โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

SMEs-การเกษตร

“อาตี๋รีวิว” จากพ่อค้าเคสโทรศัพท์ตลาดนัด สู่อินฟลูฯ TikTok สร้างยอดขาย 21 ล้านบาท ใน 1 ไลฟ์

เส้นทางเศรษฐี

อัพเดต 06 มิ.ย. 2567 เวลา 10.57 น. • เผยแพร่ 06 มิ.ย. 2567 เวลา 10.56 น.
“อาตี๋รีวิว” จากพ่อค้าเคสโทรศัพท์ตลาดนัด สู่อินฟลูฯ TikTok สร้างยอดขาย 21 ล้านบาท ใน 1 ไลฟ์

“อาตี๋รีวิว” จากพ่อค้าเคสโทรศัพท์ตลาดนัด สู่อินฟลูฯ TikTok สร้างยอดขาย 21 ล้านบาท ใน 1 ไลฟ์!

หลายสัปดาห์ก่อนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีคนไทยที่ไหนทำบนแพลตฟอร์ม TikTok ในระยะเวลา 7 ชั่วโมง สามารถทำยอดขายถึง 10 ล้านบาท และไม่กี่ชั่วโมงต่อมายอดเงินที่ว่าก็ขยับเป็น 21 ล้านบาท ใครกันที่จะมีพลังขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ ตี๋โอ-วุฒิพงษ์ ลิขิตชีวัน ‘อาตี๋รีวิว’

ตี๋โอ เล่าว่า การขายของให้ได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะความน่าเชื่อถือ คือสิ่งที่เขาให้ความสำคัญ อีกทั้งเรื่องที่เราต้องทำให้ลูกค้าเข้าใจง่ายอย่างรวดเร็ว

แต่ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นอีกสักหน่อย เขาเป็นเพียงแค่พ่อค้าขายเคสโทรศัพท์คนหนึ่งเท่านั้นเอง

“ยุคนั้นเคสมือถือฮอตมากเลยอยากลองเอามาขายบ้าง ลองสั่งเคสจากเมืองจีนมา ขายตามตลาดนัด ขายได้ประมาณ 3 เดือน ก็เจอผู้ชายคนหนึ่งทักมาว่า ‘น้องของที่น้องขายถูกลิขสิทธิ์ป่ะเนี่ย’ กลายเป็นว่าเราก็อ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ได้ เเล้วเขาก็บอกว่ารู้ไหมมันผิด เรารู้สึกว่าหลังจากนี้เรามาขายไม่ได้แล้วคงต้องทำอย่างอื่น”

หลังจากการโดนเตือนตอนนั้นเรามาทำอะไรต่อ?

“ทำเพจคู่รักเหมือนเพจ “คนอะไรเป็นแฟนหมี” ตอนนั้นกำลังฮิตเลย เรารู้สึกว่ามันมีโอกาสสร้างรายได้อีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ต้องขายของก็ได้ สามารถสร้างรายได้จากสปอนเซอร์ เราก็เลยลองเข้าไปทำดู เข้าไปศึกษาดูก็เริ่มวาดรูป ลองฝึกวาดในชิ้นงานออนไลน์เอามาลงโพสต์อินเทอร์เน็ต เฟซบุ๊ก แฟนเพจคนเริ่มเห็นก็ชอบ ก็เปิดการแชร์ต่างๆ เพจก็เลยเติบโต เพจชื่อ ฮันนี่ที่รัก

หลังจาก เพจฮันนี่ที่รัก กำลังไปได้ดี จู่ๆ เพจที่มีผู้ติดตามเป็นล้านก็โดนแฮ็ก รายได้ที่ควรจะมีก็หายไป ไม่นานก็ได้กลับคืนมา ทำให้เขามองว่าการมีเพจเดียวเพื่อหารายได้อาจเป็นความเสี่ยง จึงขึ้นมาอีกเพจชื่อ เจ้าตัวเล็ก ซึ่งเหมือนเป็นเรื่องราวของครอบครัวที่ต้องมีการเติบโต แต่ถึงกระนั้นเรื่องความเสี่ยงก็ยังเป็นสิ่งที่เขากังวล

“เฟซบุ๊กเปลี่ยนอัลกอลิทึมบ่อย มันทำให้เรียนรู้ว่าการที่เราอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวทำให้มีความเสี่ยงเหมือนกัน เราควรขยายแพลตฟอร์มด้วย ดีดนิ้ว เราไม่ควรแขวนชีวิตอยู่บนคำสั่งของเฟซบุ๊ก

เราก็เลยมองหาแพลตฟอร์มอื่นที่เป็นวิดีโอ ตอนนั้น YouTube ก็กำลังได้รับกระแสนิยมเป็นที่รู้จักค่อนข้างเยอะ เราก็เลยมองเข้ามาช่องต่างๆ ที่อยู่ในยูทูบของเรามันก็มีทั้งช่องที่ครอบครัว และเป็นช่องมันเป็นสิ่งที่เราถนัดเราอยากทำคือช่องอาตี๋รีวิว

ขยายเเพลตฟอร์มจากเฟซบุ๊กกลายมาเป็นยูทูบแล้วตัวติ๊กต็อกมันเริ่มได้อย่างไร?

