขาด อนึ่ง พรรคภูมิใจไทยเคยจัดทำเอกสารเผยแพร่เรื่อง 3 ทางออกของประเทศไทย 1.รัฐประหาร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ 2.ยุบสภา แต่เรื่องนี้เห็นว่าปัญหาเกิดจากความบกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดิน สภาไม่เกี่ยวอะไรด้วย คำถามว่าแล้วควรยุบสภาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้ดุลพินิจของนายกฯ ในฐานะผู้มีอำนาจ

และ 3.นายกฯ ลาออก ซึ่งเป็นทางที่ดีสุด แล้วจัดให้มีการคัดเลือกนายกฯ คนใหม่เข้ามาเพื่อให้ปัญหาคลี่คลายลงไป อีกทั้งวันนี้ยังมีเรื่องคดีความ ที่เรียกว่านิติสงคราม เรื่ององค์กรอิสระ เรื่องร้องเรียนอะไรต่างๆ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ ในฐานะผู้นำประเทศ ดังนั้นดีที่สุดคือหากสามารถหานายกฯ คนใหม่เข้ามาจัดการปัญหาที่เป็นขอขวดให้เรียบร้อยแล้วค่อยยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็จะมีความสง่างาม

ส่วนคำถามว่า ในบรรดาตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ที่ยังสามารถถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ได้ เนื่องจากเข้าข่ายมีเสียง สส. ในสภา อย่างน้อยร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด มีชื่อของนายอนุทิน จากพรรคภูมิใจไทยอยู่ด้วย แล้วอดีตนายกฯ ทักษิณ จะยอมให้เป็นหรือไม่ ประเด็นนี้ตนไมได้จะเสนอตัวเป็นนายกฯ แต่ทำให้เห็นฉากทัศน์ทางออกของประเทศที่จะเกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ ไม่ใช่ในระยะยาว แต่หาก น.ส.แพทองธาร ไม่ลาออกจากนายกฯ ตนก็หวังว่าจะนำรัฐบาลฝ่าวิกฤติต่างๆ ไปได้ ซึ่งเวลานี้ไม่ได้มีเพียงปัญหาชายแดนกับกัมพูชา แต่เศรษฐกิจก็ยังเรียกว่าดิ่ง

“ยังไม่รวมถึงความเข้มแข็งของประเทศไทยในการที่จะไปยืนเจรจาเวทีการค้ากับประเทศมหาอำนาจหรือเวทีโลกอะไรต่างๆ ตอนนี้สวิตซ์ต่างๆ มันค่อนข้างที่จะสนิมขึ้น ฉะนั้นตรงนี้เราก็ต้องดูว่าถ้าสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ประชาชนก็จะมีอุปสรรคในการทำมาหากิน เศรษฐกิจโงหัวไม่ขึ้น แล้วก็ยังมีเรื่องของปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านอีก ความเชื่อมั่นของต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนหรือทำกิจการอะไรกับประเทศไทย มันมีปัญหาแทบจะทุกมิติของการขับเคลื่อนประเทศ ดังนั้นตรงนี้ถ้าดีที่สุดก็คือเปิดโอกาสให้มีคณะรัฐบาลชุดใหม่มาบริหารประเทศ” นายอนุทิน กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...