โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

'ดอม เหตระกูล'เปิดตำนานคุย 6 วันขอแฟนแต่งงาน พร้อมเล่าร่วมงาน'ลิซ่า'

แนวหน้า

เผยแพร่ 24 มิ.ย. เวลา 17.00 น.

ออกมาเปิดใจสำหรับนักแสดงหนุ่ม “ดอม เหตระกูล” ที่มาย้อนเล่าเบื้องหลังเส้นทางโกอินเตอร์ได้ร่วมงานกับโปรดักชั่นระดับโลก พร้อมเผยความรู้สึกหลังได้แสดงร่วมกับสาว “ลิซ่า BLACKPINK” พร้อมเปิดเผยเส้นทางความรักกับภรรยานานกว่า 23 ปี คุย 6 วันขอแต่งงาน!! ในรายการ คุยแซ่บSHOW ออกอากาศทางช่องOne 31 ที่มีพุฒ พุฒิชัย และ เบนซ์ พรชิตา ดำเนินรายการ

ปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของการเป็นนักแสดง เรื่องที่เพิ่งจบไปคือ “ชะตาหงส์” ได้เรทติ้งอันดับหนึ่งของช่องวัน?

ดอม : ครับผม อันนี้ก็ได้ทางทีมนักแสดงครบ เรตติ้งเฉลี่ย 7.4

พอเห็นเรตติ้งแบบนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง ?

ดอม : ก็รู้สึกดีใจแทนนักแสดงทุกคน ทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ และที่นี่ก็มีบทให้กับทุกตัวละครไม่ว่าจะรุ่นใหม่เลือกใหม่พระเอกนางเอก ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหญ่อย่างพวกผม หรือพี่แหม่ม จินตหรา

เรื่องขอเล่นเองด้วย ?

ดอม : ใช่ครับ เพราะเราดูพฤติกรรมของคนดู ว่าตอนนี้ควรหันมาดูละครก่อนข่าวเยอะขึ้น พอหลังสองทุ่มครึ่งเค้าก็จะมีกิจธุระไปทำอื่นๆของเค้า ไปอยู่กับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียบ้างทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง ซึ่งละครบ้านเราก็ถือว่าทำได้ดีอยู่ แต่มันอาจจะแชร์ไปด้วยช่องทางอื่นๆอย่าง สตีมมิ่ง ในโซเชียล เพราะฉะนั้นเราเลยคิดว่า ถ้าคนไปกองกันอยู่ละครก่อนข่าวงั้นเราขอเล่นได้ไหม เพราะเราเห็นละครก่อนข่าวของหลายหลายช่องเรตติ้งดี เราเลยขอเถอะ

นอกจากละครบ้านเรา ล่าสุดก็ยังโกอินเตอร์ จุดเริ่มต้นที่ได้ไปเล่นซีรีส์ “The White Lotus Season 3” ?

ดอม : ก็ได้เข้าไปปกติเลย ก็มีการเรียกไปออดิชั่น ที่เกิดขึ้นทุกที่กับทุกโปรเจค มันเป็นเรื่องราวปกติ การไปแค้นคือการให้เขาได้ดูว่าเราเหมาะสมจริงๆมั้ย รูปก็อย่างนึงการแสดงก็อย่างนึง มันมีขนาดที่เข้าฉากแล้วก็ยังเปลี่ยนตัวได้ ถ้าดูโดยรวมแล้วมันไม่เกิดเคมีเค้าก็เปลี่ยนได้ จุดเริ่มต้นเลยคือเรียกไปออดิชั่น เราก็ไม่ได้ติดอะไรพอเราทำงานเยอะเยอะแล้วเราก็รู้สึกเหมือนแบบว่าอยากได้อากาศใหม่ๆ เราเหมือนรีบูทรีสตาร์ทตัวเองใหม่ เพื่อที่จะไม่ได้ยึดกับบทบาทที่เราเคยได้รับ

อย่างเรื่องนี้ตอนเค้าส่งมาแคสเค้าก็ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร ?

ดอม : ไม่ได้บอกครับ เค้าจะมีแค่ชื่อโปรเจคของเขา อื่นๆใดๆ ดังนั้นก็รู้กันเฉพาะกลุ่มโปรดักชั่น แต่เราไม่รู้หรอก จริงๆแล้วมันเป็นขั้นตอนปกติ

พอแคสไปเค้าบอกตอนไหนว่าเราได้โปรเจ็คนี้ ?

