โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติ ภัยเงียบที่อาจพรากชีวิต

แนวหน้า

เผยแพร่ 17 ก.พ. เวลา 17.00 น.

อาการผิดปกติบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นเรื่องทั่วไป เช่น ปวดศีรษะอย่างรุนแรง อาการชักเกร็งเฉียบพลัน ปวดศีรษะในบางจุดอย่างไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ เช่น โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม (AVM) ที่สามารถส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่รีบมารักษา

นายแพทย์พงศกร พงศาพาส ประสาทศัลยแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม (AVM - Arteriovenous Malformation) เกิดจากเส้นเลือดที่เชื่อมกับเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำในสมองพันกัน โดยเส้นเลือดแดงมีหน้าที่ลำเลียงเลือดที่มีออกซิเจนสูงจากหัวใจไปหล่อเลี้ยงสมอง ขณะที่เส้นเลือดดำมีหน้าที่ลำเลียงเลือดที่มีออกซิเจนต่ำจากทุกส่วนของร่างกายไหลกลับเข้าสู่หัวใจ เมื่อเกิดโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มขึ้น เลือดก็จะไม่สามารถลำเลียงได้ตามปกติ และหากเกิดภาวะหลอดเลือดสมองที่ผิดปกติเบียดผนังหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำอย่างแรง หลอดเลือดเหล่านี้ก็จะเปราะบางและแตกได้ง่าย จนนำไปสู่การเกิดภาวะเลือดออกในสมอง

งานวิจัยหลายฉบับพบว่า โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอเอ็มวี ผู้ป่วยสามารถเป็นได้ตั้งแต่กำเนิด และอาจเริ่มเป็นในช่วงการพัฒนาของทารกในครรภ์ ซึ่งโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกทางกรรมพันธุ์(Hereditary Hemorrhagic Telangiectasia : HHT) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่ง คือ ภาวะ Osler-Weber-Rendu ซึ่งภาวะนี้มักจะส่งผลต่อกระบวนการสร้างหลอดเลือดในส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงสมอง ทั้งนี้โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มเป็นโรคที่ไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดโรคได้อย่างแน่ชัด

โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ซึ่งอาการของโรคนี้มักค่อยๆ ปรากฏในช่วงอายุ 10-40 ปี โดยจะแสดงออกชัดเจนในวัยผู้ใหญ่ หรืออาจไม่มีอาการจนกว่าหลอดเลือดแดงจะเกิดการแตกจนเลือดออกในสมอง สำหรับบางรายอาจเริ่มมีอาการเมื่อเกิดภาวะเลือดออกในสมองแล้ว อาการร่วมที่อาจพบ ได้แก่ ชักกระตุก ปวดหัวที่บริเวณหนึ่งของศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือชาที่บริเวณหนึ่งของร่างกาย หรือ อัมพฤกษ์ อัมพาต สูญเสียการมองเห็น พูดไม่ชัดอาการสับสน มึนงง ไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ สูญเสียสมดุลการเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิง

วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม สามารถตรวจได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจหลอดเลือดสมองด้วยสารทึบรังสี (Cerebral Angiography) ซึ่งเป็นการตรวจวินิจฉัยที่มีความละเอียดสูงสุด และมีประโยชน์ในการระบุตำแหน่งและลักษณะของหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังมีการตรวจแบบ CT Scan และ MRI

การตรวจแบบ MRI จะสามารถบ่งบอกถึงตำแหน่งของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มและสามารถแสดงรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อสมอง โดยที่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด เนื่องจากไม่ต้องใส่อุปกรณ์สวนหลอดเลือด และผู้ป่วยจะไม่ได้รับรังสี

สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มมีหลายวิธี โดยแพทย์จะเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะสมกับช่วงอายุและสุขภาพร่างกายของผู้ป่วย จุดประสงค์หลักในการรักษา คือการทำให้ไม่ให้เกิดภาวะเลือดออกในสมอง ซึ่งการผ่าตัดนำเส้นเลือดที่ผิดปกติออกอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงต่ำต่อการเลือดออกในสมองหรือการชักกระตุก โดยแพทย์จะใช้วิธีการผ่าตัดส่องกล้อง นอกจากนี้ ยังมีวิธีการอื่นๆ ในการรักษาโรคนี้ เช่น การใส่ขดลวดเพื่ออุดหลอดเลือด (Endovascular Embolization) และ การฉายรังสีร่วมพิกัด (Stereotactic radiosurgery)

ทั้งนี้ หากมีอาการเข้าข่าย โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มและมีภาวะเลือดออกในสมองร่วมด้วย ควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะนั่นอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...