โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

พาราสาวะถี

ข่าวหุ้นธุรกิจ

อัพเดต 17 มิ.ย. เวลา 00.47 น. • เผยแพร่ 16 มิ.ย. เวลา 23.05 น. • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

เสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาหรือ เจบีซี แต่ดูแล้วแทบจะเป็นเพียงพิธีกรรมที่ทำให้เกิดขึ้นเพื่อรองรับความชอบธรรมตามธรรมเนียมสากลเท่านั้น เพราะทั้งระหว่างการประชุมและหลังเสร็จสิ้นการประชุม เล่ห์เขมรมนต์ขแมร์ยังคงดำเนินเกมที่ตัวเองต้องการอย่างไม่ลดละ ฮุน มาเนตผู้ลูกประกาศส่งเรื่อง 4 จุดชายแดนที่มีปัญหาขัดแย้งให้ศาลโลกพิจารณา คล้อยหลังกัน ฮุน เซนผู้พ่อขู่ปิดด่านชายแดนทั้งหมดถ้าไทยไม่ยอมเปิดด่าน

แทบไม่ต้องเดาว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นใครเป็นฝ่ายได้รับผลกระทบ หรือมีแรงกดดันอย่างหนัก ขณะที่ทางประเทศไทย แพทองธาร ชินวัตรเรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำโดย ภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประเสริฐ จันทรรวงทองรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาริษ เสงี่ยมพงศ์รัฐมนตรีต่างประเทศ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์รัฐมนตรีช่วยกลาโหม พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดีผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมผู้บัญชาการเหล่าทัพและ ฉัตรชัย บางชวดเลขาธิการ สมช.หารือที่บ้านพิษณุโลก

เป็นการถกถึงผลการประชุมเจบีซี พร้อมกำหนดมาตรการที่จะดำเนินการหลังจากนี้ ท่ามกลางข้อท้วงติงของหลายฝ่ายที่ว่า ทางการไทยเดินเกมช้ากว่าฝั่งกัมพูชาที่มุ่งโจมตีและดิสเครดิตประเทศไทยต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้ต่อนานาประเทศ เป็นการเรียกร้องความสนใจ อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยก็ได้เห็นการตอบโต้การนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จของฝ่ายเขมร ที่ระบุหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า ไทยให้การยอมรับการใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ไม่เป็นความจริง

จะว่าไปแล้วไม่ว่าท่าทีของฝั่งสองพ่อลูกตระกูลฮุนจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตระหนกตกใจ ในเมื่อทุกอย่างยึดตามแนวทางที่ถูกต้องและควรจะเป็น เหมือนกรณีฮุน มาเนต ประกาศยุติการซื้อสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าจากไทย เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงต้องประเมินร่วมกับทุกฝ่าย ซึ่งเป็นเรื่องที่วงประชุม สมช.จะต้องไปถกกันต่อ โดยมีประเด็นสำคัญ 5 ข้อเพื่อพิจารณาต่อการกระทำของฝ่ายกัมพูชาในเรื่องนี้

ช่วยกันดูว่าข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าไปยังกัมพูชาเป็นอย่างไรการดำเนินการภายหลังที่รัฐบาลกัมพูชามีมาตรการยุติการซื้อสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าจากไทยจะต้องทำกันแบบไหน ผลกระทบจากมาตรการของฝ่ายกัมพูชา ข้อกฎหมายและอุปสรรคการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง และข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินการในระยะต่อไป ในกรณีนี้มองในแง่ของผลกระทบต่อภาคเอกชนไทย กับผลเสียที่เกิดขึ้นทางคนกัมพูชา น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า ขณะเดียวกัน เรื่องนี้ตระกูลฮุนก็จะได้สองเด้งคือ ผลประโยชน์ทางการเมืองและธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม หากยึดตามแนวทางที่แพทองธารได้ใช้มาตลอดคือ ฝ่ายบริหารก็ประเมินสถานการณ์ และเดินเกมพูดคุยตามมารยาททางการทูตตามปกติ ส่วนภาคปฏิบัติเป็นหน้าที่ของทางกองทัพที่จะพิจารณาจากสถานการณ์เฉพาะหน้า แล้วดำเนินมาตรการตอบโต้กรณีอีกฝ่ายกระทำการรุกล้ำอธิปไตย หรือแสดงให้เห็นว่ากำลังจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจหากไม่ใช้อารมณ์เป็นตัวนำ ทุกอย่างสามารถจัดการได้อยู่แล้ว

