โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ประวัติ ‘สึดะ อุเมโกะ’ บุคคลในแบงก์ 5,000 เยนใหม่ของญี่ปุ่น

conomi

อัพเดต 04 ก.ค. 2567 เวลา 11.09 น. • เผยแพร่ 07 ก.พ. 2567 เวลา 05.00 น. • conomi.co

ญี่ปุ่นเปลี่ยนโฉมธนบัตร 1,000 เยน, 5,000 เยน และ 10,000 เยน ในรอบ 20 ปี โดยนำเอาเทคโนโลยีล่าสุดมาใช้เพื่อป้องกันปลอมแปลงให้ได้ผลดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การนำเอาเทคโนโลยีโฮโลแกรม 3 มิติมาในการผลิตธนบัตรเป็นครั้งแรกของโลก การออกแบบตัวเลขราคาธนบัตรให้มีขนาดใหญ่ และใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทำให้ตัวเลขมีผิวสัมผัสขรุขระ เป็นต้น ซึ่งมีกำหนดเริ่มใช้จริงในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2024

และในจังหวะที่ธนบัตรรุ่นใหม่นี้จะมาถึง เราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับว่าที่บุคคลในธนบัตรธนบัตร 1,000 เยน, 5,000 เยน และ 10,000 เยน โดยครั้งนี้ เป็นคิวของ ‘สึดะ อุเมโกะ’ ว่าที่บุคคลในธนบัตร 5,000 เยน เธอเป็นสตรีคนแรกของญี่ปุ่นที่เดินทางไปศึกษาที่อเมริกา เป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยสึดะอีกด้วยและผู้บุกเบิกด้านการศึกษาของผู้หญิงญี่ปุ่นอีกด้วย

‘สึดะ อุเมโกะ’ ผู้บุกเบิกด้านการศึกษาของผู้หญิงญี่ปุ่น

สึดะ อุเมโกะ ผู้บุกเบิกด้านการศึกษาของผู้หญิงญี่ปุ่น

สึดะ อุเมโกะ เกิดในครอบครัวปัญญาชน เมื่อปี ค.ศ. 1864 ที่เมืองโอกะจิมาจิ โตเกียว บิดาของเธอ สึดะ เซ็น เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านการเกษตรที่ถูกเรียกว่าเป็นผู้มีหัวสมัยใหม่ ซึ่งเซ็นเคยเป็นข้ารับใช้ให้กับรัฐบาลโชกุนในฐานะล่าม เนื่องจากเขาเคยเรียนภาษาอังกฤษและภาษาดัตช์มาตั้งแต่เด็ก ๆ อีกด้วย

ปี ค.ศ. 1871 ครั้นเมื่ออุเมโกะมีอายุได้เพียง 6 ขวบ เธอได้เดินทางจากบ้านเกิดไปศึกษาที่อเมริกาตามกำหนด 10 ปี ในฐานะ 1 ใน 5 สมาชิกของ ‘ภารกิจอิวาคุระ’ ซึ่งอุเมโกะเป็นเด็กผู้หญิงที่มีอายุน้อยที่สุดในภารกิจนี้ การไปศึกษาที่ต่างประเทศนั้นเป็นความตั้งใจของเซ็น ผู้เป็นบิดา เนื่องจากเขาเคยทำหน้าที่ล่ามให้รัฐบาลโชกุนเมื่อปี ค.ศ. 1867 และได้เปิดหูเปิดตาทางด้านเกษตกรรมและความเสมอภาพทางเพศของอเมริกา เขาจึงอยากให้ลูกสาวได้สัมผัสประสบการณ์นั้นด้วย

อุเมโกะใช้เวลาเกือบ 1 เดือนข้ามน้ำข้ามทะเลไปเทียบท่าที่ซานฟรานซิสโก และไปอาศัยอยู่กับครอบครัวนักการทูตชาวอเมริกันที่วอชิงตัน ดี.ซี. เนื่องจากครอบครัวที่อุเมโกะอาศัยอยู่ไม่มีลูก เธอจึงได้รับความรักใคร่เอ็นดูเหมือนเป็นลูกแท้ ๆ และได้เรียนรู้วัฒนธรรม ภูมิปัญญาแบบตะวันตกอย่างเต็มที่ จนทำให้เธอตัดสินใจเข้าพิธีรับศีลล้างบาปอีกด้วย