“เรามองหาแพลตฟอร์มใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ พอเราทำยูทูบไปสักพักหนึ่งรายได้จากสปอนเซอร์ก็เริ่มได้แล้วในยูทูบ แต่พอถึงช่วงหนึ่งเลยต้นปี 2020 ยุคโควิดเข้ามา หลากหลายอย่างเปลี่ยนไป

สปอนเซอร์เขาเคยจ้างงานช่องอาตี๋รีวิวในยูทูบเขาก็ไม่ หยุดการจ้างทุกอย่างเลย ทำให้เราต้องดิ้นรนมากขึ้น บวกกับมันมีเวลาว่าง ทีมงานมีเหมือนเดิมแต่ว่างานไม่มี เราต้องประชุมกันว่าเราควรทำอะไรเพิ่มเติม

ก่อนหน้านี้เข้าไปลองทำ เทสต์ในติ๊กต็อกแล้ว ทำแล้วยังไม่เกิดผลลัพธ์ วางโปรเจ็กต์ไว้แต่พอเจอปัญหาที่โควิดทำให้ลูกค้าเราหายหมดเกลี้ยง เลยเกิดเวลาว่างให้กับทีมให้เสียเวลาเปล่า จะว่าน้องเชิญออกไปก็รู้สึกไม่ดี พี่ก็ไม่อยากให้น้องออกนะ เรามาหาสินค้า ลู่ทางใหม่ๆ เพิ่มยังไงได้บ้างโฟกัสที่ติ๊กต็อกมากขึ้น เสร็จปุ๊บทำติ๊กต็อกเสริมไปคือในพาร์ตของยูทูบให้ทีมงานขึ้น ก็ศึกษาติ๊กต็อกอย่างจริงจังมากขึ้น”

ช่วงแรกเราทำอะไรกับแพลตฟอร์มนี้?

“แรกสุดคือเข้าไปเต้นกับเขา แล้วลืมดูกระจก (หัวเราะ) ในติ๊กต็อกโคตรหน้าหล่อๆ ซิกซ์แพ็กเพียบเลยเราจะไปเต้นก็ลืมดูหนังหน้าตัวเอง คุยกับทีมว่าเราไม่เต้นแล้วจะทำอะไรที่เป็นจุดเด่นของเรา

ให้ความรู้เรื่องไอทีทำยังไงให้มันเหมาะกับเเพลตฟอร์มติ๊กต็อกต่างหาก หลังจากนั้นเริ่มเล่าเรื่องเทคนิค เทคโนโลยีมือถือ การใช้มือถือให้คุ้มค่า จบใน 1 นาที ก็กลายเป็นแรกๆ ที่แหวกการเต้นมาให้ความรู้ในติ๊กต็อกแบบจริงจังมากขึ้น

เกิดการผสมผสานการเรียนรู้ไป ทั้งทำได้และไม่ได้ เข้าไปให้ความรู้แต่เราก็วิเคราะห์ถูกบ้างผิดบ้าง มียอดวิวบ้างไม่มีบ้าง เรียนผิดรู้ถูกบ้างมาเรื่อยๆ จนเริ่มประสบกับความสำเร็จมากขึ้น 3 เดือน ซึ่งทำหลายช่องมีผู้ติดตามรวมล้านคน”

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ขยับขยายพื้นที่ของตัวเองมากขึ้นก็ทำให้เราไม่หยุดอยู่กับที่ เช่นเดียวกันกับโลกที่เดินไปข้างหน้า แพลตฟอร์มติ๊กต็อกก็เช่นกัน ต้องพัฒนาตัวเองให้สามารถเป็นช่องการขายได้มากขึ้นจากการมี ฟีเจอร์ Live

ทางทีมตี๋โอก็ลองผิดลองถูกอย่างที่เขาชอบทำ เขาเล่าว่า ช่วงไลฟ์แรกๆ แทบไม่มีคนซื้อ สิ่งที่อยากขายก็ไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ถึงกระนั้น เมื่อความน่าเชื่อถือเกิดขึ้น ผู้ติดตามเริ่มเห็นหน้ามากขึ้นจากการทำคอนเทนต์ ก็ทำให้เกิดความเชื่อใจ มั่นใจ