ดอม : ก็อีกประมาณสองถึงสามสัปดาห์ครับ เพราะเค้าทำงานค่อนข้างเร็ว เนื่องจากเรื่องนักแสดงบางส่วนไปเรียบร้อยแล้วเค้าทำงานกันเร็วมาก

พอบอกว่าเป็นเรื่องนี้เรารู้สึกยังไงบ้าง ?

ดอม : เราไม่เคยดู ได้ยินคำเก่าอ้างจากคนรอบรอบตัวว่ามันดีนะ มันดัง แต่เราไม่เคยดูไม่เคยเสพ มานั่งอ่านตาม Google มาทำความเข้าใจว่ามันคือยังไง ตอนนั้นรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่ ก็ต้องมานั่งดูการเล่าเรื่องเขาว่าเป็นยังไง เราก็มาดูว่าตอนที่เราแคสได้เราแคสได้เพราะอะไร

มันยากไหมเราต้องเจอกับนักแสดงต่างชาติด้วย หนึ่งในนั้นมีลิซ่าร่วมด้วย?

ดอน : กับน้องลิซ่าผมก็เล่นปกติ การรับบทหรือเลือกบทตัวละคร ลิซ่าก็ถือว่าเป็นเดบิวเรื่องแรกเค้าก็พยามเต็มที่ สิ่งที่ออกมาเค้าก็อาจจะบอกว่าบทน้อยไปอาจจะไม่มีอะไรเลย แต่สิ่งที่น้องเป็นเหมาะสมกับตัวละคร สิ่งที่ออกมาบางคนอาจจะบอกว่าแอร์ไทม์น้อยไปหรือเปล่า แต่คนที่มาเล่นก็มีชื่อเสียงหมด วิธีการทำงานโปรดักชั่นก็จะแตกต่างจากบ้านเรา

ในชีวิตของการเป็นนักแสดงก็จะมีกราฟขึ้นและกราฟลง เคยผ่านช่วงงานน้อยมาแล้ว?

ดอม : มันก็เป็นเรื่องปกติของชีวิตคนเรา มีขึ้นมีลงทำยังไงก็หาอย่างอื่นทำ ช่วงที่งานน้อยก็อายุ 26-27 เราก็เลยหาอย่างอื่นทำโชคดีที่ตอนนั้น มีงานหนังต่างประเทศเข้ามาให้แคส เราก็ได้มีโอกาสสร้างคอนเน็คชั่นฝั่งนั้นด้วย ทุกคนมีขึ้นมีลงใช้เวลาระยะเวลาไม่เท่ากัน ตอนนั้นเราทำธุรกิจมอเตอร์ไซค์อยู่ก็ผลักดันมันขึ้นมาการรับงานละคร ตอนนั้นเราก็มองว่างานละครไม่ได้มีบทตัวเอกหรือพระเอก อย่างเดียวที่คนจะจำได้ก็คือไปเล่นร้าย เราก็เลยได้กลับมา พอตอนกลับมาตอนอายุ 31 ก็มีลูกพอดีก็เลยมีความพยายามมากขึ้น

คนนี้คือคุยกันกี่วันแล้วแต่งเลย ?

ดอม : เดทๆ เดทกันหกวันก็มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยียนคนที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ได้ไปที่ทำงาน เราก็เลยตัดสินใจเพราะไม่รู้ว่าในอนาคตมันก็จะมีทั้งดีกว่าและแยกกว่าปนกันไป แต่เราพอได้ก็พอถ้าเราไปเจอคนที่ดีกว่าและเราไม่พอก็ต้องไปต่อ เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องมองไปไกลกว่านั้น แต่เราก็ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้เหมือนกัน ถ้า6 วันแล้วมันโอเคมันก็จะโอเค

6 วันแล้วขอแต่งงานเลย ?

ดอม : ก็ขอแต่ที่เหลือก็รอไปอีกสองปี ผู้ใหญ่ก็บอกว่าอย่าพึ่งไม่ต้องรีบร้อน ก็จริงคือช่วงเวลา2 ปีที่ผ่านมา ก็มีทะเลาะกันบ้างเราก็คิดเสมอว่าถ้ามันเลือกมันก็ต้องเลือกตลอดชีวิต เราตั้งแต่ชาร์จกับตัวเองประมาณนึงนะ บางคนถามว่าเลือกเพราะอะไร สำหรับผมเองผมเลือกคนที่มีอะไรที่ผมไม่มี ก็ต้องมานั่งตอบตัวเองว่าแล้วเราไม่มีอะไร

แล้วตอนนั้นไม่มีอะไร?

