โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

DELTA ร่วง 5% โบรกหั่นเป้าเหลือ 50 บ. ชี้มูลค่าหุ้นสูงเกินพื้นฐาน เสี่ยงเจอ “เทรดวอร์”

ข่าวหุ้นธุรกิจ

เผยแพร่ 10 มี.ค. เวลา 04.23 น. • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (10 มี.ค.68) ราคาหุ้น บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ณ เวลา 11:22 น อยู่ที่ระดับ 77.25 บาท ลบ 4.00 บาท หรือ 7.92% สูงสุดที่ระดับ 80.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 76.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 799.40 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง DELTA คาดการณ์ว่าช่วงเวลาการเติบโตที่โดดเด่นของบริษัทได้ผ่านพ้นไปแล้ว และประเมินว่าผลประโยชน์จากนโยบายการค้าภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะน้อยกว่าช่วงสมัยแรก อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังสูงเกินมูลค่าพื้นฐานเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทคู่แข่งทั่วโลกและบริษัทแม่ที่ไต้หวัน

ทั้งนี้ DELTA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Delta Taiwan เป็นหนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์จ่ายไฟฟ้าชั้นนำของโลก โดยมีช่วงการเติบโตที่โดดเด่นจากปี 2562 ถึง 2567 ซึ่งได้รับอานิสงส์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนในยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลให้ Delta Taiwan พยายามลดความเสี่ยงจากมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

โดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Delta Thailand เป็น 63.78% ในเดือนเมษายน 2562 และโยกฐานการผลิตมายังประเทศไทยเพื่อลดต้นทุนจากภาษีนำเข้า

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาของการเติบโตสูงสุดนี้กำลังจะจบลง ซึ่งอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรต่อหุ้น (CAGR) ของ DELTA คาดว่าจะลดลงจาก 44% ในช่วงปี 2563-2567 มาอยู่ที่เพียง 10% ในช่วงปี 2567-2572 นอกจากนี้ การบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำระดับโลก (GMT) ในปี 2568 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราภาษีที่แท้จริงของบริษัท ทำให้อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นลดลงเหลือ 2% ในปี 2567

แม้ว่านโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจยังให้ประโยชน์กับ DELTA อยู่บ้าง แต่ผลกระทบดังกล่าวน่าจะน้อยกว่าสมัยแรก เนื่องจาก Delta Taiwan ได้จัดตั้งโรงงานในสหรัฐฯ ไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่ไทยอาจถูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน การย้ายฐานการผลิตจากไต้หวันมายังไทยก็คาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อน และการเร่งใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิตอาจลดข้อได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงานของไทย

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้นของ DELTA ได้แก่ ความต้องการผลิตภัณฑ์ประเภทไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่สูงกว่าคาดการณ์ อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น และการย้ายฐานการผลิตจากไต้หวันเข้ามาเพิ่มเติม

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันราคาหุ้น ได้แก่ การที่สหรัฐฯ อาจเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมกับสินค้าไทย การถูกลดน้ำหนักในดัชนี SET Index และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อของบริษัท ดังนั้น ฝ่ายนักวิเคราะห์จึงให้คำแนะนำ "Underperform" พร้อมราคาเป้าหมายที่ 50 บาท ซึ่งสะท้อนจากการใช้วิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) และการประเมินมูลค่าตามค่าเฉลี่ยของ P/E

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...