“จากไลฟ์แรกไม่ดี ผลปรากฏว่าพอเราเรียนรู้ เราเริ่มปิดยอดขายได้ในหลักแสน ในวันไลฟ์ที่ 2 ไลฟ์ที่ 3 แล้วก็ประมาณไลฟ์ที่ 5 ก็เริ่มสร้างยอดขายเป็นหลักล้านได้เป็นคนแรกๆ ของแพลตฟอร์ม”

หลักล้านในไลฟ์ที่ 5 ไลฟ์ช่วงแรกยังอยู่ในช่วงต้นที่ TikTok Shop มาใหม่เลยไหม

ไลฟ์แรกๆ มาอยู่ในช่วงที่ TikTok Shop มาใหม่ๆ มาสัก 2-3 เดือน ก็ไปลองไลฟ์ในช่องอื่น ช่องทางอื่นว่ามันเป็นยังไงบ้าง ปรากฏว่าก็ขายไม่ได้เนาะ ก็เลยอย่างที่บอกไปก็ฝึกฝนตัวเอง

พอมาไลฟ์ที่ 5 ได้หลักล้านเราเริ่มตั้งเป้าไว้อย่างไรบ้าง

ไลฟ์ได้หลักล้าน หลังจากนั้นก็เลยรู้สึกว่ามันมีโอกาสอะไรในงานไลฟ์สดอยู่ โอกาสในการสร้างรายได้ อาจจะไม่ต้องพึ่งสปอนเซอร์เพียงอย่างเดียว และผมก็ประชุมทีมเราก็ต้องมองทางนี้เป็นอีก 1 ทางที่สำคัญ ที่บริษัทเราควรโฟกัสมากขึ้น ก็เริ่มจัดสรรเวลามาให้ความสำคัญกับการไลฟ์สดมากขึ้น

พอเราทำยอดขายถึงล้านได้แล้ว ไฟในตัวหรืออะไรที่ทำให้ตั้งเป้าหมายในการไลฟ์ครั้งต่อไปต้องขายให้ได้ 10 ล้าน แล้วทำไมถึงตั้งเป้าหมายสูงขนาดนี้

ต้องบอกว่าเราเคยรีเสิร์ชมาว่าไม่เคยมีใครทำได้ถึงหลัก 2 หน่วย มีคนทำได้สูงสุดเนี่ยก็เป็นหลักหลายล้าน แต่ก็ไม่เคยมีใครทำเป็นหลัก 10 ล้านได้มาก่อนเลย

ก็เป็นความทะเยอทะยานส่วนตัว แล้วรู้สึกว่าถ้าเราทำนอกจากจารึกชื่อเราเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของคนไทยแล้ว เรายังสามารถพาให้ผู้คนในสังคมไทยเกิดความเชื่อใหม่ๆ ว่าเรามีโอกาสอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่นะ และมันอาจจะสร้างแรงกระเพื่อมให้แก่สังคมได้

เราอยากรู้สึกว่าเราอยากเป็นตัวจุดกระแสสำคัญตรงนี้ บอกทุกคนให้รู้ว่ามันมีคนไทยทำได้แล้ว แล้วว่ามีโอกาสให้ใครหลายคนที่ถ้าเขามองดู ณ เวลานี้ เขาก็สามารถมองได้ว่ามันไม่มีกำแพงกั้นอยู่ กำแพงที่คุณกั้นมันก็เป็นเพียงแค่กำแพงที่คุณสร้างเองมากกว่าที่คุณคิดไปเอง

ช่วงวางแผนเป็นยังไงบ้าง หนักหน่วงไหม

สิ่งที่ผมวางแผน ผมวางแผนแบบเพ้อฝันไหม ผมเคยทำรายได้ประมาณ 7 ชั่วโมง แล้วมันได้ประมาณสามล้านหก

ผมก็คำนวณแบบโง่ๆ ว่าเราจะทำให้ได้หลัก 10 ล้านคุยกับทีมไว้ ก่อนหน้านั้นเรา 7 ชั่วโมงใช่ไหม ถ้างั้นเราวางแผนกัน เจ็ดสามยี่สิบเอ็ด (7×3=21) ก็ประมาณ 20 ชั่วโมง แล้วจะทำให้ได้ 10 ล้านนะ สามล้านหกคูณสาม (3,600,000×3) เข้าไปมันก็ประมาณ 10 กว่าล้าน ก็แค่นี้เอง คูณสามเข้าไปเพิ่มระยะเวลาในการไลฟ์เข้าไปแค่นี้มันก็ได้แล้ว 10 ล้าน วิธีคิดง่ายๆ แล้วแถมเรายังจะสร้างประวัติศาสตร์ไปด้วยกันได้ด้วย ก็เลยคิดง่ายๆ แบบนี้