ท่าทีและแนวทางของกองทัพนั้น อ่านจากท่วงทำนองของ พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์รองแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้นำเจรจากดดันจนฝั่งกัมพูชายอมถอนทหารจากช่องบกที่ไปขุดคูเลตไว้ พอจะเดาได้ว่า เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ด้วยเหตุที่ว่า ฝ่ายไทยได้ทำตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเอ็มโอยู 2543 ที่ฝั่งกัมพูชาละเมิดโดย สร้างกาสิโน สร้างอาคารสิ่งปลูกสร้าง ตัดเส้นทาง ปลูกพืชไร่กว่า 600 ครั้ง ฝ่ายไทยประท้วงแต่ได้รับความร่วมมือน้อยมาก ล่าสุด เผาศาลาตรีมุข นำกำลังเข้าขุดคูเลตล้ำอธิปไตยไทย เจรจาก็ไม่ยอมถอนนำมาซึ่งการปะทะ ท้ายสุดกดดันทุกทางกว่าจะถอนกำลังออกไป คำถามคือเพื่อนบ้านที่ดีควรทำหรือไม่

ความเห็นที่ต้องขีดเส้นใต้ของรองแม่ทัพภาคที่ 2 ก็คือ เอ็มโอยู 43 ข้อ 8 ระบุว่า ให้ระงับข้อพิพาทใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการตีความหรือการบังคับใช้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้โดยสันติวิธีด้วยการปรึกษาหารือและการเจรจา แต่คุยกันดี ๆ แล้วทำไมต้องฟ้องศาลโลก? ก่อนจะทิ้งท้ายว่า“เป็นเด็กที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม บอกกล่าวก็ดื้อด้าน ไม่ต้องมีข้อตกลงใด ๆ ดีไหม เอาให้เละก่อนโต”หากเป็นมวยไทยแค่รุ่นพี่แยกเขี้ยว กระทืบเท้าขู่ก็ขาสั่นแล้ว แต่บังเอิญว่างานนี้เป็นกุนขแมร์เลยขอกร่างไว้ก่อน ซึ่งเป็นอะไรที่คนดูไม่ได้ให้ราคาแม้แต่น้อย

ปรับ ครม.จากที่คึกคักอยู่ฝั่งเดียวมาได้สองสามสัปดาห์ ทำท่าว่าจะไม่เป็นไปอย่างที่มีการโยนหินถามทางมาเสียแล้ว เมื่อปลายสายที่ต้องการจะขอเก้าอี้คืนก็ทำตัวเป็นหินพร้อมบวกไม่ใช่เพียงการพลิกเกมดึง สส.จากพลังประชารัฐและไทยสร้างไทยมาเพิ่มมูลค่าเท่านั้น แต่หลังบ้านดูเหมือนว่า อนุทิน ชาญวีรกูลจะเลือกใช้ตัวช่วยที่แม้แต่ ทักษิณ ชินวัตรก็ต้องยอม ไม่ต้องพูดถึงแพทองธาร เพราะการปรับ ครม.ไม่ใช่ความต้องการของตัวเองตั้งแต่ต้น เป็นการทำตามใจพ่อนายกฯ

ประเมินจากถ้อยแถลงของ ดนุพร ปุณณกันต์โฆษกเพื่อไทยล่าสุด ทางพรรคจะพูดคุยกำชับลูกพรรคให้ระมัดระวังท่าทีมากขึ้นหลังให้ข่าวไล่เสี่ยหนูพร้อมภูมิใจไทยพ้นรัฐบาล พร้อมยอมรับว่าหากแยกทางกันจริง 70 กว่าเสียงที่หายไปเป็นเรื่องน่ากังวลซึ่งคงไม่เดินไปถึงจุดนั้น สอดรับกับ วิสุทธิ์ ไชยณรุณประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล สส.พรรคนายใหญ่ แตะเบรกลูกพรรคอย่ากดดันเรื่องปรับ ครม. เป็นอำนาจนายกฯเชื่อสามารถพูดคุยกับพรรคสีน้ำเงินได้

ท่าทีที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ ย่อมมีสัญญาณที่ถูกส่งมาจากผู้มีอำนาจที่แท้จริงของพรรค ไม่เพียงแค่ฝ่ายที่ร้องขอให้คืนเก้าอี้ออกอาการแข็งขืนเท่านั้น พรรครวมไทยสร้างชาติที่เดิมทีว่าจะเข้าทางเหมือนกรณีย่อยสลายพลังประชารัฐ ทำท่าว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ประกอบคดีชั้น 14 ในมือของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยืดเวลาออกไป จึงเป็นจังหวะของการพบปะ แลกเปลี่ยน และต่อรองโดยทั้งทักษิณและอนุทิน ก็รู้อยู่แล้วยังไงต้องรักกัน ตัดขาดกันไม่ได้

อรชุน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...