Emotional Beauty แต่งหน้ายังไงให้เข้ากับอารมณ์ มากกว่าแค่สวย ?
การแต่งหน้าสามารถทำให้เราดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นเคยสังเกตไหมว่าการเลือกสีลิปสติกสีโปรดในวันนั้นทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้นทันทีบ้างหรือไม่? หรือบางทีแต่งหน้าแบบเดิมทุกวันแต่ทำไมวันนี้รู้สึกไม่มั่นใจ? ทั้งหมดนั้นจะโทษเมคอัพหรือสีเมคอัพอย่างเดียวไม่ได้ เพราะทุกอย่างมีต้นเหตุนั่นคือ Emotional Beauty ที่ส่งผลมาจากภายในออกสู้ใบหน้าของเราต่อให้แต่งหน้าแบบเดิมทุกวันแต่ความรู้สึกข้างในไม่ได้เป็นไปตามอารมณ์ก็สามารถทำให้เราส่องกระจกแล้วหม่นหมองลงได้ แล้ว Emotional Beauty จะสำคัญยังไงในการเลือกเมคอัพต้องมาไขความรู้ในส่วนนี้กัน อาจจะทำให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้นได้ ไปดูกันเลย
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
Emotional Beauty คืออะไร
Emotional Beauty หรือความงามทางอารมณ์ เป็นแนวคิดที่เชื่อมโยงความรู้สึกจากภายในออกมาสู่ภายนอกของในแต่ละคน ซึ่งแนวคิดนี้นั้นนำมาแสดงให้เห็นว่าความสวย ความงามไม่ได้หมายความถึงแค่ผิวที่ใสหรือรูปร่างที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอารมณ์ ความมั่นใจ และจิตใจที่แข็งแรงอีกด้วย สังเกตได้เลยว่าเมื่อเรารู้สึกมีความสุข สงบ และเข้มแข็ง ก็มักจะแสดงออกทางสีหน้าและทัศนคติ รวมถึงการดูแลร่างกาย ความเป็นอยู่ที่ดีทางอารมณ์ หลายคนเชื่อว่าผิวที่เปล่งปลั่งและรอยยิ้มที่สดใสไม่ได้มาจากผลิตภัณฑ์การดูแลผิวเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากความรู้สึกที่ดีจากภายในด้วยความมั่นใจ ความรักตัวเอง และทัศนคติเชิงบวก บอกเลยว่าล้วนเป็นส่วนหนึ่งของ Emotional Beauty
เมื่อเรารู้สึกมีความสุข ความสงบ และความมั่นใจ สิ่งเหล่านี้มักจะแสดงออกทางใบหน้าอย่างชัดเจนสามารถทำให้ผิวดูมีสุขภาพที่ดีขึ้น รอยยิ้มที่สดใสขึ้น และมีออร่าความเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติได้ เนื่องจากว่าเพราะอารมณ์ที่ดีสามารถช่วยลดความเครียดและยังช่วยลดสาเหตุของปัญหาผิว เช่น สิว ผิวแห้ง และการหมองคล้ำ เป็นต้น ดังนั้นการดึงแนวคิด Emotional Beauty มาใช้ในการดูแลสุขภาพอารมณ์จึงมีความสำคัญพอๆ กับการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิวของแต่ละคน เพราะการรู้สึกดีจากภายในจะช่วยเพิ่มความมั่นใจจนกลายเป็นสิ่งที่สามารถสะท้อนออกมาสู่ภายนอกอย่างเป็นธรรมชาติได้
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
How to เลือกสีเมคอัพแบบไหนให้เหมาะกับมู้ดนั้นๆ
- อารมณ์สดใสและมีชีวิตชีวา