ใช้เวลาคุยกับทีมนานมากไหมในเรื่องนี้

เราเตรียมการเป็นเดือน เราต้องรู้ว่าเราต้องเตรียมอะไรยังไงบ้างเพื่อให้มันได้ไปถึงจุดนั้นจุดที่ 10 ล้าน ในวันที่เราอยากได้ 10 ล้านแต่ว่าสต๊อกของมันมีแค่ล้านเดียวมันก็จะได้แค่ล้านเดียว เพราะฉะนั้น มันก็อยู่ที่การเตรียมการทั้งสต๊อก ทั้งการเตรียมการเรื่องของทีม เรื่องของการโปรโมตต่างๆ ในช่องเรา เราต้องเตรียมกี่คลิปเพื่อที่จะโปรโมตให้กับตัวเองบ้างประมาณนี้ครับ

การที่เราจะขายของ 1 อย่างได้มันต้องมาจากความเชื่อมั่นในตัวเรากับลูกค้าด้วย คุณคิดว่ายังไง

แน่นอนเลยครับ ในวันที่ผมไลฟ์สด 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา 5 นาทีแรกผมไม่ได้พูดถึงคุณสมบัติของสินค้าเลย ผมบอกคนที่เข้ามาดูในไลฟ์ว่าสิ่งที่ผมเอามาให้ผมเช็กให้เรียบร้อยแล้วทุกคนจะคุ้มค่าอย่างแน่นอน

5 นาทีผมปิดยอดขายได้ 5 แสนบาท เฉลี่ยนาทีละ 1 แสน สิ่งนี้มันมาจากความไว้เนื้อเชื่อใจที่ผู้คนมีต่อคน และมันไม่ได้สร้างภายในวันเดียว 2 ปีที่ผมทำไปและผมบอกว่าผมไม่สามารถสร้างรายได้จากงานสปอนเซอร์เลย

ไม่มีเอเยนซีคนไหนสนใจผมเลยในช่องทางติ๊กต็อก แต่จริงๆ แล้วมันมีประโยชน์แอบแฝงอยู่ นั่นคือผมได้ความน่าเชื่อถือมาเต็มๆ เลยตลอด 2 ปีมันไม่ได้สูญเปล่า แต่ผมสะสมความน่าเชื่อถือมาเรื่อยๆ จนถึงวันหนึ่งมันเป็นความทรงอิทธิพลในใจคนดูซึ่งทุกคนควรทำ

คุณตี๋ บอกว่า การเขียนสคริปต์คือส่วนลดสินค้า มันคืออะไร

หลากหลายครั้งพอคนไว้ใจเราเขาเปิดไลฟ์มาแล้วก็อยากหยุดดู คราวนี้สิ่งที่เราควรคุยกับคนดูคือเรื่องของคำที่ทำให้เขาไม่ต้องใช้พลังงานในการตัดสินใจ หรือคิดเยอะเพื่อซื้อของ

อย่างสคริปต์คือ แฟลชเซล (Flash Sale) + คูปอง + บัตรสินค้า = สคริปต์

หมายความว่าถ้าเราได้คูปองไม่ว่าจะมาจากแพลตฟอร์ม หรือจากทางร้านค้าอะไรก็แล้วแต่ คูปองมันเท่าไหร่

สมมติสินค้า 500 บาทเราได้คูปองมา 14% เราก็คำนวณให้เขาเห็นเลยว่ามันจะเหลือ 430 บาท แล้วเผลอๆ สินค้ามีแฟลชเซลอีกเราก็แนะนำไปเลยว่า ปกติแล้วมันจาก 500 บาทมันเหลือ 400 บาท

สิ่งที่เราทำคือเราคำนวณให้เขาหมดเลยว่าอันนี้มันจะคุ้มกว่า มันจะทำให้เขาประหยัดเงินเยอะกว่า พวกนี้คือคิดเอาไว้ให้หมดเลยและเราต้องคิดให้เขา ไม่ใช่ให้เขามานั่งดูไลฟ์แล้วคำนวณหรือตัดสินใจเอง

ตัวอย่าง ‘ใครอยากได้สินค้าไม่เกิน 500 บาทแนะนำเลยตัวนี้มีคูปองอยู่’ ‘เเบตเตอรี่สำรองตัวนี้มีคูปองอยู่จาก 800 บาทจะเหลือ 500 บาท แนะนำว่าไปตะกร้านี้เลย’