อุเมโกะจบการศึกษาที่โรงเรียนหญิงล้วน ซึ่งช้ากว่ากำหนดเดิมไป 1 ปีตามความตั้งใจของเธอเอง เธอในวัย 18 ปีเดินทางกลับญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1882 และต้องเจอกับเหตุการณ์คัลเจอร์ช็อกในบ้านเกิดตัวเอง ทั้งการกดขี่ทางเพศของผู้หญิงญี่ปุ่นที่แตกต่างกับผู้หญิงอเมริกันโดยสิ้นเชิง การถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับคนที่พ่อแม่เป็นผู้เลือกตั้งแต่อายุได้เพียงไม่กี่สิบปี และเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชายที่ได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศเช่นเดียวกันแล้ว พวกเขาได้รับการความคาดหวังจากรัฐบาลเมจิมากกว่า ขณะที่กลุ่มผู้หญิงที่ได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศอย่างอุเมโกะ กลับมีทางเลือกแค่แต่งงานออกเรือนเท่านั้น

ต่อมา อุเมโกะได้มีโอกาสนำเอาความรู้และความสามารถของเธอมาใช้ โดยการเป็นครูสอนที่โรงเรียนสตรีที่เป็นลูกหลานของตระกูลชนชั้นสูง ตามคำแนะนำของ อิโต ฮิโรบูมิ นายกรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะนักเรียนยังขาดความใฝ่รู้ด้านการศึกษา และถูกสอนเพื่อเป็นผู้รับใช้ปรนนิบัติสามีเท่านั้น นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้อุเมโกะฝันที่จะสร้างสถานศึกษาในแบบของเธอเอง

ปี ค.ศ. 1889 อุเมโกะกลับไปศึกษาต่อที่อเมริกาอีกครั้ง ในวิทยาลัยสตรี Bryn Mawr สาขาวิชาชีววิทยา เพื่อตอกย้ำกับตัวเองถึงความสำคัญด้านการศึกษาสำหรับผู้หญิง โดยระหว่างเรียนอยู่ที่นั่น เธอได้ตั้งระบบทุนการศึกษาเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงญี่ปุ่นที่อยากมาเรียนต่อในอเมริกาเหมือนกับเธอด้วย จากนั้น เธอได้เดินทางกลับญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1892 และทำหน้าที่เป็นครูสอนที่โรงเรียนสตรีตระกูลชนชั้นสูงตามเดิม เพิ่มเติมคือการควบหน้าที่ครูสอนที่โรงเรียนสตรีเมจิอีกแห่งด้วย

ต่อมาในปี ค.ศ. 1900 อุเมโกะลาออกจากการเป็นครู และก่อตั้งวิทยาลัยสตรี ‘โจชิ เองะคุ จูคุ’ หรือมหาวิทยาลัยสึดะในปัจจุบัน โดยวิทยาลัยของเธอมุ่งเน้นการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งในปีแรก มีนักเรียนใหม่จากทั่วประเทศทั้งหมด 10 คน โดยนักเรียนทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งครูสอนภาษาอังกฤษผู้หญิงในสมัยนั้นมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ชาย การก่อตั้งวิทยาลัยสตรีในครั้งนี้ จึงถือเป็นใบเบิกทางสำคัญก้าวแรกที่อุเมโกะได้สร้างขึ้นเพื่อทำให้ผู้หญิงญี่ปุ่นมีบทบาทในสังคมมากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม สึดะ อุเมโกะ ได้ถึงแก่กรรมด้วยวัย 64 ปี จากอาการป่วย ที่บ้านพักในเมืองคามาคุระ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1929

จบกันไปแล้วสำหรับประวัติที่น่าสนใจของ ‘สึดะ อุเมโกะ’ ว่าที่บุคคลในธนบัตร 5,000 เยน ผู้บุกเบิกด้านการศึกษาของผู้หญิงญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยสึดะในปัจจุบัน ครั้งหน้า เราจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับ คิตาซาโตะ ชิบาซาบุโร่ ว่าที่บุคคลในธนบัตร 1,000 เยน นักฟิสิกส์และนักวิทยาแบคทีเรีย บิดาแห่งการแพทย์สมัยใหม่ ผู้ค้นพบวิธีการรักษาโรคบาดทะยัก อย่าลืมติดตามกันในตอนต่อไปนะคะ! และถ้ายังไม่ได้รู้จักกับชิบุซาว่า เออิจิ บิดาแห่งทุนนิยมสมัยใหม่ของญี่ปุ่นผู้จะมาอยู่บนธนบัตร 10,000 เยนล่ะก็ ไปทำความรู้จักกันได้เลย

สรุปเนื้อหาจาก : tsuda.ac.jp, intojapanwaraku.com, ndl.go.jp

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...