ดอม : มันบอกไม่ได้แต่ตอนนั้นคือเค้าทุกอย่างที่ผมไม่มี เราไม่ได้มีไลฟสไตล์ที่เหมือนกัน ชีวิต ความเป็นอยู่เราก็ไม่ได้เหมือนกัน แต่ทุกวันนี้ที่ผมอยู่ได้มันเหมือนมีความบาลานซ์ ทุกคนอาจจะแสวงหาอย่างอื่นแต่ชีวิตคู่ของผมอยากหาในสิ่งที่ผมไม่มี คำแนะนำหรืออะไรบางอย่างที่วันนึงเรารู้สึกท้อ เค้าจะบอกว่าให้เราสู้ ถ้าเราดันทุลังสุดๆ เลยเค้าจะบอกว่าให้เราพอแล้ว มันมีคนผลักดันเวลาเราท้อ มันก็คือเป็นสิ่งที่ดีกว่า เราเห็นทุกอย่างแล้วเราคิดว่ามันโอเคก็โอเค สองปีที่ผ่านมาเราก็เจอปัญหาเหมือนที่ผู้ใหญ่เค้ากลัวย้อนกลับมาตอนนี้ก็ 24 ปี แล้วมันก็ไม่ได้ง่าย ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ง่าย เราต่างมีงานมีธุรกิจทุกวันนี้ ปีนี้ก็เป็นปีที่หนักอยู่

อยากให้แชร์เคล็ดลับว่าอะไรที่ทำให้เรารักกันมาได้นานขนาดนี้?

ดอม : มันเป็นสายสัมพันธ์บางอย่างที่เริ่มจากชอบ ประทับใจ เพราะมันมีความรัก มันจะทำให้เรายอมรับทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้กระทั่งข้อเสียอยู่กับมันได้ เพราะวันนึงมันจางไปมันก็เหมือนปูนที่ต้องฉาบใหม่ แล้วมันแยกกันยาก บางครั้งมันมีอารมณ์เยอะ บางทีก็ผ่อนบ้างเพราะความรักเป็นสายสัมพันธ์ที่เทียบกับอะไรไม่ได้ มันก็ต้องยืดหยุ่นยอมรับซึ่งกันและกันเข้าใจกันและกัน อยู่ด้วยกันและให้เกิดความสบาย บางครั้งทุกคนกลัวความเปลี่ยนแปลงแต่ทุกคนก็ไม่ได้อยากยึดติด เราโตขึ้นทุกวันความแก่เป็นความธรรมชาติของพวกเรา หลายหลายอย่างมันคือความธรรมชาติแล้วทำไมเราถึงไม่ยอมรับมัน

ลูกสาวตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว อายุเท่าไหร่แล้ว?

ดอม : ปีนี้ 18 แล้ว ลูกสาวมีเดทแล้ว

ห่วงไหมเวลาลูกสาวจะมีแฟนความรู้สึกเป็นพ่อเป็นยังไง?

ดอม : ก็ถ้าในอดีตเราเป็นแบบนั้นมันก็คงเป็นแบบนั้น ไม่ต้องหวงอะไรมากนัก คือมันเป็นความรู้สึกห่วง เวลาเราไม่เข้าใจมันจะมีความกลัวแทรกเข้ามา แต่มันต้องถามก่อนว่าเราอยากดูแลเขาไหมถ้าเราอยากดูแลเขามันก็ต้องเข้าใจกับสถานการณ์ มันก็จะห่วงน้อยลง สิ่งที่เราอยากรู้ก็ใช้ความเชื่อใจและความเข้าใจ ที่จะสะดวกใจคุยกัน ถามว่าหวงไหมก็หวง แต่ไม่ได้อะไรมากขนาดนั้นอยากทำให้เค้าเห็นมากกว่า ไม่อยากเสียความไว้ใจเชื่อใจจากลูกไป อย่างน้อยถ้าเราทำให้ลูกรู้สึกว่าเราอยากได้ ผู้ชายแบบนี้ คือเราไม่ต้องทำอะไรเยอะคือเค้าจะพยามหาผู้ชายที่แบบพ่อฉันเนี่ย ถ้าฉันอยู่และมีความสุขฉันอยากได้แบบนี้ เค้าค่อนข้างเอาตัวรอดเก่ง คือถ้าเค้าเป็นแบบนี้เราสบายแล้ว

เดี๋ยวลูกสาวจะไปเรียนต่อต่างประเทศด้วย?

ดอม : จริงๆเค้าเลือกไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าอยากเรียนต่างประเทศอยากไปเรียนพวกจิตวิทยา ถามว่าห่วงไหมก็ยังห่วงอยู่ แต่เชื่อว่าเค้าน่าจะโอเค

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...