ถ้าถึงจุดที่ทำให้คนที่เข้ามาดูไลฟ์ต้องคิดเยอะ บางทีเขาอาจจะรู้สึกต้องนั่งคำนวณแล้วก็อาจจะไม่ซื้อเราเลยก็ได้ หน้าที่เราต้องอำนวยความสะดวกให้เขา แนะนำเขาให้เหมาะสมกับเขา และทำให้เขาตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากที่สุด

ของแบบนี้มีทฤษฎีอะไรหรือเปล่า

มันมีทฤษฏีหนึ่ง ผมเคยสังเกตเห็นแล้วผมเรียกมันว่าเน็ตฟลิกเอฟเฟกต์ เคยเข้าไปในเน็ตฟลิกแล้วเราอยากดูหนังเรื่องหนึ่งสนุกๆ เรากดรีโมตของเราไปเรื่อยๆ เรื่องนี้ก็น่าดู เรื่องนั้นก็น่าดู เราจะดูเรื่องอะไรดี ไม่ดูเลยก็มี เพราะรู้สึกว่าไม่รู้จะดูอะไรดี

ในทางกลับกันถ้าผมแนะนำคุณว่า ‘ล่าสุดไปดูวันพีชมาล่ะโคตรเจ๋งเลย ถ้าเคยดู Pirates of the Caribbean มาแล้วชอบนะ อันนี้เป็น 3 ชั่วโมงที่จะทำให้คุณนี้อิ่มเอม ถึงแม้จะไม่เหมือน Pirates of the Caribbean ดูแฟนตาซีกว่า แต่มันได้กลิ่นอายเท่ากัน คุ้มค่า 3 ชั่วโมงแน่นอน’

รอบต่อไปคุณเปิดเน็ตฟลิก มีโอกาสสูงมากที่คุณจะไปดูวันพีช เพราะว่าสมองของคุณรู้สึกว่า ไม่ต้องแบกรับภาระในการพิจารณาอะไรบางอย่างมากเกินไปละ เหมือนเห็นภาพไว้ละ มันไม่ต้องไปครุ่นคิดว่าจะดูอะไรดี แต่ว่ามีเป้าหมายโครงสร้างคร่าวๆ ให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ซึ่งคล้ายๆ กันกับหน้าที่เรา เรามีสคริปต์ของพวกนี้แบบนี้เหมือนกัน

หลักในการทำธุรกิจไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่คือการสร้างความน่าเชื่อถือ

มีส่วนครับ แล้วแต่ว่าจิตวิญญาณของแต่ละคนจะเป็นยังไง บางคนเขาก็ไม่ได้สนความน่าเชื่อถือ แต่โกยเอากำไรอย่างเดียวก็มีนะ บางคนโกยมาเสร็จแล้วปิดบริษัทก็มี แต่สำหรับผมเชื่อว่าผมไม่ได้ อยากขายวันเดียว ผมอยากขายระยะยาว ถ้าอยากยืนระยะความน่าเชื่อถือมันจำเป็นสำหรับความเชื่อผมแค่นั้นเอง

สำหรับคนที่ตามเรื่องผมมาถึงตอนนี้ หลายคนก็รู้สึกว่า พรุ่งนี้กู 20 ล้าน แต่อยากจะบอกว่าถ้ามันได้ 20 ล้าน ภายในวันสองวัน มันก็คงรวยกันทั้งประเทศแล้ว มันต้องผ่านกระบวนการเรียนผิดรู้ถูกมา แล้วก็สะสมความน่าเชื่อถือ

ผมมีโอกาสได้ไปฟังจากคนที่เขาสร้างยอดขายในเมืองจีน ยอดขาย 50,000 ล้านบาทต่อปี เขาบอกว่า ถ้าคุณไลฟ์สด เปิดกล้องมาแล้วคุณไลฟ์สดวันแรกแล้วมันเกิดยอดขายขึ้นมานะ ให้รู้ไว้เลยว่านั่นมีความผิดปกติอะไรบางอย่างแล้วนะ เพราะฉะนั้น ทำต่อไป อย่ายอมแพ้ครับ เดย์วันมันไม่ได้ แต่ไม่แปลว่า เดย์ทเวนตี้ เดย์เทอตี้ มันจะไม่ได้

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ย. 2023

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “อาตี๋รีวิว” จากพ่อค้าเคสโทรศัพท์ตลาดนัด สู่อินฟลูฯ TikTok สร้างยอดขาย 21 ล้านบาท ใน 1 ไลฟ์

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.sentangsedtee.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...