เลือกลุคเมคอัพแบบธรรมชาติ (Makeup No Makeup) คือเน้นการเตรียมผิวให้เรียบเนียนด้วยรองพื้นที่บางเบาใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดจุดบกพร่องเล็กน้อยปัดแก้มสีชมพูเบาๆเขียนคิ้วให้เป็นธรรมชาติทาลิปก็ใสใสหรือลิปสีชมพูอ่อน หรือการเลือกใช้สีสันสดใส เช่น สีชมพู สีส้ม หรือสีเหลืองอ่อน เน้นการแต่งตามีมิติและและใช้สีลิปสติกที่ให้ความรู้สึกสดใส
- อารมณ์ผ่อนคลายและสงบ
เลือกเน้นสีสันที่นุ่มนวลไม่ฉูดฉาดเกินไป เช่น โทนสีธรรมชาติ สีพาสเทล หรือสีโทนเย็นที่ช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย นอกจากนี้นั้นเลือกเน้นงานผิวให้ดูเรียบเนียนและสดใส เน้นใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว สามารถใช้คอนซีลเลอร์ แป้งฝุ่นเพื่อให้น่าดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นได้ อาจจะเลือกใช้มาสคาร่าเพื่อให้ขนตาดูงอนยาวและหนาขึ้น นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้อายไลน์เนอร์สีเข้มหรือการแต่งตาที่ดูฉูดฉาด รวมไปถึงการเลือกใช้สีโทนธรรมชาติ เช่น สีเบจ สีน้ำตาล หรือสีชมพูอ่อน เน้นการแต่งเติมแบบธรรมชาติ และใช้สีลิปสติกสีอ่อนเพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย
- อารมณ์มั่นใจและมีพลัง
การแต่งหน้าที่เสริมความมั่นใจนั้นสามารถเลือกใช้เมคอัพได้หลากหลายสไตล์ อาจจะเน้นที่สีสันสดใสหรือเน้นกรอบหน้าชัดหรือสีลิปสติกที่โดดเด่นขึ้นมาได้ เช่น เลือกใช้สีเข้มให้มีมิติ เช่น สีแดง สีม่วง หรือสีดำ เน้นการแต่งตาแบบมีมิติ และใช้ลิปสติกสีเข้มเพื่อสร้างความรู้สึกมั่นใจ
- อารมณ์เซ็กซี่
คือการแต่งหน้าให้ดูมีความสบายไม่ดูพยายามเซ็กซี่จนเกินไป เช่น ผิวเรียบเนียนผุดผ่อง ดวงตาเป็นตาประกาย ขนตางอนหนา พวงแก้มชมพูสุกเปล่งปลั่ง และเน้นความโดดเด่นโดยใช้สีแดงหรือสีเข้มอื่นๆ บนปากเพื่อสร้างความเซ็กซี่และมีเสน่ห์
- อารมณ์ซึมเศร้า
เลือกใช้สีโทนเย็นและไม่จัดจ้าน เช่น สีเทา สีเงิน หรือสีขาว เน้นการแต่งตาแบบธรรมชาติและใช้สีเพื่อช่วยให้ดูผ่อนคลาย หรืออาจจะมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมเพื่อช่วยผ่อนคลาย แต่อาจจะระมัดระวังในคนที่มีอาการแพ้ง่าย ซึ่งการเลือกกลิ่นที่หอมนั้นจะช่วยผ่อนคลายและลดอารมณ์เศร้าลงได้อย่าง เช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ เป็นต้น
สีที่เราเลือกใช้ในการแต่งหน้าสามารถส่งผลต่ออารมณ์ของเราได้อย่างมาก อย่างเช่น โทนสีอุ่นๆ สีแดง สีส้ม และสีเหลือง สื่อพลังงานความหลงไหลและความตื่นเต้น ในขณะที่โทนสีเย็นๆ เช่น สีฟ้า สีเขียว และสีม่วงมักสื่อถึงความสงบสันติ และความคิดสร้างสรรค์ หากเป็นการทาสีลิปสติกสีสดใสจะช่วยให้รู้สึกสนุกสนาน จิตใจแจ่มใส และรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น ในขณะที่อายแชโดว์สีกลางๆ ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนจะช่วยให้รู้สึกสนุกและผ่อนคลาย เมื่อเราสามารถเข้าใจความสัมพันธ์ทางจิตวิทยาของสีต่างๆ แล้ว เราก็สามารถเลือกเฉดสีที่เข้ากับอารมณ์หรือสภาวะทางอารมณ์ที่เราต้องการหรืออารมณ์ในวันนั้นๆ ได้
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
แจก 5 ไอเดียแต่งหน้าตามอารมณ์ วันนี้รู้สึกยังไงบอกได้จากเมคอัพ
อารมณ์สดใสและมีชีวิตชีวา
เน้นสีสันสดใสให้เหมาะกับมู้ดอารมณ์ที่กำลังมีความสุขและความสนุก ลุคนี้อาจจะเน้นเป็นสีชมพูติดสีชมพูกุหลาบให้ทั้งความหวานและความสดใสให้กับใบหน้า และเน้นการแต่งดวงตาให้ดูกลมโต เป็นลุคและสไตล์ที่เพิ่มหน้าให้หน้าดูเด็กลงได้ด้วย
อารมณ์ผ่อนคลายและสงบ
โทนสีกลางๆ เน้นความธรรมชาติตามลุคที่เน้นผ่อนคลาย ไม่เน้นสีใดสีหนึ่งให้โดดเด่นจนเกินไป แต่จะพยายามใช้โทนสีที่ไปทางเดียวกัน ทำให้ลุคมองแล้วดูสงบ เข้าถึงง่าย และดูผ่อนคลายไปในตัว
อารมณ์มั่นใจและมีพลัง
จุดเด่นคือสีปากที่เข้มและติดแดงแต่ไม่แดงแมตช์มากเกินเพราะจะให้อารมณ์อีกลุคหนึ่ง ซึ่งเมคอัพนี้ช่วยเสริมความมั่นใจแบบสามารถแต่งตามได้ง่าย ใช้แต่งในการเจรจาจะช่วยดึงดูดได้เป็นอย่างดี
อารมณ์เซ็กซี่
สีแดงแบบแมตช์ให้ความรู้สึกเซ็กซี่ รวมทั้งเมคอัพที่ใช้สีกลางๆ เพื่อเน้นริมฝีปากให้โดดเด่น ได้ลุคเซ็กซี่ที่พอดีไม่พยายามจนเกินไป และเพิ่มความตาเฉี่ยวตาคมให้รับกับสีปากที่ชัดขึ้น
อารมณ์ซึมเศร้า
โทนสีกลางๆ จนไปถึงอ่อน แสดงออกถึงมู้ดที่เศร้าแต่ยังคงให้ความมั่นใจได้อยู่ เพราะด้วยโทนสีที่ไม่ฉูดฉาดและเน้นความธรรมชาติ จึงยังคงทำให้มู้ดเศร้าแต่เป็นเศร้าที่ไม่มาก
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับการทำความรู้จักกับ Emotional Beauty การแต่งหน้าตามมู้ดอารมณ์ให้เข้ากับวัน สถานการณ์ ที่มากกว่าความสวย ซึ่งจะเห็นได้เลยว่าแต่ละมู้ดนั้นจะมีการเน้นสีของเมคอัพที่แตกต่างกันไป ซึ่งสีแต่ละเมคอัพก็ยังสามารถบ่งบอกอารมณ์ของผู้แต่งได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้เลยว่าเวลาที่เรามีความสุขหรือสดใสนอกจากสีเมคอัพที่ช่วยให้ใบหน้าดูออร่าขึ้นแล้วนั้น อารมณ์ภายในก็ยิ่งช่วยส่งเสริมมากยิ่งขึ้นจนทำให้คุณกลายเป็นคนน่ามอง เพราะอารมณ์ที่ดีจะสามารถส่งผ่านดวงตาและสีหน้าเสมือนเป็นการส่งเสริมทั้งเมคอัพและสีเมคอัพให้โดดเด่นมากขึ้นนั่นเอง แต่ปัจจุบันอาจจะเห็นว่าการเลือกเมคอัพนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับอารมณ์อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับสไตล์ความชอบของแต่ละคน ความมั่นใจในการเลือกโทนสีให้เข้ากับผิว แต่ทั้งหมดนั้นไม่ว่าคุณจะแต่งหน้าแบบไหน Emotional Beauty ก็ยังคงเป็นสิ่งที่สามารถสะท้อนได้เป็นอย่างดีจากอารมณ์ทางใบหน้าของตัวเรานั่นเอง
ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : kennethshuler, rixincosmetics
บทความอื่นๆ ที่แนะนำ